วันเวลาผ่านผันไปอย่างสงบเงียบปลอดภัยวันแล้ววันเล่า
แต่ความสงบเงียบแบบนี้แลดูผิดปกติเอามากๆ ไม่ต่างอะไรกับความสงบที่เกิดขึ้นชั่วคราวก่อนพายุจะโถมกระหน่ำ และทันทีที่พายุมาถึง มันก็นำเอาคลื่นลูกยักษ์ตามติดมาด้วย
และพายุก็มาถึงแล้ว
เสี่ยวหม่าหายสาบสูญ
เขาหายตัวไปอย่างลึกลับ ไม่ว่าจะก่อนหายตัวหรือขณะหายตัวไปต่างล้วนมีบอดใหญ่จ้าวกับเจวียนจื่ออยู่ข้างกาย การที่คนทั้งคนจู่ๆ ก็มาหายตัวไป เป็นไม่พบคนตาย ไม่พบศพแบบนี้พูดไปใครจะเชื่อ
เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เขามาเป่ยจิงได้เดือนหนึ่ง จู่ๆ บอดใหญ่จ้าวก็พาเจวียนจื่อมาหาผมที่ร้าน บอกว่าเสี่ยวหม่าถูกภูตผีปีศาจจับตัวไป
ผมตกใจ กลางวันแสกๆ ภูตผีปีศาจที่ไหนจะออกมาจับตัวคนได้!
หลังบอกให้พวกเขานั่งดื่มชา ค่อยๆ เล่าเรื่องราวทั้งหมด ผมถึงได้เข้าใจว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
บอดใหญ่จ้าวเล่าว่าหลังเสี่ยวหม่ากับเจวียนจื่อไปอยู่ที่ทุ่งล่าสัตว์ ทั้งคู่ก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงาน เขารู้สึกไม่สบายใจ อยากพาสองพี่น้องออกไปเดินเล่นบ้าง ดูพระราชวังต้องห้าม พระราชวังฤดูร้อน กำแพงเมืองจีนดูอะไรต่อมิอะไร แต่เสี่ยวหม่ากลับดื้อรั้น ไม่ว่าจะพูดยังไงก็ยืนกรานไม่ไปท่าเดียว
นึกไม่ถึง จู่ๆ เสี่ยวหม่าก็เปิดช่อง บอกว่าอยากจะออกไปเดินเล่น ไปจุดธูปไหว้พระขอพรให้พ่อกับแม่ที่วัดยงเหอ
พอได้ยินแบบนั้น บอดใหญ่จ้าวก็เห็นดีเห็นงามตกลงรับปากทันที
ที่อยู่นอกวัดยงเหอคือถนนกุ่ยเจีย ถนนที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารการกินที่สุดของเป่ยจิง บอดใหญ่จ้าวตั้งใจว่าไว้จุดธูปขอพรเสร็จ ค่อยพาพวกเขาไปกิน ‘หมาเสี่ยว (กุ้งมังกรเล็กผัดพริกหมาล่า)’กบผัดเผ็ด และสะโพกแพะย่างที่ร้าน ‘เจียโถวอั้นเฮ่า’ให้สองพี่น้องได้ชิมอาหารรสเลิศของเมืองหลวง!
วันถัดมาบอดใหญ่จ้าวจึงใช้รถของทุ่งล่าสัตว์พาพวกเขาสองพี่น้องกับสามเณรน้อยไปวัดยงเหอ
วัดยงเหอเป็นวัดพุทธนิกายทิเบต เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของผู้คนจำนวนมาก ในแต่ละวันจะมีพุทธศาสนิกชนจากทิเบต ชิงไห่ ซื่อชวนและอื่นๆ เดินทางมาจุดธูปสามดอก คุกเข่าโขกศีรษะกราบไหว้กันเป็นจำนวนมหาศาล ยิ่งสุดสัปดาห์ยิ่งแล้วใหญ่ ทั้งวัดเต็มไปด้วยผู้คนเบียดเสียดยัดเยียดจนไม่ต่างอะไรกับเกี๊ยวในกระทะ
วัดยงเหอแห่งนี้มีวิธีการจุดธูปไหว้พระที่ไม่เหมือนใครเรียกว่า‘พบพระธูปสามดอก’ ทันทีที่ผ่านประตูเข้าไป ไม่ต้องสนใจว่าเป็นพระอะไร พอเห็นก็ถวายธูปสามดอกทันที ส่วนพระองค์ไหนที่เบิกเนตรแล้วก็ให้อธิษฐานขอพรต่อพระองค์นั้น
ขณะกำลังจุดธูป พวกเขาก็ได้ยินเสียงฮือฮาดังขึ้นที่วิหารด้านหลัง ฟ้ามืดมิดลงรวดเร็ว
บอดใหญ่จ้าวอยากรู้อยากเห็นจึงรีบวิ่งออกไปดู ก่อนจะพบว่าบนท้องฟ้าเหมือนมีเมฆดำก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งลอยผ่าน เมฆดำก้อนนั้นใหญ่โตเป็นพิเศษ เพียงไม่นานก็บดบังแสงอาทิตย์ไว้จนมิด เปลี่ยนท้องฟ้าให้กลายเป็นสีเขียวเข้ม ก่อนจะกลายเป็นสีน้ำเงินดำ
มีคนบอกว่านี่คือสุริยคราส สุนัขสวรรค์กลืนกินพระอาทิตย์ เป็นลางร้าย ให้ทุกคนรีบโขกศีรษะคำนับ!
ผู้คนทั้งในนอกวัดยงเหอต่างพากันคุกเข่าค้อมกายลงกับพื้น ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง รู้สึกก็แต่เพียงรอบกายมืดดำมากขึ้นทุกที ก่อนที่พระอาทิตย์จะค่อยๆ กลับกลายสว่างไสวขึ้นอีกครั้ง
มีคนตะโกน ‘ผ่านไปแล้วๆ ลุกขึ้นได้แล้ว!’
บอดใหญ่จ้าวลุกขึ้นยืน มองซ้ายมองขวา พบก็แต่เจวียนจื่อกับจ้าวตงเป่ย แต่กลับไม่พบเสี่ยวหม่า
เดิมพวกเขาไม่คิดใส่ใจ คนอย่างเสี่ยวหม่าจะหลงทางไปไหนได้ บอดใหญ่จ้าวลองโทรหาเสี่ยวหม่าดู แรกๆ ก็ยังโทรติดอยู่ แต่ต่อมาพบว่าอีกฝ่ายปิดเครื่อง เขาก็เริ่มรู้สึกผิดปกติ รีบไปที่ป้อมยาม บอกให้เจ้าหน้าที่ช่วยประกาศตามหา แต่จนกระทั่งประตูวัดยงเหอปิด พวกเขาก็ยังไม่พบ เสี่ยวหม่าหายตัวไปแล้ว