• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน ยอดสถาปนิกผู้พิทักษ์อาณาจักร เล่ม 1 ครั้งที่ 2

    บทที่ 2 บ้านตัวอย่าง Open (1)

     

     

    ภายในร้านเหล้าย่อยยับราวกับสนามรบ โต๊ะและเก้าอี้พังเสียหายกระจัดกระจายไปทั่ว นอกจากนี้ยังมีเศษจานแตกเกลื่อนอีกต่างหาก

    ให้ตายสิ หมอนี่จัดเต็มจริงๆ

    เขาหลุดจิ๊ปากทันใด และเมื่อเห็นว่าเจ้าของร้านเหล้ากำลังเก็บกวาดข้าวของที่หล่นกระจาย เขาก็ยิ่งรู้สึกแย่มากขึ้น

    “ยะ…ยินดีต้อนรับขอรับ”

    ชายศีรษะล้านกำลังจัดเก็บห้องที่รกระเกะระกะด้วยท่าทางขมขื่น ใบหน้าของเขายิ่งซีดเผือดลงไปอีกเมื่อมองมาทางลอยด์ แม้ความโกรธเคืองจะฉายวาบขึ้นมาชั่วขณะ แต่มันก็สลายหายไปแทบจะในพริบตา สิ่งที่ปรากฏเข้ามาแทนคือรอยยิ้มเจื่อนๆ ที่เขาอุตส่าห์ฝืนปั้นขึ้นมา มันเป็นรอยยิ้มของคนตกอับไม่มีทางเลือก เนื่องจากเขายังต้องใช้ชีวิตและทำมาหากินในแคว้นนี้ต่อ

    ดูจากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก็ควรจะเลือดขึ้นหน้าอยู่หรอก

    แต่เจ้าของร้านเหล้ากลับไม่อาจแสดงออกมาได้ พอเห็นอย่างนั้นลอยด์ก็พลันอารมณ์เสียขึ้นมา เพราะจู่ๆ ความทรงจำในอดีตก็ผุดขึ้นมาในหัว

    ตอนทำงานพาร์ตไทม์ที่ร้านเบียร์สดก็มีลูกค้าทำตัวหยาบคายเหมือนกัน

    เขาต้องบากบั่นหาเลี้ยงชีพ จึงทำงานพาร์ตไทม์มาแล้วแทบทุกอย่าง หนึ่งในนั้นก็คืองานพาร์ตไทม์ที่ร้านเบียร์สด เนื่องจากที่นั่นเป็นบาร์จึงมีลูกค้าเวียนมาทุกประเภท แน่นอนว่าย่อมมีคนหยาบคายปะปนอยู่ในนั้นด้วย ไม่สิ มีเยอะมากเลยต่างหาก

    พอเมาก็ตรงดิ่งมาสบถด่าพนักงานพาร์ตไทม์อย่างไม่สุภาพจนเป็นเรื่องปกติ บางคนถึงกับคว่ำโต๊ะหรือปาขวดเหล้าแตกเพียงเพราะเหตุผลที่ว่าเหล้าราคาแพงบ้าง ไม่ถูกใจกับแกล้มบ้าง หรือเพียงเพราะพนักงานพาร์ตไทม์ไม่โค้งทักทายถึงสะดืออย่างสุภาพนอบน้อมบ้าง นอกจากนี้ยังเคยมีกรณีชูขวดเหล้าที่แตกแกว่งไปมาและร้องตะโกนให้เจ้าของร้านออกมาด้วย

    เฮ้อ

    เขาได้แต่ถอนหายใจเมื่อนึกถึงความหลัง เพราะตอนนั้นเขาอยู่ในฐานะพนักงานพาร์ตไทม์ คนที่ตกเป็นรองอย่างเขาจะไปพูดอะไรกับฝ่ายที่เป็นต่ออย่างลูกค้าได้ รอจนลูกค้าพวกนั้นกลับไป อารมณ์ที่เดือดปุดๆ ในอกก็คงจะลดลงไปเองล่ะมั้ง

    เลิกคิดถึงมันดีกว่า

    นั่นเป็นความทรงจำที่ขมขื่นเหลือทน ด้วยเหตุนี้ลอยด์จึงเข้าใจความรู้สึกของเจ้าของร้านเหล้าเป็นอย่างดี แม้เขาจะไม่ได้เป็นคนสร้างความย่อยยับให้กับสถานที่แห่งนี้ แม้มันจะเป็นเรื่องที่เจ้าของร่างเคยก่อไว้ก็ตาม แต่เขาก็ยังกล่าวขอโทษกับเจ้าของร้านเหล้าด้วยความจริงใจ

    “ข้ามาขอโทษเรื่องเมื่อคืนขอรับ”

    “…ขอรับ?”

    “เป็นความผิดของข้าเองขอรับ ข้าควรจะนั่งดื่มเหล้าอย่างสงบเสงี่ยมแท้ๆ แต่กลับก่อเรื่องใหญ่โตเสียได้ ข้าจะไม่พูดเฉไฉว่ามันเป็นความผิดพลาด เพราะมันเป็นความผิดของข้าเต็มๆ”

    เขาพูดออกมาจากใจจริง แต่ดูท่าความจริงใจนั้นอาจจะถูกถ่ายทอดออกมาผิดวิธีไปสักหน่อย

    “เอ่อ คือว่า…คุณชาย เหตุใดท่านถึงพูดเช่นนี้ล่ะขอรับ”

    “…”

    ใบหน้าของเจ้าของร้านเหล้าเกินคำว่าซีดเผือดไปแล้ว ซ้ำยังกำลังแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำด้วย เหมือนเป็นใบหน้าของคนที่เพิ่งไปเผชิญหน้ากับยมทูตไม่มีผิด

    “คุณชายขอรับ ท่านยังไม่พอใจเรื่องเมื่อคืนอยู่หรือ เช่นนั้นรบกวนบอกข้าได้หรือไม่ว่าข้าทำอะไรผิดไป”

    “ไม่ใช่ขอรับ ข้าแค่…”

    “เหตุใดท่านจึงพูดสุภาพกับข้าล่ะขอรับ ยิ่งท่านพูดเช่นนี้ ข้ายิ่งรู้สึกกลัวนะขอรับ”

    “…”

    ดูเหมือนว่าเจ้าของร่างนี้จะเป็นตัวน่ารังเกียจในสายตาชาวบ้าน ซ้ำยังตราตรึงในใจพวกเขาไปแล้วสินะ ลอยด์เลียริมฝีปาก

    “งั้นพูดสบายๆ เช่นนี้ดีกว่าหรือ”

    “นะ…แน่นอนขอรับ”

    “แล้วเจ้าจะยอมรับคำขอโทษของข้าหรือไม่”

    “…”

    “ข้ากำลังคิดว่าจะชดใช้ค่าเครื่องเรือนที่ข้าทำเสียหายไปเมื่อคืนน่ะ”

    “จริงหรือขอรับ”

    พ่อค้าคนนี้ถูกหลอกลวงมาทั้งชีวิตหรือไงนะ ลอยด์เดาะลิ้น

    “ก็จริงสิ เดี๋ยวจะทำห้องอนดลให้เป็นการชดใช้แล้วกัน เจ้าคิดเห็นยังไง”

    “ขอรับ?”

    “หมายถึงห้องที่มีพื้นร้อนๆ ไง เจ้าไม่รู้จักหรือ”

    “ข้ารู้จักแต่การพรมน้ำลงบนหินร้อนน่ะขอรับ”

    “นั่นมันห้องซาวน่าอบไอน้ำแบบเปียก อนดลคือการทำให้พื้นห้องร้อนขึ้นมาต่างหาก นี่เจ้าไม่รู้จักจริงๆ น่ะหรือ”

    “…”

    นั่นไง ไม่รู้จักจริงด้วย

    เจ้าของร้านเหล้าเงียบไปเหมือนกลัวทองคำจะร่วงออกจากปาก ท่าทางคล้ายกับฮาเวียร์เมื่อครู่นี้ ดูแล้วก็มีโอกาสที่แผนการจะใช้ได้ผล ลอยด์ลอบเลียริมฝีปาก

    “น่าเสียดาย ไม่รู้จักอนดลงั้นรึ มันน่าจะดีกับมารดาเจ้ามากนะ”

    “ขอรับ?”

    “ข้าได้ข่าวมาว่าช่วงนี้มารดาเจ้าไม่สบาย”

    “อ๋อ ขอรับ ใช่ขอรับ”

    “ข้าเลยอยากแนะนำให้เจ้ารู้จักกับอนดลน่ะ”

    “…”

    “มันคือการทำให้พื้นร้อนขึ้น เจ้าไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเตียงเลยด้วยซ้ำ แค่เอนตัวลงนอนแนบพื้นอุ่นๆ ทั้งวันก็พอ ของที่ว่านี้ทำเอาห้องซาวน่าต้องชิดซ้ายไปเลยล่ะ”

    “…”

    เคลิ้มแล้ว เริ่มจะเคลิ้มแล้ว เขามองเห็นแววตาเจ้าของร้านเหล้าเริ่มหวั่นไหว แล้วความหวั่นไหวนั้นก็พุ่งทะยานสู่จุดสูงสุดเมื่อได้ยินคำพูดต่อไปของลอยด์

    “มันเหมาะกับผู้สูงอายุที่ปวดเมื่อยกระดูกมากเลยนะ ยิ่งอยู่ในช่วงฤดูหนาวหรือตอนที่ร่างกายรู้สึกเย็นยะเยือกเพราะความหนาวเย็นก็ยิ่งเหมาะเข้าไปใหญ่”

    “คุณชายหมายถึงคนอายุมากอย่างมารดาข้าน่ะหรือขอรับ”

    “ก็ใช่น่ะสิ” ว่ากันว่าพวกผู้สูงอายุมักชอบประคบอะไรร้อนๆ มากกว่าอยู่แล้ว

    “ว่าแต่คุณชายจะเอาของที่ว่านั่นมาให้ข้าหรือขอรับ คนอย่างคุณชายเนี่ยนะ?”

    “อืม พูดให้ถูกคือข้าจะสร้างให้เอง”

    “สร้างให้ข้าหรือขอรับ”

    “อืม”

    “…”

    “ไม่เชื่องั้นรึ”

    “แน่นอนว่า…”

    “แน่นอนว่าต้องไม่เชื่ออยู่แล้วสินะ เจ้าคงสงสัยว่าคนอย่างข้าคิดจะมาหลอกลวงอะไรกันแน่ ถึงได้พูดจาไร้สาระเช่นนี้ แล้วก็คงจะกังขาว่าเหตุใดข้าต้องทำอนดลให้คนอย่างเจ้า อีกทั้งอนดลอะไรมันมีอยู่จริงหรือไม่ก็ไม่รู้ แต่พอฟังแล้วก็นึกถึงมารดา เลยเริ่มจะหูผึ่งขึ้นทุกทีเพราะมันน่าดึงดูดใจใช่ไหมล่ะ”

    “…”

    “เรามาทำสัญญากันดีกว่า”

    “สัญญาหรือขอรับ”

    “อืม สัญญาจ้างก่อสร้าง”

    “หมายถึง…”

    “เอาปากกากับกระดาษมาหน่อยซิ”

    เจ้าของร้านเหล้ามีสีหน้างุนงงคล้ายจะจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่เขาก็ยังนำปากกาและกระดาษมาให้ลอยด์อย่างนอบน้อม ฝ่ายลอยด์จึงเขียนหนังสือสัญญาลงบนกระดาษด้วยความคล่องแคล่วช่ำชองทันใด

    หนังสือสัญญารูปแบบตะวันตกน่ะ ผมร่างขึ้นมาเองได้อยู่แล้ว

    ผู้ว่าจ้างคือเจ้าของร้านเหล้า ส่วนผู้ก่อสร้างคือเขา สถานที่ก่อสร้างคือลานด้านหลังร้านเหล้า

    “ค่าใช้จ่ายทั้งหมดรวมถึงค่าทำสัญญาก็เอาตามนี้แล้วกัน ถือเป็นค่าชดใช้สำหรับเครื่องเรือนที่ข้าทำพังไปเมื่อคืน เจ้าว่ายังไง”

    “หมายความว่าคุณชายจะช่วยสร้างอนดลอะไรนั่นให้ข้า แทนการชดใช้ค่าเสียหายของเครื่องเรือนอย่างนั้นหรือขอรับ”

    “ใช่แล้ว”

    ลอยด์พยักหน้า อันที่จริงตระกูลของบารอนเองก็กำลังมีปัญหาเรื่องหนี้สิน เขาจึงตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีแม้กระทั่งเงินที่จะชดใช้ให้เจ้าของร้านเหล้า แต่หากข้อตกลงเรื่องการก่อสร้างครั้งนี้บรรลุผลและสามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จล่ะก็…

    คงจะปิดยอดค่าเสียหายที่เดิมทีต้องติดลบได้แน่ๆ

    ไม่ใช่แค่ช่วยจุนเจือส่วนที่ติดลบ แต่หากทำได้ดีก็อาจจะพอกพูนจนกลายเป็นกำไรขึ้นมาได้ มันเป็นจุดเริ่มต้นของการกลิ้งก้อนหิมะแห่งกำไรอันมหาศาล นั่นคือภาพอันยิ่งใหญ่ที่ลอยด์คาดหวังไว้

    เพราะนี่คือสิ่งที่ผมพอจะทำได้ดีที่สุด

    เขาเคยเป็นนักศึกษาวิศวกรรมโยธาที่ค่อนข้างจะตั้งใจเรียน แต่แน่นอนว่าก็ไม่ได้มีความฝันที่ยิ่งใหญ่อะไร แค่เลือกมหาวิทยาลัยและคณะตามคะแนนสอบเข้าเช่นเดียวกับคนอื่นๆ จากนั้นก็พยายามเรียนให้ได้คะแนนดีๆ เพื่อจะได้หางานที่มั่นคง แต่ดูเหมือนว่าเขาจะได้นำความรู้ที่เก็บสั่งสมไว้ออกมาใช้ประโยชน์ที่นี่เสียแล้ว

    ว่ากันว่าคนที่ทำเงินได้มากที่สุดคือคนที่หากินกับที่ดิน โดยเฉพาะผู้รับเหมาก่อสร้าง

    อพาร์ตเมนต์ อาคาร สะพาน ถนน เขื่อน กำแพงกันคลื่น คลอง ท่าเรือ ไม่ว่าจะสร้างอะไรก็ล้วนเป็นเงินเป็นทองทั้งสิ้น และผู้รับเหมาก่อสร้างก็คือผู้ที่นั่งบนกองเงินกองทอง ยิ่งได้โครงการขนาดใหญ่มากเท่าไรก็ยิ่งทำเงินได้มากเท่านั้น ลอยด์ลอบคิดถึงความเป็นไปได้นั้นเอาไว้แล้ว

    “เอาล่ะ ข้าถึงได้ชวนให้มาทำสัญญากันไง แล้วคำตอบของเจ้าล่ะ”

    “คุณชายจะทำจริงๆ หรือขอรับ”

    “ข้าบอกแล้วว่าจะทำให้ หรือเจ้าไม่เอา?”

    “มะ…ไม่ใช่อย่างนั้นขอรับ”

    ในที่สุดเจ้าของร้านเหล้าที่ยังละล้าละลังก็ยอมลงนามใน ‘สัญญาจ้างก่อสร้างห้องอนดล’

    คิมซูโฮ นักศึกษาวิศวกรรมโยธาแห่งสาธารณรัฐเกาหลี

    ลอยด์ บุตรชายคนโตของบารอนฟรอนเทรา

    มันเป็นสัญญาจ้างงานฉบับแรกที่เขาสามารถคว้ามาได้ในโลกที่ไม่คุ้นเคย แม้จุดเริ่มต้นอาจจะดูเล็กน้อยไปสักหน่อย แต่มันคือการก้าวเดินอย่างค่อยเป็นค่อยไป

    และแล้วการก่อสร้างครั้งแรกที่เขาเฝ้ารอคอยก็เริ่มต้นขึ้น

     

    “เขาเป็นคนซื่อตรงและจริงจังนะขอรับ”

    พวกเขาเดินออกจากร้านเหล้าได้ประมาณหนึ่งนาที ฮาเวียร์ก็เปิดปากพูดหลังจากนิ่งเงียบมานาน

    “เจ้ากำลังพูดถึงอะไร”

    เมื่อหันไปมองก็เห็นว่าสีหน้าของฮาเวียร์ยังคงเหมือนเดิมไม่มีผิด ไม่สิ นี่ผมคิดไปเองหรือเปล่า ถึงได้รู้สึกเหมือนกับว่ามีลมหนาวที่ทวีความเย็นยะเยือกพัดมาน่ะ

    “คนที่ตกอยู่ในสภาวะจนตรอกมักจะรู้สึกสิ้นหวัง ทำให้สายตามองเห็นสถานการณ์ได้แคบลง ความสามารถในการตัดสินใจเองก็ลดน้อยตามไปด้วย คนเช่นนี้มักตกเป็นเหยื่อของคนมีเล่ห์เหลี่ยมได้ง่ายขอรับ”

    “เหยื่องั้นหรือ”

    “ขอรับ”

    “อ๋อ นี่เจ้ากำลังจะบอกว่าเจ้าของร้านเหล้าเป็นเหยื่อที่น่าสงสาร ส่วนข้าคือคนเหลี่ยมจัดที่ไปหลอกเอาเงินจากเขาสินะ”

    “จะเป็นคนเหลี่ยมจัดหรือไม่ คงขึ้นอยู่กับการกระทำหลังจากนี้ของคุณชายลอยด์ขอรับ”

    “เฮ้” ก็คิดอยู่ว่าเหตุใดบรรยากาศดูเย็นยะเยือกผิดปกติ ลอยด์เพิ่งรู้ตอนนั้นเองว่าฮาเวียร์คิดอะไรอยู่ “อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดว่าข้าจะไปหลอกเอาเงินจากเจ้าของร้านเหล้าจริงๆ น่ะ”

    “ไม่ใช่อย่างนั้นขอรับ”

    “แล้วยังไง”

    “ข้าแค่คิดว่าคุณชายกำลังฉวยโอกาสจากความจนตรอกของคนที่ถูกมองว่าตกอับขอรับ”

    …มันก็เหมือนกันไม่ใช่เรอะ ลอยด์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ดูเหมือนว่าพอเข้ามาอยู่ในร่างเจ้าสวะนี่ เขาจะถูกเข้าใจผิดไปเสียทุกเรื่องจริงๆ

    “งั้นเรามาสรุปกันหน่อยดีกว่า เจ้าคิดว่าข้าจะไม่สร้างห้องอนดลให้เจ้าของร้านเหล้าหรือ”

    “ใช่ขอรับ”

    “เพราะเหตุใด”

    “เพราะคุณชายลอยด์เป็นคนที่ไม่เคยให้มือเปรอะเปื้อนดินแม้แต่ครั้งเดียวขอรับ”

    “เจ้ารู้ได้ยังไง”

    “ข้าได้ยินคนอื่นเขาพูดกันน่ะขอรับ”

    “แสดงว่าไม่เคยได้เห็นกับตาตัวเองสินะ”

    “ขอรับ”

    “เจ้าช่างไร้เหตุผลต่างจากรูปลักษณ์ลิบลับเลย ฮาเวียร์”

    “ขอรับ?”

    เป็นครั้งแรกที่คิ้วงดงามดุจภาพวาดของฮาเวียร์ขมวดลงเล็กน้อย ลอยด์จ้องไปยังฮาเวียร์ซึ่งสูงกว่าเขาเกือบห้าเซนติเมตรพลางพูดขึ้น

    “ข้าแอบผิดหวังนะ ฮาเวียร์ เจ้าตัดสินผู้อื่นด้วยข่าวลือที่ได้ยินมาหรอกหรือ”

    “คือว่า…”

    “นั่นเรียกว่าอคติ”

    “…”

    “ตอนนี้ก็เช่นกัน เจ้าเห็นตอนที่ข้าทำสัญญาจ้างงานกับเจ้าของร้านเหล้าแล้วไม่ใช่หรือ เจ้าคิดว่าข้าจะเอาสัญญานั้นไปทำอะไรล่ะ”

    “แน่นอนว่า…”

    “เจ้าคิดว่าข้าจะเอามันไปโยนทิ้งไว้ซอกหลืบที่ไหนสักแห่ง แล้วนอนเล่นตีพุงไปวันๆ สินะ”

    “ไม่ใช่อย่างนั้นขอรับ”

    ไม่ใช่ที่ไหนกันล่ะ ถูกเผงเลยต่างหาก

    เขารู้สึกตั้งแต่เมื่อครู่แล้วว่าฮาเวียร์ไม่มีพรสวรรค์ในการโกหกเอาเสียเลย เพราะทุกครั้งที่โกหกเจ้าหมอนี่มักหลบตาฝ่ายตรงข้ามจนติดเป็นนิสัย เมื่อครู่เองก็เช่นกัน

    “เจ้าคงคิดว่าข้าจะตบตาเจ้าของร้านเหล้าโดยการเอาสัญญาจ้างมาเป็นข้ออ้าง แสร้งบอกว่าสักวันจะสร้างห้องอนดลให้ แล้วอาศัยคำโกหกผลัดวันที่จะชดใช้ค่าเสียหายออกไปเรื่อยๆ สินะ”

    “ข้าเพียง…”

    “นั่นแหละที่เรียกว่าอคติ การด่วนตัดสินคนอื่นด้วยความคิดของตัวเองอาจเป็นต้นตอของความขัดแย้ง การเหยียดเชื้อชาติ ความสั่นคลอนในครอบครัว ไปจนถึงการล่มสลายของสังคมได้เลย”

    ฮาเวียร์ปิดปากเงียบ คงเพราะคิดว่าเขาแค่พูดจาเล่นลิ้นเฉยๆ เลยนึกไม่ถึงว่าจะตนถูกโต้กลับเช่นนี้ ลอยด์ไม่ได้พยายามเปลี่ยนความคิดของอีกฝ่ายในทันที เพียงพยักพเยิดไปทางฮาเวียร์แล้วเอ่ย

    “เอาเป็นว่าข้าพอจะเข้าใจความคิดของเจ้าแล้ว คราวนี้ก็ช่วยหลบหน่อยได้ไหม”

    “ขอรับ?”

    “ขยับไปข้างๆ สองก้าว ใช่แล้ว ทางนั้นแหละ ข้ากำลังวัดพื้นที่คร่าวๆ อยู่”

    นี่เป็นความจริง เขาทำอย่างนั้นตั้งแต่เมื่อครู่ก่อนที่ฮาเวียร์จะเอ่ยปากพูดด้วยซ้ำ เพราะไม่ว่าอย่างไรลานด้านหลังตรงนี้ก็เป็นพิกัดในการสร้างห้องอนดลอยู่แล้ว การมาดูหน้างานก่อนลงมือออกแบบและเตรียมวัสดุถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

    แต่ถึงยังไงก็คิดจะสร้างแบบกะทัดรัด คงไม่จำเป็นต้องวัดพื้นที่ละเอียดมากหรอก ดูๆ ไปที่ดินแอบเอียงนิดหน่อยแฮะ คงต้องปรับระดับให้เท่ากันด้วย

    ริมแปลงที่ดินด้านหนึ่งมีร้านเหล้าตั้งอยู่ ส่วนอีกด้านเป็นบ้านที่เจ้าของร้านใช้พักอาศัย ถ้าสร้างห้องอนดลไว้ตรงกลางก็น่าจะดี

    ลองดูลักษณะดินหน่อยดีกว่า

    ลอยด์ย่อตัวลงเพื่อสังเกตดินบริเวณที่จะสร้างห้องอนดล จากนั้นลองกำมันขึ้นมาขยำดู

    เฮ้อ คิดถึงตอนมหาวิทยาลัยเลย

    พอมานั่งสัมผัสดินอย่างนี้ เขาก็อดนึกถึงคาบบรรยายเรื่องปฐพีกลศาสตร์ไม่ได้ มันเป็นวิชาที่ศึกษาลักษณะต่างๆ ของดิน เช่น ปริมาตรของอนุภาคดิน ช่องว่างของดิน ฯลฯ วิชานี้ทำให้เขาต้องไปขุดดินมาเยอะมาก ไม่เพียงเท่านั้นเขายังต้องนำดินที่ขุดได้มาคลึงเหมือนขี้ยางลบ คลึงมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกว่ามันจะแตก เคยทำแม้กระทั่งนำดินไปเผา ต้ม และอบในเตาอบมาแล้ว แน่นอนว่าประสบการณ์เหล่านั้นช่วยลอยด์ในตอนนี้ได้มากทีเดียว

    ถ้าเป็นดินประมาณนี้ก็น่าจะพอใช้ได้

    ไม่ใช่แค่พอใช้ได้เท่านั้น เพราะเมื่อขุดลงไปเพียงไม่กี่เซนติเมตรก็พบว่ามีดินสีแดงต่างจากผิวดินที่มีสีดำคล้ำ มันคือดินลมหอบ* นั่นเอง

    สุดยอดเลยแฮะ

    ลอยด์ปัดเศษดินออกจากมือพลางลุกขึ้นยืน ทว่ากลับหันไปเจอสายตาแปลกๆ ของฮาเวียร์ที่มองมา

    “อะไร มีเหตุใด”

    “…”

    “เพิ่งเคยเห็นคนจับดินครั้งแรกหรือไง”

    “อย่างน้อยก็เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นคุณชายลอยด์ทำเรื่องพวกนี้น่ะขอรับ”

    “งั้นก็ชินไว้ซะ เพราะต่อไปเจ้าจะได้เห็นบ่อยเชียวล่ะ”

    ดวงตาของฮาเวียร์ฉายแววพิกลยิ่งกว่าเก่า ลอยด์จึงเลิกสนใจเขาแล้วเดินออกจากหน้างานไป เขาเดินเตร่ไปทั่วแคว้น ดูแล้วอาจเหมือนเป็นการเดินเล่นเรื่อยเปื่อย ทว่าสายตาของลอยด์กำลังพินิจพิจารณาลักษณะภูมิประเทศในบริเวณต่างๆ ระหว่างนั้นเขาสะดุดตากับแม่น้ำซึ่งไหลผ่านใจกลางแคว้นเป็นพิเศษ เพราะเขาต้องการหาสถานที่สำหรับขุดดินลมหอบปริมาณมาก

    “เอาล่ะ กลับกันเถอะ”

    แม้กลับมาถึงคฤหาสน์แล้วลอยด์ก็ยังไม่หยุดทำงาน เพราะนี่จะเป็นการก่อสร้างครั้งแรกที่ควรค่าแก่การจดจำ

    โบราณเคยกล่าวไว้ว่า ‘เริ่มต้นดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง’

    หากก่อสร้างผิดพลาดครั้งหนึ่งคงได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์เชิงลบแน่ ถึงตอนนั้นก็คงจะหาลูกค้ารายต่อไปได้ยากขึ้น และคงถือว่าล้มไม่เป็นท่าตั้งแต่เริ่ม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้น สิ่งสำคัญคือต้องสร้างผลงานออกมาให้มีคุณภาพที่สุด

    เพราะความสุขของผู้บริโภคก็คือเงินของผมยังไงล่ะ

    การอดนอนทั้งคืนเป็นสิ่งที่เขาคุ้นชินอยู่แล้ว เพราะงานพาร์ตไทม์และการบ้านเป็นสาเหตุ เขารีบเขียนแบบแปลนลงในกระดาษเปล่าจำนวนมากตั้งแต่พระอาทิตย์ตกจนพระอาทิตย์ขึ้น ครั้นรุ่งสางก็รีบไปหาผู้ดูแลคฤหาสน์ทันที

    “มีไม้เก็บอยู่ในโกดังเท่าไร”

    “ขอรับ?”

    เวลานี้ฟ้ายังไม่ทันสว่างดี ไม่ต้องพูดถึงอาหารเช้าเลย ผู้ดูแลยังไม่ได้ล้างหน้าด้วยซ้ำ เขาเอียงศีรษะด้วยความงุนงง คิดว่าลอยด์คงจะเมาแล้วมาอาละวาดที่นี่แต่เช้า

    “จะนำไม้ไปใช้ที่ไหนขอรับ”

    “จะไปใช้ที่ไหนได้ล่ะ ก็ต้องเอาไปใช้ในบริเวณก่อสร้างสิ นี่ เอาไป”

    “นี่คือ?”

    “ขนไม้จำนวนเท่าที่เขียนไว้มาให้ที แล้วเอาไปไว้ที่ลานด้านหลังร้านเหล้าในหมู่บ้าน เข้าใจไหม”

    ไหนๆ จะทำงานทั้งทีก็ต้องทำให้ไวสิ กล้าหาญเด็ดเดี่ยวประหนึ่งรถแทร็กเตอร์

    เป็นเพราะท่าทีเช่นนั้นของลอยด์ ผู้ดูแลจึงเผลอพยักหน้าตอบ ด้วยเหตุนี้ไม้ที่เขาสั่งจึงมากองอยู่ที่ลานด้านหลังร้านเหล้าตั้งแต่ก่อนเที่ยง

    “ในเมื่อวัสดุมาถึงแล้ว เรามาค่อยๆ เริ่มทำงานกันเลยดีกว่า”

    ลอยด์ถอดเสื้อตัวนอกที่หนาเทอะทะออก เหลือไว้เพียงเสื้อเชิ้ตตัวบางขณะสวมถุงมือก่อสร้าง เมื่อมีพลั่วอยู่ในมือ เขาก็ยิ่งรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก

    เพราะช่วงปิดเทอมผมเคยทำงานใช้แรงแบบนี้มาจนเอียนแล้วน่ะสิ

    แม้แต่ตอนเข้ากรมก็ยังต้องทำด้วยเหตุผลที่ว่าเรียนคณะวิศวกรรมโยธา ไม่ว่าจะเป็นงานเล็กหรือใหญ่หัวหน้าหน่วยบริหารจัดการก็จะเรียกตัวเขาไปทุกครั้ง หลังออกจากกรมมาเขาถึงขั้นได้ชื่อว่าเป็นเครื่องจักรของกองร้อยอย่างเป็นทางการเลยทีเดียว

    ผู้ชายมันก็ต้องคู่กับพลั่วอยู่แล้วสิ

    เริ่มจากการปรับหน้าดินก่อน เขาขุดดินจากข้างลานแล้วย้ายไปกองไว้ตรงที่ที่จะสร้างห้องอนดล จากนั้นบดอัดให้แน่นอย่างระมัดระวังทุกครั้ง

    ถ้าขนย้ายดินปริมาณมากไปบดอัดในคราวเดียว ต้องได้วุ่นวายกันทีหลังแน่

    นี่เป็นข้อผิดพลาดที่มักเกิดขึ้นบ่อยครั้งขณะที่ปรับหน้าดิน เนื่องจากดินด้านบนจะถูกบดอัดจนแน่น ผิดกับดินด้านล่างที่ถูกบดอัดผ่านๆ การนำดินไปกองไว้จนพูนแล้วค่อยบดอัดจะทำให้เราเห็นเหมือนว่าหน้าดินแข็งแน่นดีแล้ว แต่ที่จริงด้านในยังคงอ่อนยวบอยู่ หากก่อสร้างอาคารลงไปบนนั้น เมื่อเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่ปีอาคารก็อาจจะเอียงจนเกิดภัยพิบัติขึ้นได้

    ลอยด์เข้าใจเรื่องนี้ดี เขาจึงค่อยๆ ขุดดินแล้วขนย้ายไปบดอัดให้แน่น ทำอย่างนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่จู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นได้เลยหันไปมองฮาเวียร์ด้วยหางตา เจ้าหมอนี่เอาแต่ยืนดูอยู่ข้างๆ ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว คงทำไปเพราะต้องซื่อสัตย์ต่อหน้าที่คุ้มกันของตัวเองสินะ

    “นี่”

    “เรียกข้าหรือขอรับ คุณชายลอยด์”

    “อื้อ เรียกเจ้านั่นแหละ”

    “มีอะไรจะให้ข้ารับใช้หรือขอรับ”

    “อ้อ มีอยู่แล้ว เจ้าก็มาขุดดินด้วยกันสิ”

    ฮาเวียร์ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา

    “เจ้าไม่อยากทำงั้นรึ หากได้เจ้ามาช่วยขุด งานก็จะเสร็จเร็วขึ้นเป็นสองเท่าเชียวนะ”

    “…”

    “อ้อ ตอนนี้มารดาของเจ้าของร้านเหล้าจะต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการหนาวสั่นอยู่เป็นแน่ หากได้นอนในห้องอนดลอุ่นๆ สักหน่อยก็คงไม่ต้องทรมานแล้ว แต่คงเป็นไปไม่ได้ในเร็วๆ นี้หรอก เพราะอะไรน่ะหรือ เพราะเซอร์อัซราฮานผู้สูงศักดิ์ปฏิเสธที่จะช่วยขุดดินน่ะสิ”

    “…”

    “อ้อ และหากได้นอนอยู่ในห้องอนดล ข้อกระดูกของนางที่ยังปวดอยู่ก็คงจะบรรเทาลง แล้วคงจะได้เห็นรอยยิ้มหวานๆ บนใบหน้าของนาง แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้ในเร็วๆ นี้เช่นกัน เพราะอะไรน่ะหรือ เพราะเซอร์อัซราฮานผู้สูงศักดิ์ปฏิเสธที่จะช่วยขุดดินน่ะสิ”

    “…”

    “อ้อ แล้วความปรารถนาอันแสนเรียบง่ายเรื่องสุดท้ายของคนที่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน…”

    “ขอพลั่วหน่อยขอรับ”

    ในที่สุดฮาเวียร์ก็ทนไม่ไหวและรับพลั่วมาถือไว้ในมือ รอยยิ้มแสนชั่วร้ายพลันปรากฏบนใบหน้าของลอยด์ทันใด

    คนต่ำช้าแห่งตระกูลบารอนและอัศวินนิรนาม การก่อสร้างห้องอนดลของชายทั้งสองกำลังดำเนินไปอย่างเต็มกำลัง และข่าวที่ว่านี้ก็แพร่สะพัดไปทั่วทุกมุมของแคว้นอย่างรวดเร็ว

    * ดินลมหอบ คือดินละเอียดซึ่งถูกลมพัดพามาทับถมกัน

     

    ติดตามความสนุกันต่อได้ในฉบับรูปเล่ม ยอดสถาปนิกผู้พิทักษ์อาณาจักร เล่ม 1 

    วันที่ 28 มีนาคม 2567 ที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook