ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน นาโนมาชิน 1 ครั้งที่ 3
บทที่ 3
เข้าสู่สำนักมาร (1)
ตอนชอนยออุนอายุได้สิบปี ฮูหยินฮวาผู้เป็นแม่ของเขาก็ล้มป่วยและสุดท้ายก็จากโลกนี้ไป
ตอนท่านประมุขรู้ว่านางป่วยหนักก็ได้ส่งหมอมารแพ็กจงอูซึ่งเป็นหมอประจำตัวมารักษา แต่สุดท้ายก็ไม่ทันการณ์และภายหลังถึงได้รู้ว่านางถูกวางยาพิษโดยค่อยๆ ใส่ยาพิษปริมาณเล็กน้อยในอาหาร นานวันเข้าพิษก็สะสมมากขึ้นเรื่อยๆ จนเสียชีวิตในที่สุด ถือเป็นวิธีลอบสังหารฝ่ายตรงข้ามที่แยบยลมาก
ชอนยออุนเองก็ถูกวางยาเช่นกัน แต่พิษยังสะสมไม่มากเท่าฮูหยินฮวา อีกทั้งยังได้แพ็กจงอูช่วยถอนพิษ เขาจึงมีชีวิตรอดมาได้ และหลังจากนั้นเป็นต้นมาองครักษ์จางก็กลายเป็นคนเตรียมอาหารให้เขาทุกวัน องครักษ์จางผู้เป็นยอดฝีมือระดับที่หนึ่งและมีวรยุทธ์ล้ำเลิศต้องตื่นแต่เช้าตรู่มาฝึกวรยุทธ์ก่อนจะเตรียมอาหารเช้าให้เขา
ชีวิตวนเวียนอยู่เช่นนี้ โดยชอนยออุนจะตื่นตั้งแต่เช้าตรู่มาเฝ้าดูองครักษ์จางฝึกวรยุทธ์ทุกวัน
ปกติแล้วการแอบดูวรยุทธ์ของผู้อื่นถือเป็นการกระทำที่เสียมารยาทและผิดกฎขั้นร้ายแรงของยุทธภพ แต่องครักษ์จางรู้สึกเสียดายที่ชอนยออุนไม่มีโอกาสได้ฝึกวรยุทธ์เหมือนคนอื่น จึงแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอยู่เสมอ
พึ่บ!
วันนี้ก็เช่นกัน องครักษ์จางตื่นแต่เช้าตรู่มาเปลี่ยนเสื้อผ้าและฝึกเคล็ดวิชากระบี่สั้นซึ่งเป็นวรยุทธ์ประจำตัวของเขา ซึ่งส่วนใหญ่จะเริ่มจากการฝึกกระบวนท่าพื้นฐานซ้ำไปซ้ำมาแล้วต่อด้วยเพลงยุทธ์
วันนี้แล้วสินะ
ความจริงแล้วชอนยออุนนอนไม่หลับเพราะตื่นเต้นที่จะได้เข้าสำนักมาร หากเข้าไปในสำนักมารเขาก็จะไม่ได้รับการคุ้มครองจากองครักษ์จางอีกต่อไป
ดวงตาครึ่งหลับครึ่งตื่นของชอนยออุนที่มององครักษ์จางฝึกวรยุทธ์ฉายแววขมขื่น
จะดีกว่าไหมหากข้าแอบเรียนวรยุทธ์ขององครักษ์จางก่อนเข้าไปที่นั่น
หัวใจของเขาเพรียกหาแต่สิ่งนี้ทุกครั้งที่เห็นองครักษ์จางฝึกวรยุทธ์ แต่เขาก็ไม่อาจใช้ชีวิตรอดหูรอดตาจากคนของพรรคทั้งหกที่คอยจับตามองเขาอยู่รอบๆ ที่พัก
และในตอนนั้นเองเสียงของนาโนก็ดังขึ้นในหัวเขา
[ต้องการสแกนการเคลื่อนไหวขององครักษ์จางหรือไม่]
อะไรนะ
คำพูดที่ไม่คาดคิดของนาโนทำให้ชอนยออุนเลิกคิ้ว อ่านตำราแล้วคัดลอกยังพอจะเข้าใจได้ แต่จะทำอย่างไรกับกระบวนท่าที่กำลังฝึกอยู่ในตอนนี้หรือ
การเคลื่อนไหวอย่างนั้นก็สแกนได้รึ
[สแกนได้]
คำพูดของเจ้าหมายถึงสแกนการเคลื่อนไหวขององครักษ์จางตอนฝึกวรยุทธ์ แล้วถ่ายโอนเข้ามาในหัวของข้าใช่ไหม
[ใช่แล้ว ในบรรดาข้อมูลที่ถูกเก็บไว้ในโปรแกรมมีศิลปะการต่อสู้ถูกบันทึกเอาไว้มากมาย จึงถ่ายโอนให้นายท่านได้ในตอนนี้]
ชอนยออุนไม่เข้าใจ เพราะเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์จากโลกอนาคตที่สร้างนาโนแมชชีนรุ่นที่เจ็ดนั้นล้ำหน้าเกินกว่าที่คนในยุคนี้จะจินตนาการได้ ในโลกอนาคตสามารถรับข้อมูลและเรียนรู้ทักษะต่างๆ ผ่านการถ่ายโอนโดยไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง จึงทำให้คนในอนาคตส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจศึกษาหาความรู้เท่าไหร่
เขาไม่ได้รับอนุญาตจากองครักษ์จางก็จริง แต่พอถึงเวลาเที่ยงวันเขาจะต้องเข้าไปยังสำนักมารแล้ว ถึงตอนนั้นก็ยากจะคาดเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง หลังจากกังวลใจอยู่ครู่หนึ่งชอนยออุนก็ตัดสินใจได้
ดีล่ะ สแกนเลย
[เริ่มสแกนการเคลื่อนไหว]
รูม่านตาของชอนยออุนขยับไหวอย่างรวดเร็ว นาโนแมชชีนเริ่มสแกนการเคลื่อนไหวที่องครักษ์จางกำลังฝึกอยู่ จนในที่สุดเสียงของนาโนก็ดังก้องอยู่ในหัวเขาที่มองดูการฝึกโดยไม่กะพริบตามาประมาณครึ่งชั่วยาม
[สแกนการเคลื่อนไหวเสร็จสมบูรณ์ เริ่มถ่ายโอนไปยังสมองของผู้ใช้งาน]
ติ๊ด!
ทันทีที่รู้สึกเหมือนมีสายฟ้าฟาดอยู่ในหัว การเคลื่อนไหวต่างๆ ขององครักษ์จางก็ถูกเปลี่ยนเป็นภาพแล้วเริ่มฝังเข้าไปในสมองของชอนยออุน เพียงไม่นานการถ่ายโอนทั้งหมดก็เสร็จสมบูรณ์
[การถ่ายโอนเสร็จสมบูรณ์]
ชอนยออุนรู้สึกวิงเวียนและคลื่นไส้เล็กน้อยแต่ก็ยังพอทนไหวไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ ขณะกำลังหายใจเหนื่อยหอบเพราะอาการเวียนหัว จู่ๆ แววตาของเขาก็พลันเป็นประกายด้วยความตกใจ
ตอนสแกนและถ่ายโอนข้อมูลตำราเข้ามาในหัวครั้งก่อนเขาก็ประหลาดใจมากแล้ว แต่คราวนี้เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายว่าอย่างไร
นาโน…เหลือเชื่อมาก ดูเหมือนว่าข้าใช้เคล็ดวิชากระบี่สั้นขององครักษ์จางได้แล้ว!
เพราะเกรงว่าองครักษ์จางจะเห็น ชอนยออุนจึงปิดหน้าต่างและลองทำท่าทางอยู่ในห้อง มันคือท่าร่างที่องครักษ์จางทำก่อนจะเริ่มร่ายเคล็ดวิชากระบี่สั้น
ฟึ่บ
ชอนยออุนกำกระบี่สั้นและขยับแขนร่ายเคล็ดวิชากระบี่สั้นขององครักษ์จาง ทั้งที่ไม่เคยเรียนหรือฝึกฝนใดๆ แต่น่าแปลกที่การเคลื่อนไหวของเขาเหมือนการเคลื่อนไหวขององครักษ์จางที่อยู่ในลานด้านนอกไม่มีผิด และที่น่าทึ่งก็คือมันเหมือนกับการเคลื่อนไหวขององครักษ์จางที่ฝึกเคล็ดวิชากระบี่สั้นมาเป็นเวลายี่สิบปี
การที่เหล่าจอมยุทธ์ฝึกวรยุทธ์แบบเดิมซ้ำๆ ทุกวันคือกระบวนการที่ช่วยให้ร่างกายเชี่ยวชาญท่วงท่าเหล่านั้น แต่ชอนยออุนกลับไม่ต้องทำกระบวนการนั้น เพราะมันถูกฝังเข้าไปในสมองผ่านการถ่ายโอนข้อมูล
ขณะที่ชอนยออุนกำลังร่ายเคล็ดวิชากระบี่สั้นอย่างตื่นเต้นอยู่นั้นเสียงของนาโนก็ดังขึ้นในหัว
[ข้อมูลเชิงวิเคราะห์เกี่ยวกับการพัฒนาเส้นใยกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นที่พัฒนาขึ้นขณะฝึกฝนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต้องการให้ถ่ายโอนไปยังกล้ามเนื้อของร่างกายหรือไม่]
ต้องถ่ายโอนไปที่กล้ามเนื้อด้วยรึ
ชอนยออุนถามอย่างสงสัยขณะร่ายเคล็ดวิชากระบี่สั้นต่อไป
[หากไม่ถ่ายโอนการพัฒนาของกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นในขณะฝึกการเคลื่อนไหวซ้ำๆ…]
แปลบ!
“โอ๊ย!”
นาโนยังไม่ทันพูดจบชอนยออุนก็รู้สึกปวดไปทั่วทั้งตัว มันไม่ใช่การปวดธรรมดา แต่เป็นการปวดกล้ามเนื้อจึงเกิดอาการหดเกร็งและขยับตัวไม่ได้
[เนื่องจากฝึกการเคลื่อนไหวซ้ำๆ ในสภาพที่เส้นใยกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นยังไม่แข็งแรงพอจึงทำให้เกิดความเสียหายขึ้นที่กล้ามเนื้อและเส้นเอ็น]
แค่บอกว่าถ่ายโอนข้าก็เข้าใจแล้ว ช่วยพูดให้มันง่ายหน่อยได้ไหม
ชอนยออุนงอตัวอย่างเจ็บปวดแล้วลงนั่งที่ขอบเตียงพลางบ่นกระปอดกระแปดอยู่ในหัว
[เปลี่ยนคำศัพท์ให้เหมาะกับระดับภาษาของผู้ใช้งาน]
ระดับภาษา?
แม้จะรู้สึกเหมือนถูกดูถูก แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขาฟังนาโนไม่เข้าใจจริงๆ ชอนยออุนเลยทำหน้ามุ่ย แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป
[เปลี่ยนคำศัพท์เสร็จสมบูรณ์ เพราะนายท่านไม่ได้ฝึกวรยุทธ์จนเชี่ยวชาญเหมือนองครักษ์จาง แม้ว่าข้อมูลจะถูกถ่ายโอนไปยังสมองแล้ว แต่ร่างกายยังปรับตัวไม่ได้ ต้องมีการถ่ายโอนข้อมูลกล้ามเนื้อที่จะพัฒนาขึ้นให้ร่างกายคุ้นเคยกับการเคลื่อนไหวผ่านซิมูเลชั่นเสียก่อน จึงจะเคลื่อนไหวได้อย่างสมบูรณ์]
เหมือนจะฟังง่ายกว่าเมื่อครู่ แต่ก็เข้าใจยากอยู่ดี
คำศัพท์ส่วนใหญ่ที่นาโนแมชชีนใช้ห่างไกลจากภาษาที่คนในยุคนี้ใช้กัน ดังนั้นไม่ว่าจะเปลี่ยนให้ง่ายแค่ไหนก็ยากจะเข้าใจอยู่ดี
[ต้องการปรับระดับภาษาของผู้ใช้เป็นระดับต่ำสุดหรือไม่]
ก็พอจะเข้าใจคร่าวๆ แล้วนะ แต่คำว่าซิมูเลชั่นอะไรนั่น…
ทันทีที่นึกถึงคำว่าซิมูเลชั่นก็มีคำอธิบายลอยเข้ามาในหัว โดยบอกว่าเป็นการวิเคราะห์และคาดคะเนการฝึกเสมือนจริงเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ
ถ้าอย่างนั้นตามคำพูดของเจ้าก็คือหากถ่ายโอนข้อมูลไปยังกล้ามเนื้อเรียบร้อยแล้วก็จะไม่มีอาการปวดกล้ามเนื้อใช่ไหม
[ถูกต้อง นายท่านต้องการถ่ายโอนหรือไม่]
ใช้เวลานานไหม
[การเปลี่ยนแปลงกล้ามเนื้อต้องใช้เวลาโหลดดิ้ง เนื่องจากต้องใช้นาโนแมชชีนทั้งหมดในร่างกายสำหรับการทำงาน]
โหลดดิ้ง? หมายถึงเวลาที่ใช้ใช่ไหม ต้องใช้เวลาประมาณเท่าไหร่
[คาดว่าจะใช้เวลาหนึ่งชั่วยาม กว่าเส้นใยกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นจะเกิดการเปลี่ยนแปลง]
เนื่องจากยังเป็นเวลาเช้าตรู่ ดังนั้นหากใช้ประมาณหนึ่งชั่วยามก็ยังพอมีเวลา ชอนยออุนที่เดิมกังวลว่าจะต้องใช้เวลานานพยักหน้าและอนุญาตให้ถ่ายโอน
[การถ่ายโอนการเปลี่ยนแปลงของเส้นใยกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นจะทำให้เกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ดังนั้นจะดำเนินการให้นายท่านเข้าสู่ภาวะสลบชั่วขณะ]
คงต้องเจ็บมากแน่ๆ
[มันจะมาพร้อมกับความเจ็บปวดอย่างมาก สองล้านสามแสนห้าหมื่นรายหมดสติจากการโอนถ่ายการเปลี่ยนแปลงของกล้ามเนื้อ]
ลองแบบไม่เข้าสู่ภาวะสลบสักครั้งดีไหมนะ
ชอนยออุนผู้มีความอวดดีอย่างประหลาดครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามออกไป นาโนที่เตือนถึงข้อควรระวังจึงเคารพการตัดสินใจของเจ้านายโดยไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ ไม่ว่าจะเป็นความกังวลหรือห่วงใย
[อยากลองแบบไม่เข้าสู่ภาวะสลบดูหรือไม่]
ถ้าข้าทนไม่ไหวเจ้าช่วยเปลี่ยนให้เข้าสู่ภาวะสลบได้ไหม
จู่ๆ ชอนยออุนก็กังวลขึ้นมาจึงถามหาทางหนีทีไล่ไว้ก่อน และในเวลาต่อมาเขาก็ได้รู้ว่าตัวเองคิดไม่ผิด
[เริ่มถ่ายโอนข้อมูล]
ชู่ววว!
ทันทีที่นาโนแมชชีนจำนวน 6,482,400,000 ชิ้นในร่างของชอนยออุนเริ่มขยับไปหาเส้นใยกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น ความรู้สึกคันยุบยิบก็เกิดขึ้น
ก็น่าตื่นเต้นนะ แต่ไม่ค่อย…
ฟึ่บ!
“โอ๊ย!”
เสียงร้องเจ็บปวดเหมือนคนกำลังจะตายดังลั่น กล้ามเนื้อทั่วร่างกายเขาบิดไปมา ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงถาโถมจนทำให้ดวงตาของชอนยออุนเหลือกค้างในทันที แม้จะอยู่ในสภาพที่ห้ามร้องเสียงดัง แต่เขาก็ทนไม่ไหว
“โอ๊ยยย…”
ชอนยออุนดิ้นทุรนทุรายพร้อมกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง เมื่อเป็นเช่นนี้เสียงของนาโนก็ดังขึ้นในหัว
[ดำเนินการเข้าสู่ภาวะสลบ]
“โอ๊ย!”
แล้วชอนยออุนก็หมดสติไปในสภาพน้ำลายฟูมปาก
บทที่ 3
เข้าสู่สำนักมาร (2)
หลังเสร็จการฝึกในช่วงเช้าตรู่ องครักษ์จางก็ลงมือทำอาหารเช้าในครัวด้วยวัตถุดิบที่เตรียมเอาไว้
เมื่อก่อนเขาไม่ถนัดเข้าครัวเลย อย่าว่าแต่ทำอาหาร แม้แต่ข้าวเขาก็ยังหุงไม่เป็น แต่หลังจากที่ฮูหยินฮวาเสียชีวิตจากการถูกวางยาพิษเมื่อห้าปีก่อนเขาก็ต้องเข้าครัวทุกวัน จนตอนนี้ฝีมือเขาพัฒนาขึ้นอย่างมากถึงขั้นสู้ร้านอาหารในหมู่บ้านได้อย่างสบาย
ปกติเขาจะเตรียมอาหารเช้าง่ายๆ แต่วันนี้กลับมีทั้งไข่และเนื้อหมูที่ได้มาเมื่อเย็นวาน เพราะเที่ยงนี้ชอนยออุนจะต้องเข้าไปยังสำนักมาร เขาจึงใส่ใจเป็นพิเศษ เนื่องจากนี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ชอนยออุนจะได้กินข้าวอย่างสบายใจ เขาจึงตั้งใจเตรียมอาหารที่ชอนยออุนชอบมากที่สุด
ท่านต้องมีชีวิตรอดกลับมากินอาหารฝีมือข้า
ขณะองครักษ์จางกำลังหั่นเนื้อหมูอย่างตื้นตันใจ เสียงกรีดร้องก็ดังเข้ามากระทบหู
“โอ๊ยยย…”
เนื่องจากห้องครัวอยู่ใกล้กับห้องพักของชอนยออุน องครักษ์จางจึงได้ยินเสียงที่ดังระดับนี้อย่างง่ายดาย เขาตกใจจนโยนมีดทำครัวทิ้งแล้วรีบวิ่งตรงไปยังห้องพักของชอนยออุน พอเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าชอนยออุนกำลังนอนในสภาพที่ร่างกายท่อนบนพาดอยู่บนเตียงและน้ำลายฟูมปาก
“คุณชาย!”
องครักษ์จางรีบเข้าไปดูอาการอย่างตกอกตกใจ แม้จะมีฟองเต็มปาก แต่เมื่อจับชีพจรกลับไม่พบความผิดปกติใดๆ เหมือนกับตอนที่เขาพบร่างของชอนยออุนนอนแน่นิ่งในป่าเมื่อสองวันก่อน
ร่างกายไม่มีอะไรผิดปกติ แต่เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้…อ๊ะ
ขณะสงสัยสายตาขององครักษ์จางก็เคลื่อนไปพบรอยเท้าบนพื้นห้อง หลังจากขยับร่างของชอนยออุนที่ไม่ได้สติให้นอนบนเตียงดีๆ องครักษ์จางก็สำรวจรอยเท้านั้นอยู่เงียบๆ
หรือว่า…
ตอนแรกเขาคิดว่าคงไม่มีอะไร แต่สุดท้ายองครักษ์จางก็ลองเอาเท้าตัวเองไปวางทาบบนรอยนั้นแล้วขยับตาม ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็พลันเบิกกว้าง รอยเท้าบนพื้นคือวิชาฝ่าเท้าของเคล็ดวิชากระบี่สั้นซึ่งเป็นวรยุทธ์ประจำสำนักของเขา รอยเท้าของการเดินธรรมดาจะไม่ฝังอยู่บนพื้นง่ายดายเช่นนี้ แต่วรยุทธ์ทุกอย่างอาศัยวิชาฝ่าเท้าเป็นพื้นฐาน ดังนั้นเมื่อออกแรงกดฝีเท้าลงไปพื้นไม้ก็จะยุบลง
หรือว่าคุณชายแอบฝึกเคล็ดวิชากระบี่สั้นด้วยตัวเอง
องครักษ์จางอึ้งไป ทว่าเขาไม่ได้อึ้งที่ชอนยออุนแอบขโมยวรยุทธ์ประจำสำนักของตนมาฝึก แต่เพราะเมื่อลองเคลื่อนตามฝีก้าวของรอยเท้า เขาก็พบว่ามันเหมือนกับท่าร่างที่ตนเพียรฝึกฝนมาตลอดยี่สิบปี เขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยหลายปีกว่าจะฝึกกระบวนท่าพื้นฐานสำเร็จ หลังจากนั้นก็ต้องฝึกเพลงยุทธ์อีกหลายปีถึงจะมีท่วงท่าเช่นนี้ได้
คุณชายเฝ้ามองการฝึกของข้าอย่างมากก็แค่สองปีเท่านั้น
นอกจากตอนฝึกยามเช้าและตอนทำอาหาร องครักษ์จางก็คอยดูแลอยู่ข้างกายชอนยออุนตลอดเวลา เช่นนั้นก็สรุปได้ว่าชอนยออุนลอบเลียนแบบการเคลื่อนไหวของเขาในการฝึกช่วงเช้าเท่านั้น ซึ่งข้อสรุปนี้ก็ยิ่งทำให้องครักษ์จางประหลาดใจมากขึ้นไปอีก
สิ่งที่ข้าเพียรฝึกมายี่สิบปี แต่ท่านแอบเรียนรู้ด้วยตาและทำตามได้ในเวลาเพียงสองปี
“อา…”
องครักษ์จางรู้สึกตื้นตันจนดวงตาแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ ในความทรงจำของเขา ชอนยออุนเป็นบุตรของสตรีที่เขาหวงแหนและเป็นคนที่เขาต้องคอยปกป้องอยู่เสมอ การค้นพบพรสวรรค์ในตัวชอนยออุนจึงทำให้เขาดีใจเป็นอย่างยิ่ง
องครักษ์จางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ชอนยออุนแล้วจับชีพจรที่ข้อมือ
ไม่มีกำลังภายใน แต่กลับใช้เพลงยุทธ์ได้
มันอาจจะเป็นทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดีในเวลาเดียวกัน เพราะหากคนอื่นรู้ว่าชอนยออุนกำลังฝึกวรยุทธ์อีกหกพรรคจะต้องเดือดดาลเป็นแน่ หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้เขาคงสอนเพลงยุทธ์ให้ชอนยออุนในช่วงที่มีเวลา เขารู้สึกเสียดายเหลือเกิน
ข้าไม่เคยรู้เลยว่าท่านยอดเยี่ยมมากถึงเพียงนี้
หลังจากจ้องมองชอนยออุนที่กำลังนอนหลับด้วยสายตาเอ็นดูอยู่เป็นเวลานาน องครักษ์จางก็เดินออกไปจากห้องเงียบๆ
แล้วเวลาก็ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม
[การเปลี่ยนแปลงเส้นใยกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ยกเลิกภาวะสลบ]
ซ่า!
เมื่อเกิดการกระตุ้นขึ้นในหัว ชอนยออุนก็ฟื้นคืนสติจากการหลับใหล
เฮือก!
เนื่องจากภาพจำสุดท้ายคือการดิ้นทุรนทุรายอย่างเจ็บปวด เขาจึงตื่นขึ้นมาพร้อมอาการหายใจติดขัด
“แฮก…แฮก…”
เหงื่อเย็นๆ ผุดไหลอยู่บนหน้าผากของชอนยออุน หากให้เขาต้องพบกับความเจ็บปวดนั้นอีกครั้งเขาคงไม่เอาด้วยแล้ว เพราะแค่ปวดกล้ามเนื้อธรรมดาก็ทรมานจะแย่ แต่ก็น่าเหลือเชื่อมากที่เขาประคองสติและอดทนต่อความเจ็บปวดจากการเปลี่ยนแปลงของเส้นใยกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นได้ครู่หนึ่ง
“แฮก…แฮก…ข้าต้องเจอกับอะไรอย่างนี้อีกไหม”
[ฉันได้เตือนนายท่านอย่างชัดเจนแล้ว]
“อ้อ”
ชอนยออุนเลือกที่จะไม่สนใจคำเตือนของนาโนเอง หลังจากอาการหายใจติดขัดทุเลาลง เขาก็ลุกขึ้นจากเตียง เดินไปกลางห้องแล้วลองออกกระบวนท่าของเคล็ดวิชากระบี่สั้น
ถ้าลองใช้เคล็ดวิชากระบี่สั้นตอนนี้คงจะไม่เจ็บแล้วใช่ไหม
[ซิมูเลชั่นช่วยเปลี่ยนแปลงเส้นใยกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นให้อยู่ในสภาพเดียวกับคนที่ฝึกซ้ำๆ มายี่สิบปี]
เยี่ยม!
หลังจากได้คำตอบที่ชัดเจนจากนาโน ชอนยออุนก็ร่ายเคล็ดวิชากระบี่สั้นอย่างชำนาญ
ฟึ่บๆๆ!
พลังที่อยู่ในท่วงท่าการกวัดแกว่งมือของเขาแตกต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง เขาสะบัดมือแหวกอากาศได้อย่างคล่องแคล่ว การประสานและจบการเคลื่อนไหวก็ทำได้แม่นยำมากขึ้น
ฟึ่บ!
ขณะที่เขากำลังก้าวเท้าเพื่อร่ายเพลงยุทธ์
ตึง!
พื้นไม้สั่นสะเทือนและส่งเสียงดัง การกดฝีเท้าด้วยการเคลื่อนไหวอันสมบูรณ์แบบย่อมสร้างพลังที่แตกต่างจากการกดฝีเท้าเมื่อเคลื่อนไหวทั่วไป
“โอ้!”
ชอนยออุนตกใจกับการกดฝีเท้าของตัวเอง เขาหยุดร่ายเคล็ดวิชากระบี่สั้นแล้วยกเท้าขึ้นจากพื้นไม้ ก่อนจะพบว่ารอยเท้าของเขาทิ้งรอยยุบเอาไว้บนพื้นอย่างชัดเจน
“เรื่องใหญ่แล้ว”
เขากังวลว่าองครักษ์จางจะมาเห็นสิ่งนี้เข้า
ข้าไม่เคยฝึกกำลังภายใน แต่กลับสร้างรอยยุบแบบนี้
แม้ชอนยออุนจะประหลาดใจกับเรื่องนี้ แต่แท้ที่จริงแล้วหลักการของวรยุทธ์คือการบรรลุเพลงยุทธ์ผ่านกำลังภายนอกที่พัฒนาขึ้นด้วยการฝึกซ้ำๆ มาผนวกรวมกับกำลังภายในผ่านการกำหนดลมหายใจจนกลายเป็นพลังที่ทรงอานุภาพ และเมื่อเส้นใยกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นแข็งแกร่งจากการฝึกซ้ำๆ ก็จะทำให้พลังของเคล็ดวิชากระบี่สั้นสมบูรณ์
ชอนยออุนเป็นกังวลกับรอยเท้าบนพื้นโดยไม่รู้ว่าองครักษ์จางมาเห็นไปแล้ว และตอนนั้นเองใครบางคนก็เคาะประตู
ก๊อกๆ!
“คุณชายขอรับ ข้ายกสำรับมาให้ขอรับ”
องครักษ์จางนั่นเอง ชอนยออุนกดเท้าถูบริเวณข้างๆ พื้นที่เป็นรอยอย่างรีบร้อนเพื่อจะลบรอยนั้น แต่มันก็ยากที่จะกำจัดออกไป ระหว่างนั้นประตูก็เปิดออก องครักษ์จางเดินเข้ามา
“คุณชาย?”
“อา! วันนี้ข้าหิวมาก”
ชอนยออุนแสดงอาการลุกลี้ลุกลนด้วยการลากโต๊ะกินข้าวที่อยู่ข้างหน้าต่างมาไว้ตรงกลางห้อง องครักษ์จางจึงถามอย่างงุนงง
“ปกติคุณชายนั่งกินตรงหน้าต่างไม่ใช่หรือขอรับ”
“อ๋อ ข้าจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกสักพักก็เลยอยากกินข้างใน”
แม้จะสงสัยในท่าทางการพูดที่ฟังดูตะกุกตะกัก แต่องครักษ์จางก็วางสำรับอาหารเช้าลงบนโต๊ะโดยไม่พูดอะไร ชอนยออุนคิดว่ารอดแล้วจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วนั่งลงบนเก้าอี้
“อ้า!”
อาหารเช้ามีไข่ทอด ผัดผัก และหมูย่างซึ่งเป็นของโปรดของเขา แม้อาหารเหล่านี้จะยังห่างไกลจากอาหารเลิศหรูที่พวกทายาทของพรรคทั้งหกกิน แต่สำหรับชอนยออุนแล้วมันเป็นอาหารเช้าที่เลิศรสมาก อาหารเช้าที่ล้วนประกอบไปด้วยของโปรดที่แตกต่างจากวันอื่นๆ ทำให้ชอนยออุนมีสีหน้าประหลาดใจ
มันเป็นอาหารเช้ามื้อสุดท้ายที่องครักษ์จางเตรียมให้อย่างใส่ใจ เพราะหลังเข้าสำนักมารในวันนี้เขาอาจจะไม่ได้กลับมาอีก ชอนยออุนหยิบตะเกียบแล้วลงมือกิน ดวงตาของเขาแดงก่ำและรู้สึกจุกที่ลำคอ ก่อนใบหน้าจะเริ่มแดงและสำลัก
[กรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนเข้าสู่หลอดอาหารเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์อย่างกะทันหัน ฉันจะกระตุ้นการหลั่งของต่อมน้ำลาย ขอให้นายท่านกลืนอาหารและน้ำลายเพื่อลดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร]
หยุดพูดอะไรแปลกๆ แล้วหุบปากซะ!
[เข้าสู่โหมดปิดเสียงชั่วคราว]
เมื่อเสียงของนาโนเงียบลง ชอนยออุนก็กลืนอาหารที่อยู่ในปาก เพราะนี่เป็นอาหารเช้ามื้อสุดท้ายที่องครักษ์จางใส่ใจทำให้ ดังนั้นเขาจะกินเหลือไม่ได้
หลังจากชอนยออุนกินเสร็จโดยไม่เหลือข้าวสักเม็ด องครักษ์จางที่ยืนรอเงียบๆ ก็เริ่มเปิดปาก
“คุณชายแอบเรียน…”
ถึงกระนั้นองครักษ์จางก็ไม่อาจพูดในเชิงขโมยกับคุณชายผู้เป็นที่รักได้
“ไม่สิ คุณชายเรียนเคล็ดวิชากระบี่สั้นของข้าตั้งแต่เมื่อไรขอรับ”
“อ๊ะ! เอ่อ…ท่านกำลังพูดเรื่องอะไรรึ”
คำถามที่จู่โจมมาอย่างไม่ทันตั้งตัวขององครักษ์จางทำให้ชอนยออุนที่กำลังอยู่ในห้วงอารมณ์ซึ้งถึงกับไม่อาจซ่อนความรู้สึกสับสนเอาไว้ได้ องครักษ์จางขยับมายืนข้างๆ โต๊ะกินข้าวแล้วชี้นิ้วไปที่พื้นห้อง รอยเท้ายังคงหลงเหลืออยู่บนพื้นอย่างชัดเจน เขาไม่รู้ว่าชอนยออุนกำลังปิดบังอะไรอยู่ แต่รอยบนพื้นมันชัดยิ่งกว่าที่เห็นเมื่อกี้เสียอีก
ตาของข้าไม่ได้ฝาดไป
ร่องรอยฝังลึกนี้ต้องเป็นการก้าวเท้าก่อนจะร่ายเพลงยุทธ์เคล็ดวิชากระบี่สั้นของเขาอย่างแน่นอน แม้ชอนยออุนจะไม่ได้ฝึกวรยุทธ์ แต่เพราะเกิดและเติบโตในพรรคมาร ดังนั้นชอนยออุนย่อมรู้ถึงกฎข้อห้ามของยุทธภพเป็นอย่างดี การขโมยวรยุทธ์ของคนอื่นมาฝึกสุดท้ายก็จะตกเป็นเป้าของการโดนดูถูกเหยียดหยาม
“เอ่อ…คือว่า…”
ความสามารถของนาโนแมชชีนทำให้ชอนยออุนดูเหมือนขโมยวรยุทธ์ของคนอื่นมา ซึ่งชอนยออุนเองก็หมดคำที่จะแก้ตัว ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไม่กล้าสบตาองครักษ์จางที่น่าจะผิดหวังในตัวเขา
ขณะที่ชอนยออุนกำลังสับสนจนพูดไม่ออก องครักษ์จางก็คุกเข่าลงและเงยหน้ามองก่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
“เก่งมากขอรับ”
“เอ่อ…”
“แอบฝึกอย่างไรหรือขอรับ ข้าเป็นคนของคุณชาย หากไม่ติดคำสาบานที่ให้ไว้กับพรรคทั้งหก ข้าก็ตั้งใจว่าจะสอนคุณชายตั้งแต่แรก”
“องครักษ์จาง…”
ตอนแรกชอนยออุนคิดว่าองครักษ์จางคงจะโกรธมาก แต่พอได้ยินคำพูดอันนุ่มนวลขององครักษ์จาง ดวงตาของชอนยออุนก็แดงก่ำยิ่งกว่าเดิม องครักษ์จางคอยดูแลและปกป้องเขามาตลอด จึงเป็นยิ่งกว่าพ่อแท้ๆ เสียอีก
องครักษ์จางหยิบกระดาษที่เขียนบางอย่างออกมาจากเสื้อ
“นี่คืออะไร”
“วิธีการใช้กำลังภายในของเคล็ดวิชากระบี่สั้นขอรับ”
“ให้ข้าทำไมกัน”
“ข้าอยากมอบวิธีการฝึกกำลังภายในให้ท่าน ถึงแม้ว่าพอเข้าสำนักมารแล้วท่านอาจจะได้เจอกับวิชามากมายที่ดีกว่าวิธีการฝึกกำลังภายในของข้า แต่ข้าก็อยากให้ท่านได้ฝึกและคุ้นเคยกับมันขอรับ”
ความใส่ใจขององครักษ์จางทำให้น้ำตาไหลอาบแก้มขวาของชอนยออุน หลังจากที่ฮูหยินฮวาแม่ของเขาเสียชีวิต เขาก็สัญญาว่าจะไม่หลั่งน้ำตาอีกและกัดฟันใช้ชีวิตเรื่อยมา แต่แท้จริงแล้วเขายังคงเป็นเด็กที่โหยหาความรัก
หลังจากแสดงความใส่ใจจนทำให้ชอนยออุนถึงกับน้ำตาริน องครักษ์จางก็ลุกยืนและยกถาดอาหารที่กินหมดแล้วขึ้นมา ขณะจะเดินออกจากห้องเขาก็หยุดเท้าพร้อมกับพูดว่า
“ร้องไห้แค่วันนี้นะขอรับ หลังจากนี้ไปท่านต้องเข้มแข็งให้มากๆ”
“ขอบคุณนะ…”
มันเป็นคำที่ชอนยออุนอยากพูดมาตั้งแต่เมื่อวาน ไม่สิ มันเป็นคำที่เขาอยากพูดมาโดยตลอด ชอนยออุนเช็ดน้ำตา หลังจากที่ควบคุมสติและอารมณ์ได้ ความกลัวและความลังเลใจก็หายไปจนหมดสิ้น
ถึงแม้ว่าฮูหยินฮวาจะไม่อยู่แล้ว แต่ก็ยังมีสถานที่ให้เขากลับมา
แล้วเวลาก็ล่วงเลยไปจนเกือบจะเที่ยงวัน
ถนนภายในป้อมปราการของพรรคมารเต็มไปด้วยเสียงก้าวเดินไม่หยุดหย่อนของผู้คนนับไม่ถ้วน นั่นเพราะพิธีบรรจุเข้าสำนักมารกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า
เด็กหนุ่มอายุสิบสี่ถึงสิบเก้าปีจากทุกพรรคของพรรคมารกำลังรวมตัวกันอยู่ที่สำนักมาร
Related
Comments
