• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านนิยายสยบฟ้า พิชิตปฐพี เล่ม 1

    ซังซังยันเข่าลุกขึ้นยืน ร่างผอมเล็กยิ่งดูบอบบางมากเป็นพิเศษท่ามกลางลมราตรีเย็นยะเยือก นางมองหนิงเชวีย ใช้น้ำเสียงแผ่วเบาที่จริงจังและไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ เจือปนตอบ

    “หากพวกเราไป แน่นอนว่าบ้านหลังนี้ก็ต้องมีคนมาอยู่ ประตูยังต้องถูกเปิดปิดอยู่วันยังค่ำ”

    นอกจากพวกเรา กระท่อมเก่าโทรมแถมอยู่ห่างจากตัวเมืองแบบนี้ยังจะมีคนอยากมาอยู่อาศัยอีกหรือ

    หนิงเชวียเถียงในใจเงียบๆ ไม่ทราบว่าทำไมจู่ๆ ก็รู้สึกอาลัยอาวรณ์ขึ้นมา มันถอนใจยาว เบี่ยงกายเดินเบียดซังซังเข้าข้างใน ปากก็บอกว่า

    “คืนนี้เก็บเสื้อผ้าสัมภาระไว้ให้พร้อม”

    ซังซังรวบเรือนผมที่ปลายแห้งแตกเหลืองเล็กน้อยอย่างลวกๆ มองแผ่นหลังอีกฝ่าย ถามว่า

    “หนิงเชวีย ข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าเพราะเหตุใดท่านถึงสนใจในเรื่องนั้นนัก”

    “ไม่มีใครปฏิเสธสิ่งที่ทำให้ตัวเองเข้มแข็งขึ้น สำหรับข้า สิ่งเหล่านั้นมันฝังอยู่ในใจข้ามานานปีแล้ว”

    หนิงเชวียรู้ว่าซังซังเข้าใจคำพูดของมัน จึงมองใบหน้ารูปไข่แล้วเลิกคิ้ว กล่าวเสียงหนักแน่น

    “ยิ่งกว่านั้นเราสองคนจะอยู่แต่ในเมืองเว่ยไปตลอดชีวิตไม่ได้ แผ่นดินออกกว้างใหญ่ไพศาล นอกจากต้าถังแล้วยังมีแคว้นอื่นๆ อีกตั้งมากมาย พวกเราจะต้องไปเปิดหูเปิดตา หากจะพูดให้จริงจังเป็นการเป็นงานหน่อยก็ต้องบอกว่าเพื่อหาเงินให้ได้มากขึ้น มีโอกาสก้าวหน้าทางการงานมากขึ้น ไปฉางอันย่อมมีโอกาสดีกว่าหมกตัวอยู่แต่ที่นี่ ดังนั้นการไปในครั้งนี้ข้าจะต้องสอบเข้าสถานศึกษาให้ได้”

    สีหน้าซังซังเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ เนื่องจากอายุยังน้อย คิ้วและขนตายังไม่เข้มยาว และเป็นเพราะแดดกับพายุทรายของเมืองเว่ย ใบหน้ารูปไข่จึงค่อนข้างคล้ำ กอปรกับสมัยเป็นเด็กสภาพการกินอยู่ไม่ดี ทำให้เส้นผมแห้งกรอบปลายออกเหลือง พูดไม่ได้จริงๆ ว่าน่าดู หรือแม้แต่จะใช้คำว่าหมดจดก็ยังกล้ำกลืนฝืนทน

    แต่นางมีดวงตาที่เรียวยาวเหมือนใบหลิวคู่หนึ่ง สุกใสเป็นประกายราวกับเจียระไนมาจากน้ำแข็ง ดวงตาสุกใสคู่นี้น้อยครั้งที่จะแสดงให้เห็นถึงอารมณ์ ให้ความรู้สึกคล้ายรู้ซึ้งชืดชาต่อจิตใจมนุษย์ ตอนนี้นางเพิ่งจะอายุสิบเอ็ดสิบสอง แต่กลับเหมือนสตรีโตเต็มวัยที่รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ลักษณะแววตาสีหน้าที่ค้านกับอายุแบบนี้จึงทำให้นางดูเป็นคนเย็นชาไร้น้ำใจ

    หนิงเชวียรู้ดีว่านั่นเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา สำหรับมัน ซังซังน้อยก็คือแบบอย่างของเด็กโง่ไร้เล่ห์เหลี่ยมคนหนึ่ง ทั้งสองพึ่งพาอาศัยกันมานานหลายปี และเพราะเคยชินกับการที่มีตนคอยคิดตัดสินใจ นางจึงยิ่งมายิ่งคร้านจะใช้สมอง และเพราะคร้านที่จะใช้สมองจึงกลายเป็นยิ่งมายิ่งโง่ และเพื่อปกปิดความโง่ แต่ละประโยคแต่ละคำพูดจึงยิ่งสั้นห้วนลงทุกที เป็นผลให้ยิ่งดูเงียบขรึมเย็นชาคล้ายคนที่เติบใหญ่แล้ว

    …ไม่ใช่โง่ น่าจะเป็นสมองเฉื่อยเสียมากกว่า

    หนิงเชวียคิดแล้วแก้ไขอยู่ในใจเงียบๆ

    เงียบไปนาน จู่ๆ ซังซังก็เงยหน้ากัดริมฝีปาก แสดงออกถึงความหวั่นใจที่นานๆ จะเห็นสักครั้ง

    “ได้ยินว่า…เมืองฉางอันกว้างใหญ่ มีผู้คนมากมาย”

    “เมืองหลวงเจริญรุ่งเรือง เล่ากันว่ารัชสมัยเทียนฉี่ปีที่สาม จำนวนประชากรก็มากเกินร้อยหมื่นแล้ว ค่าใช้จ่ายในการกินอยู่สูงลิบลิ่ว ไปอยู่ที่นั่นไม่ง่ายหรอก…”

    หนิงเชวียพูดพลางถอนใจ พอเห็นสาวใช้ตัวน้อยมีท่าทางตึงเครียดก็ยิ้มปลอบใจ

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook