ทดลองอ่าน
ทดลองอ่านนิยายสยบฟ้า พิชิตปฐพี เล่ม 1
โจรขี่ม้าที่เคยถูกองค์หญิงสยบแล้วเปลี่ยนใจมาสวามิภักดิ์ตอนอยู่ในดินแดนแห่งทุ่งหญ้าสิบกว่าคนนั้น เดิมทีรู้สึกดูถูกทหารเมืองเว่ยอยู่บ้าง แต่เมื่อได้ประจักษ์ถึงฝีมือการนำทางของทหารหนุ่ม ความรู้สึกดูหมิ่นดูแคลนก็หดหาย เหลือไว้แต่เพียงความเลื่อมใส
ที่ริมลำธาร คนในขบวนช่วยกันขุดดินตั้งเตาเก็บฟืนมาต้มน้ำ หญิงรับใช้ก้าวลงจากรถม้าคันหรูที่มีคนคอยคุ้มกันอย่างแน่นหนา ห่างไปไม่ไกล หนิงเชวียกำลังนอนเอกเขนกอย่างสบายใจราวกับว่ามาท่องเที่ยว สองมือลูบท้องรอกินเนื้อลวก ส่วนซังซังน้อยก็กำลังออกแรงตักน้ำเก็บฟืนมาก่อไฟตั้งเตา ภาพที่เห็นทำให้คิ้วเรียวงามขมวดแน่น
องครักษ์ห้าวหาญแข็งแรงคนหนึ่งผุดลุกขึ้นยืนเตรียมที่จะติดตามอารักขา แต่นางส่ายหน้า แล้วเดินไปตามริมธาร ฝ่าควันไฟเข้าไป
นางยอมรับว่าหนิงเชวียมีความสามารถอยู่บ้าง เหนือกว่าพวกเด็กหนุ่มในตระกูลสูงศักดิ์ที่มักจะโอ้อวดว่าตัวเองแน่ ถ้าหากมันเกิดมาในตระกูลร่ำรวยแล้วทำท่าทำทางแบบนี้ นางจะไม่ขวางหูขวางตาแม้แต่น้อย แต่นี่ไม่เพียงเป็นคนชั้นต่ำ หนำซ้ำยังกดขี่ใช้งานเด็กผู้หญิงซึ่งสมควรจะแบ่งปันความทุกข์ความสุขกัน การกระทำของมันกระทบความรู้สึกบางอย่างที่เก็บกดเอาไว้ ทำให้นางไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
หญิงรับใช้เดินไปหยุดอยู่ห่างจากซังซังไม่เท่าไหร่ ยิ้มให้เด็กหญิงอย่างนุ่มนวล ส่งสายตาบุ้ยใบ้เป็นเชิงให้วางฟืนในมือแล้วมาสนทนากับตน
ซังซังมองไปทางหนิงเชวีย เห็นเจ้านายพยักหน้าจึงเดินเข้าไปหา หญิงรับใช้ดึงผ้าเช็ดหน้าจากเอวส่งให้ แต่ซังซังสั่นศีรษะปฏิเสธ แปลกที่นางออกแรงทำงานตั้งมากมาย หน้าผากกลับไม่มีเหงื่อแม้แต่หยดเดียว
หนิงเชวียค่อยขยับตัวลุกขึ้นยืน ปัดเศษหญ้าที่ติดอยู่ตามตัว ยิ้มน้อยๆ พลางคารวะ
หญิงรับใช้ไม่แม้แต่จะชายตามอง กล่าวเสียงเฉื่อยชา
“ข้าไม่ชอบขี้หน้าเจ้า ดังนั้นอย่าได้คิดมาสร้างไมตรีกับข้า คนอย่างเจ้ามองจากภายนอกดูเหมือนเด็กไร้เดียงสา ปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างสุภาพอ่อนโยน แต่ความจริงธาตุแท้เต็มไปด้วยความเกียจคร้านเห็นแก่ตัว เห็นแล้วน่าชิงชังขยะแขยง”
น้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ ปลายคางเชิดขึ้นเล็กน้อย นี่มิได้เป็นการจงใจจะเพิ่มช่องว่างระหว่างกันให้มากขึ้น แต่บุคลิกอันสูงส่งดุจมองคนจากเบื้องสูงนี้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ด้วยฐานะหญิงรับใช้ส่วนตัวขององค์หญิงแห่งต้าถัง ในเมื่อสามารถชี้นิ้วสั่งการขุนนางเกือบทั้งแผ่นดินได้ สำมะหาอะไรกับพลทหารเล็กๆ อย่างหนิงเชวีย
หนิงเชวียส่ายหน้ายิ้มๆ หันเดินไปหากองไฟที่ก่อเอาไว้ข้างธารน้ำ
มันมีซังซังเป็นสาวใช้เพียงคนเดียว แต่องค์หญิงมีหญิงรับใช้ตั้งหลายคน ตอนนี้สาวใช้เพียงคนเดียวถูกหนึ่งในหญิงรับใช้หลายคนขององค์หญิงลากตัวไปคุย องค์หญิงยังมีหญิงรับใช้คนอื่นๆ ดูแล แต่มันกลับต้องลงมือก่อไฟต้มน้ำหุงข้าวเอง
คงเป็นเพราะพายุทรายแถบชายแดนแรงเกินไป หนังหน้ามันจึงหนายิ่ง หาความกระอักกระอ่วนจากรอยยิ้มไม่เจอ
ก่อนอาทิตย์จะลาลับ ซังซังก็นำของว่างที่ทำจากเนยแข็งกลับมาหอบหนึ่ง หนิงเชวียกำลังนั่งมองโจ๊กเนื้อไหม้ๆ ในหม้ออย่างเจ็บปวดใจอยู่ในกระโจม พอเห็นก็รับมายัดใส่ปากเคี้ยวอย่างไม่รีรอ เคี้ยวไปพลางถามไปพลางว่า
“ทำไมนางถึงชอบคุยกับเจ้านัก ไม่คิดถึงหัวอกข้าบ้างว่าหลายวันแล้วที่ไม่ได้กินข้าวอร่อยๆ…ความเห็นใจราคาถูกของนางบางครั้งก็ใช้ผิดที่ผิดเวลา รอยยิ้มช่างเหมือนกับหมาป่าเจ้าเล่ห์ที่ปลอมตัวเป็นหญิงชราเพื่อหลอกจับเด็กไปกินเสียจริง คงเข้าใจว่าดูอ่อนโยนมีเมตตา แต่จริงๆ แล้วเทียบกับสุราผสมน้ำในร้านสุราเมืองเว่ยยังจอมปลอมเสียยิ่งกว่า”
“นางเป็นคนนิสัยไม่เลวนะ”
ซังซังพูดเหมือนจะค้าน หยิบหม้อโจ๊กที่ก้นไหม้ข้างตัวหนิงเชวียขึ้นมา เลิกม่านจะออกไปทำให้ใหม่ แต่ก็ถูกเรียกกลับมาซักถาม
“นี่ พวกเจ้าคุยเรื่องอะไรกันบ้าง”
ซังซังขมวดคิ้วเรียวบาง พยายามเค้นสมองคิดอยู่นาน สุดท้ายตอบว่า
“ดูเหมือนเรื่อง…เอ่อ ท่านก็รู้อยู่แล้วว่าข้าไม่ชอบพูด…ส่วนใหญ่นางเป็นฝ่ายเล่าเรื่องเกี่ยวกับดินแดนแห่งทุ่งหญ้า แต่ข้าลืมไปแล้วว่าตกลงนางพูดอะไรบ้าง”
ได้ยินเช่นนั้นอารมณ์ของหนิงเชวียก็ดูจะดีขึ้น เอื้อนเพลงเบาๆ ไปพลางเคี้ยวขนมทำจากเนยแข็งที่รสชาติถูกปากไปพลาง ก่อนกล่าวว่า
“ต่อไปหากนางมาเรียกเจ้าไปคุยอีก จำไว้ว่าต้องคิดเงินกับนาง หรือไม่ก็หอบขนมพวกนี้กลับมาให้มากหน่อย”
ตกดึก
ซังซังตักน้ำในลำธารมาดับกองไฟ ตรวจดูจนแน่ใจแล้วจึงยกถังใส่น้ำร้อนกลับไปที่กระโจม คนที่พักอยู่ใกล้เนินดินข้างลำธารเห็นภาพนี้ก็รู้ว่าซังซังน้อยกำลังเตรียมน้ำล้างเท้าให้กับหนิงเชวีย บางคนถึงกับแสดงสีหน้าเหยียดหยามออกมา
สีหน้าเหยียดหยามนี้ย่อมมีให้แก่หนิงเชวีย
พอล้างเท้าเสร็จหนิงเชวียก็ซุกตัวนอนในฟูกขนแกะ จากนั้นรับเท้าเล็กๆ ที่แม้จะสวมถุงเท้าคู่หนาแต่ก็ยังเย็นเฉียบที่ยื่นมาหาเข้าสู่อ้อมอก ส่งเสียงครางเบาๆ ซึ่งไม่ทราบว่าเกิดขึ้นจากความพึงพอใจหรือความหนาวเย็น อ้าปากหาวติดๆ กันสองทีก่อนกล่าวว่า
“นอนเถอะ”
เพราะตอนกลางวันซังซังเหนื่อยกว่ามันมากมาย พอหลับตาไม่นานก็จมลงสู่ห้วงนิทรา
หนิงเชวียกลับลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง สายตาจดจ่อราวกับจะจ้องกระโจมที่มีแต่รอยปะเต็มไปหมดให้ทะลุทะลวงไปถึงดวงดาวบนท้องฟ้า ก่อนลดลงมองผ้าเช็ดหน้าของตนบนพื้น
มันนึกไปถึงผ้าเช็ดหน้าเย็บริมด้วยด้ายทองที่หญิงรับใช้คนนั้นล้วงออกมา รู้ว่าสิ่งที่คาดเดาเอาไว้นั้นถูกต้อง เพียงแต่ไม่ทราบว่าต่อให้เดาถูกแล้วจะมีประโยชน์อะไร
Related
Comments
