• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านนิยายสยบฟ้า พิชิตปฐพี เล่ม 1

    บทที่ 3 ปากทางเข้าเป่ยซาน หนึ่งเกาทัณฑ์จากทักษิณ

    ขณะนอนมองยอดกระโจม สมองหนิงเชวียผุดภาพสิ่งละอันพันละน้อยที่สังเกตได้หลังออกเดินทางจากเมืองเว่ย

    ตลอดการเดินทาง ม่านของรถม้าที่ตกแต่งอย่างหรูหราคันนั้นปิดสนิท นอกจากเด็กชายคนหนึ่งที่เห็นได้ชัดว่ามีสายเลือดคนเถื่อนลงจากรถมาวิ่งเล่นเป็นครั้งคราวก็ไม่เคยมีโอกาสได้เห็นโฉมหน้าองค์หญิงหรือหญิงรับใช้คนอื่น มีเพียงหญิงรับใช้รูปงามท่าทางหยิ่งผยองคนนั้นที่เป็นผู้ออกคำสั่งเป็นระยะ

    ไม่ทราบว่าทำไม นางชอบเรียกซังซังไปคุยด้วยเหลือเกิน

    และก็ไม่ทราบว่าทำไม นางจึงไม่คิดจะปกปิดความเกลียดชังที่มีต่อตนเลยแม้แต่น้อย

    หนิงเชวียรู้สึกว่านางเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง เพราะไม่ว่าจะเป็นตอนอยู่ในเมืองเว่ยหรือระหว่างเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นท่าทางของผู้ติดตามจากดินแดนแห่งทุ่งหญ้าเหล่านั้น หรือว่าสีหน้าท่าทางรวมถึงบุคลิกลักษณะที่นางแสดงออกมา ล้วนยากที่จะดูออกว่า…นางมิใช่หญิงรับใช้คนหนึ่ง

    นี่คือจุดที่ทำให้หนิงเชวียนึกประหลาดใจ บุคคลที่มียศถาบรรดาศักดิ์สูงส่งของแคว้นถังไม่น่าจะมีที่ว่างในใจมากมายจนเหลือไว้ให้สงสารซังซังได้

    แต่เรื่องพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่มันสนใจอย่างแท้จริง ตลอดเวลาหลายวันที่ผ่านมาสมาธิของมันจดจ่ออยู่ที่ชายชราในชุดเสื้อคลุมเก่า ถ้าหากคาดเดาไม่ผิด ชายชราที่หน้าตาใจดีคนนั้นจะต้องเป็นยอดฝีมือแห่งนิกายเฮ่าเทียนฝ่ายใต้ที่แม่ทัพหม่าเอ่ยถึง

    ตั้งแต่เด็ก หนิงเชวียได้ตั้งปณิธานเอาไว้แล้วว่าจะก้าวเข้าสู่โลกแห่งความลี้ลับมหัศจรรย์นั้นให้ได้ แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีลู่ทาง ที่ยินยอมติดตามรถม้าขบวนนี้กลับเมืองหลวงก็เพราะว่าในขบวนมีนักพรตคนนี้อยู่

    น่าเสียดายที่ตลอดการเดินทางยังหาโอกาสพูดคุยกับชายชราที่ถูกอารักขาอย่างแน่นหนาไม่ได้ มีเพียงตอนตั้งค่ายพักกินข้าวจึงจะได้สบตากันบ้าง แต่เวลาสั้นๆ แค่ชั่วกะพริบตานั้นมันคล้ายจะมองเห็นความอบอุ่นถึงกระทั่งให้กำลังใจจากดวงตาของอีกฝ่าย ซึ่งสร้างความงุนงงสงสัยให้แก่มันเป็นอย่างยิ่ง

    ในเมื่อขบคิดอย่างไรก็ไม่ได้ความ หนิงเชวียจึงเลิกคิด แล้วก็อดขมวดคิ้วนิ่วหน้าไม่ได้เมื่อพบว่าเท้าเล็กๆ ที่ซุกอยู่ตรงหน้าอกมิได้อุ่นขึ้นเลยแม้แต่น้อย ยังคงเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง ทำเอาบริเวณอกเอวตนพลอยเย็นเฉียบตามไปด้วย

    ซังซังตอนยังเป็นทารกผ่านความลำบากมามาก ต้องนอนแช่น้ำฝนอบกลิ่นเหม็นเน่าอยู่ใต้กองซากศพ หลังถูกช่วยออกมาก็ป่วยหนัก อาการไม่ดีขึ้นตลอดช่วงสองสามเดือนแรก

    ต่อมาหมอทหารของเมืองเว่ยเคยตรวจอาการให้ ตัวมันเองยังเคยพานางเดินทางไกลไปหาหมอที่เมืองไคผิงโดยเฉพาะ ปรากฏว่าหมอทุกคนให้ความเห็นตรงกัน พื้นฐานไม่สมบูรณ์มาแต่เกิด มีภาวะหยางพร่อง* เนื้อตัวเย็น

    เพราะร่างกายมีภาวะหยางพร่องสุดขีด ซังซังจึงมีเหงื่อน้อย พิษและของเสียที่เกิดขึ้นในแต่ละวันถูกขับออกจากร่างกายได้กะพร่องกะแพร่งไม่เหมือนคนปกติทั่วไป สะสมนานวันเข้าสุขภาพของนางก็จะแย่ลงเรื่อยๆ ดังนั้นหนิงเชวียจึงทำตามคำสั่งหมอโดยเคร่งครัด รับปากว่าในแต่ละวันจะต้องให้นางออกกำลังกายให้มากเพื่อเป็นการปรับปรุงภาวะหยางพร่องของร่างกายให้ดีขึ้น นี่ก็คือเหตุผลว่าเพราะเหตุใดมันจึงใช้งานเด็กหญิงผอมแห้งคนนี้อย่างกับม้ากับลา

    ถึงจะทำงานหนักแบบนี้ทุกวันก็ไม่เห็นว่าจะทำให้ร่างกายซังซังเปลี่ยนเป็นอุ่นขึ้น อย่างเช่นตอนนี้ก็เย็นเฉียบเหมือนฟูกขนแกะที่แช่ทิ้งไว้ในโพรงน้ำแข็ง

    หนิงเชวียดันกายขึ้นนั่ง นวดท้องตัวเองที่พลอยเย็นเฉียบเหมือนน้ำแข็งไปด้วย ก่อนเอื้อมไปหยิบถุงสุราที่วางอยู่ตรงมุมกระโจม เขย่าปลุกซังซังให้ตื่น จากนั้นยื่นจ่อให้ถึงปาก

    ซังซังขยี้ตาลุกขึ้น รับถุงสุราไปเปิดฝาที่อุดไว้อย่างคล่องแคล่ว จากนั้นแหงนหน้ากรอกลงท้องอั้กๆ โดยไม่หกแม้แต่หยดเดียว ภายในกระโจมอบอวลไปด้วยกลิ่นสุราเผ็ดร้อน ดูท่าจะเป็นสุราแรงบาดคอจากดินแดนแห่งทุ่งหญ้า

    * หยางพร่อง หมายถึงภาวะพร่องของพลังหยาง คือความสามารถในการผลิตพลังความร้อนของร่างกายไม่สมบูรณ์ เกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น พื้นฐานทางกรรมพันธุ์ การเจ็บป่วยเรื้อรัง มีอาการกลัวหนาว ชอบความอุ่น แขนขาเย็นเฉียบ

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook