• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านนิยายสยบฟ้า พิชิตปฐพี เล่ม 1

    เมื่อสิบวันก่อน หลังจากได้รับจดหมายด่วนที่ตอบรับกลับมาจากเขตกู้ซาน นางก็ตัดสินใจโดยไม่ลังเลที่จะเข้าไปทางดินแดนเป่ยซาน เป็นเพราะนางเชื่อว่าตูเว่ย* เขตกู้ซานนามว่าฮว่าซานเยวี่ยคนนั้นสมควรจะเร่งเคลื่อนกำลังทหารจากค่ายตัวเองมาใกล้ถึงเชิงเขาทางด้านทิศใต้ที่เป็นทางออกของดินแดนเป่ยซานแล้ว

    จากต้าถังไปแค่ปีสองปี นางมั่นใจว่าบริวารที่จงรักภักดีต่อนางเหล่านั้นยังคงมีใจภักดิ์เหมือนเดิม แม้จะมีบางคนถูกสตรีแห่งวังหลวงคนนั้นซื้อตัวไป แต่ฮว่าซานเยวี่ยไม่มีทางถูกใครซื้อตัวได้เด็ดขาด เพราะ…สายตาที่มันมองนางนั้นเต็มไปด้วยความอาทรห่วงใย

    พลบค่ำ แม้จะยังอยู่ห่างจากจุดนัดพบอีกประมาณสามสิบลี้** แต่ขบวนรถม้าก็หยุดเพื่อตั้งค่ายพักแรม เดินทางผ่านป่าทึบในยามดึก ไม่ว่าจะมองจากแง่มุมใดล้วนเป็นการกระทำที่เสี่ยงอันตรายเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่องครักษ์ยังแนะนำให้พักขบวนอยู่ที่ปากทางเข้า รอให้กำลังทหารของฮว่าซานเยวี่ยเป็นฝ่ายเข้ามารับ

    สำหรับคำแนะนำนี้นางยอมนำไปขบคิด แต่ถึงอย่างไรบัดนี้นางกับเสี่ยวหมันก็ปลอดภัยแล้ว ดังนั้นรอยยิ้มที่จางหายไปนานจึงปรากฏขึ้นบนใบหน้างดงามอีกครั้ง เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ และเสียงเพลงที่ถูกความตึงเครียดสะกดไว้อยู่หลายวันในที่สุดก็หวนคืนมาใหม่

    ท่ามกลางแสงสายัณห์ กระโจมเก่าโทรมหลังหนึ่งถูกกางขึ้นอย่างโดดเดี่ยวนอกวงล้อมรูปวงกลมของรถม้า หัวหน้าองครักษ์ขององค์หญิงเอ่ยปากถามอย่างสงสัย แต่เจ้าของกระโจมยืนยันหนักแน่น ไม่ยอมที่จะย้ายเข้าไปอยู่ในขบวนตั้งรับที่ประกอบด้วยรถม้าห้าคันและหีบตู้ทั้งหลาย

    “ไม่อยู่ให้ห่างจากขบวนสักหน่อย เกิดเรื่องแล้วจะหนีทันได้อย่างไร”

    หนิงเชวียพูดเยาะๆ พลางใช้เชือกมัดร่มสีดำไว้กับตัวซังซังอย่างแน่นหนา จากนั้นผูกเป็นปมอย่างสวยงาม

    ซังซังเงยหน้ามองคางเขียวครึ้มด้วยหนวดเคราที่เพิ่งงอกใหม่ของเจ้านาย ถามว่า

    “หากพวกเราหนีไปแล้วพวกนั้นจะทำอย่างไร”

    หนิงเชวียกำลังยกธนูขึ้นน้าวเพื่อตรวจสอบสายธนูที่ทำจากเอ็นว่าชื้นหรือไม่ ได้ยินเช่นนั้นก็หันมามองใบหน้าดำคล้ำของสาวใช้ เงียบไปสักครู่จึงตอบด้วยน้ำเสียงเน้นหนัก

    “เจ้าลืมเรื่องสมัยเด็กไปแล้วกระมัง แต่ข้ายังไม่ลืม…เจ้าเป็นเด็กทารกที่ข้าอุ้มออกมาจากกองซากศพ ส่วนข้าที่รอดชีวิตมาได้ก็เคยผ่านโศกนาฏกรรมที่คนเราไม่มีทางจินตนาการได้มาเหมือนกัน

    ซังซัง เจ้าต้องจำเอาไว้ชั่วชีวิต พวกเราต้องตกระกำลำบาก…กระทั่งว่าต้องเสี่ยงชีวิตหลายครั้งหลายคราจึงจะสามารถอยู่รอดปลอดภัยในโลกใบนี้ ในเมื่อพวกเราต้องทุกข์ทรมานถึงเพียงนี้เพื่อความอยู่รอด ดังนั้นจึงมิอาจชะล่าใจตายไปโดยง่าย”

    พูดจบก็ไม่อธิบายให้มากความอีก หยิบดาบที่ลับเสร็จแล้วสอดคืนเข้าฝัก จากนั้นใช้เชือกมัดหลายรอบแล้วทดสอบระยะห่างของแต่ละเล่มว่าพอดีจึงค่อยแบกขึ้นหลัง

    ซังซังก็ไม่พิรี้พิไรถามต่อ เริ่มจัดเก็บข้าวของสัมภาระเงียบๆ หยิบลูกธนูยกขึ้นเล็งดูว่าตรงดีหรือไม่ นางรู้ดีว่าวินาทีที่ราตรีมาเยือนก็คือเวลาที่จะต้องบากหน้าไปพึ่งเขาหมินซานอันกว้างใหญ่ไพศาลอีกครั้ง นางมิได้รู้สึกกลัว เพราะตั้งแต่เล็กก็ถูกหนิงเชวียแบกขึ้นไหล่เดินฝ่าป่าเขารกชัฏมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว

    * ตูเว่ย หมายถึงผู้บัญชาการเขตหรือเมือง แต่ละสมัยกำหนดระดับขั้นแตกต่างกัน สมัยถัง ซ่ง หยวน และหมิง เป็นยศขุนนางบู๊ขั้นสามและสี่ เป็นรองจากตำแหน่งแม่ทัพ

    ** ลี้ (หลี่) หน่วยวัดความยาวของจีน 1 ลี้เทียบระยะทางประมาณ 500 เมตร

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook