• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านนิยายสยบฟ้า พิชิตปฐพี เล่ม 12 ตอนที่ 3

    พลังเหนือธรรมชาติขุมนี้ที่จู่ๆ ก็พุ่งตรงดิ่งลงจากท้องฟ้าเข้าสู่ร่างมนุษย์ ไม่ต่างอะไรกับฟ้าผ่าลงมา หากปราศจากประสบการณ์หรือการเตรียมตัวใดๆ ร่างกะจ้อยร่อยและบอบบางของมนุษย์คงต้องถูกกระแทกกระทั้นฟาดใส่จนแหลกเหลวเป็นกองเลือดกองหนึ่งอย่างแน่นอน

    ทว่าสภาพการณ์ตรงหน้ากลับมิใช่เรื่องใหม่สำหรับต้าเสินกวนหน่วยแสงสว่าง เมื่อหลายปีก่อนมันเคยก้าวออกจากด่านทั้งห้าไปแล้ว ได้รับแสงสว่างทางปัญญาจากเฮ่าเทียน มันรู้ดีว่าขอเพียงเปิดจิตวิญญาณและร่างกายออกรับอย่างไม่มีข้อกังขา ก็จะสามารถรับของขวัญล้ำค่าจากเฮ่าเทียน และสามารถใช้พลังซึ่งไม่สมควรปรากฏขึ้นในโลกมนุษย์นี้ให้เป็นประโยชน์ได้

    ดวงตาลุ่มลึกเป็นประกายของเว่ยกวงหมิงกวาดมองไปรอบๆ ราวกับสามารถมองเห็นลายเส้นทุกเส้นของยันต์รูปจิ่งได้อย่างแจ่มชัด แสงเจิดจรัสที่คลอเคลียอยู่ตรงปลายนิ้วได้เปลี่ยนเป็นดวงแสงสีขาวน้ำนมอันบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังแผ่กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวเกินกว่าที่จะจินตนาการได้ออกมา

    พร้อมๆ กันนั้น ใยแสงสีขาวน้ำนมหลายหมื่นเส้นก็แผ่กระจายออกจากนิ้ว ส่วนหนึ่งครอบคลุมลงบนตัวเสมือนเป็นร่ม ปกป้องคุ้มครองมันไว้ข้างใน อีกส่วนหนึ่งซึ่งเป็นส่วนใหญ่เริ่มแผ่พุ่งออกรอบทิศ ตรงเข้าทิ่มแทงอากาศซึ่งกำลังถูกยันต์รูปจิ่งตัดเฉือนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

    หลังถูกใยแสงเส้นแล้วเส้นเล่าทิ่มแทงจนทะลุ เศษเสี้ยวเล็กๆ ของอากาศเหล่านั้นก็พลันสว่างไสวขึ้นมา นั่นเป็นเพราะกลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวที่ว่าพยายามผูกเส้นใยร้อยอากาศผืนเล็กผืนน้อยเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้อากาศหยุดการสลายตัว

    เว่ยกวงหมิงกำลังพยายามใช้พลังของด่านเบิกนภาฝืนรักษาสภาพอากาศบริเวณนั้นให้คงอยู่

    อากาศเมื่อถูกตัดเป็นชิ้นๆ ก็กลายสภาพเป็นเสมือนกระจกบานเล็กๆ หลายหมื่นบาน ในกระจกสะท้อนภาพหน้าผา เวหา เกล็ดหิมะและต้นไม้ใบหญ้าในบริเวณนั้น แม้จะเป็นภาพที่ขาดออกจากกันไม่ต่อเนื่อง แต่ถึงอย่างไรก็ยังคงดำรงอยู่

    หากเส้นตัดของยันต์รูปจิ่งขาดกระจุย พลังของแสงสว่างก็จะปะติดปะต่อกระจกเล็กๆ นี้เข้าด้วยกัน นำสิ่งต่างๆ ที่ถูกผนึกอยู่ในบานกระจกเหล่านี้กลับคืนสู่โลกแห่งความเป็นจริง หาไม่แล้วอากาศก็จะยิ่งแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ไม่ว่าแสงสว่างจะเจิดจ้าเพียงไร สุดท้ายก็มีแต่จะหม่นมัวลง ภาพสะท้อนของหน้าผา เวหา เกล็ดหิมะและต้นไม้ใบหญ้าในบริเวณนั้นก็จะหายไปตลอดกาล

    สุดท้ายขึ้นอยู่กับว่าเจตนารมณ์แห่งยันต์อันดุดันแข็งกร้าวที่หยิบยืมมาจากพลังปฐมแห่งฟ้าดิน กับพลังแห่งแสงสว่างที่หยิบยืมมาจากเฮ่าเทียน อย่างไหนจะทรงอานุภาพกว่ากัน

    มรรคาแห่งยันต์คือครรลองของธรรมชาติและฟ้าดินที่มนุษย์เราสังเกตและทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้จนถึงขั้นควบคุมและนำมาใช้เป็นประโยชน์ แต่แสงสว่างกลับเป็นรางวัลและบทลงโทษของเฮ่าเทียนที่มีต่อมนุษย์ ตกลงฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายกำชัยชนะเอาไว้ในมือ

    ทุกสิ่งทุกอย่างตรงบริเวณนั้นล้วนถูกตัดขาดเป็นชิ้นเล็กๆ แต่เป็นเพราะถูกกลิ่นอายแสงสว่างของเฮ่าเทียนช่วยยึดเหนี่ยวไว้ จึงไม่กลายเป็นเศษธุลีปลิวหายไป ในบรรดานั้นมีต้นไม้ต้นหนึ่งที่ไม่ถูกตัดเฉือนและไม่ถูกผนึกอยู่ในบานกระจก

    นั่นคือต้นไป๋หยางที่ลำต้นตรงแหน่ว โคนต้นยังมีดรุณีน้อยนางหนึ่งนั่งอยู่ มือซ้ายของนางอุ้มโถเก่าไว้ใบหนึ่ง ส่วนมือขวาก็อุ้มโถใหม่เอี่ยมไว้ใบหนึ่ง

    นางนั่งตัวสั่นเทาอยู่ท่ามกลางแสงสว่างและเจตนารมณ์แห่งยันต์ ราวกับหญ้าอ่อนที่แทงใบไหวระริกอยู่กลางลมหนาว

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook