ทดลองอ่าน
ทดลองอ่านนิยาย สยบฟ้าพิชิตปฐพี เล่มที่ 27 ตอนที่ 1
หยางเอ้อร์สี่นำธนูไม้หวงหยางที่เก็บรักษาไว้อย่างดีออกมาจากตู้ในห้อง
จากนั้นแบกคราดที่ลับจนคมวาวไว้ที่บ่า ภรรยาผูกขาหมูที่หนักพอสมควรไว้ที่ด้านหนึ่งของคราดแล้วถามว่า
“จะเอาสุราไปด้วยหรือไม่”
สะใภ้ตามชนบทของต้าถังปกติแล้วจะมีอัธยาศัยใจคอเช่นนี้ เห็นว่าไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้ก็นิ่งเงียบยอมรับแล้วช่วยสามีเตรียมการอย่างจริงจัง
หยางเอ้อร์สี่ตอบว่า
“จะไปสู้รบแล้ว ดื่มสุราผิดกฎของกองทัพ”
ภรรยาจึงวางสุราที่เพิ่งบ่มเสร็จลง ใจคิด ไม่ใช่ทหารอย่างเป็นทางการสักหน่อย มีกฎของกองทัพที่ไหนกัน
ตอนนี้ลูกสองคนเพิ่งวิ่งกลับมาบ้าน ลูกชายคนเล็กวิ่งอย่างกระหืดกระหอบ ใบหน้าแดงก่ำ คิดพูดอะไรแต่พูดไม่ออก ลูกสาวคนโตมองหยางเอ้อร์สี่ พูดอย่างโกรธเคืองว่า
“ท่านพ่อ สถานศึกษาหลวงยังทาสีไม่เสร็จ อาจารย์สอนหนังสือไม่พอใจมาก ท่านอยากให้พวกเราเรียนหนังสือไม่ได้และเป็นเหมือนท่านหรือ”
ถ้าเป็นยามปกติ ได้ยินบุตรีพูดเช่นนี้หยางเอ้อร์สี่ต้องโกรธ แล้วหิ้วถังสีอย่างว่าง่ายไปทาสีสถานศึกษาหลวงจนเสร็จอย่างแน่นอน แต่วันนี้มันเพียงหัวเราะฮาๆ
“บอกอาจารย์ว่าถ้าพ่อกลับมาแล้วต้องไปทาให้เสร็จแน่นอน”
แล้วหยางเอ้อร์สี่ก็มองไปทางบิดา
“ท่านพ่อ ข้าไปแล้ว”
ชายชราพยักหน้า เอ่ยว่า
“ระวังตัวด้วย”
หยางเอ้อร์สี่หอมแก้มภรรยาฟอดใหญ่
ลูกสองคนน่าจะเห็นภาพนี้มาบ่อยแล้วจึงไม่ตกใจ เพียงแปลกใจเรื่องอื่น
บุตรชายเบิ่งตาโตถามว่า
“ท่านพ่อ ท่านจะไปไหน”
“ไปชายแดนตะวันออก”
“ท่านพ่อจะไปทำอะไร”
บุตรีถาม
“ไปสู้กับข้าศึก”
“ท่านพ่อต้องสู้ให้ชนะนะ!”
บุตรีพูดอย่างตื่นเต้น
“ต้องชนะแน่นอน”
หยางเอ้อร์สี่หัวเราะฮาๆ สะพายธนู แบกคราด ออกจากบ้านไป
ทหารม้าราชสำนักเผ่าจั่วจั้งรวมถึงกองทัพร่วมของแคว้นเยี่ยน ซ่งและฉีบุกเข้าเขตแดนแคว้นต้าถังภายใต้การนำขององค์ชายหลงชิ่ง เดินทัพเข้ามาไกล หลายวันนี้ยังไม่เจอการสู้รบต่อต้านใดๆ
กองกำลังชายแดนตะวันออกเฉียงเหนือถูกทำลายแล้ว แม้มีทหารต้าถังไม่น้อยที่รอดมาได้ แต่พวกมันกำลังหลบหนีการตามกวาดล้างของทั้งทหารและชาวบ้านแคว้นเยี่ยน ต่อให้หนีกลับต้าถังได้ก็กระจัดกระจายกันไป ไม่อาจแสดงพลังรบ
กองทัพร่วมที่รุกรานต้าถังนี้ โดยเฉพาะทหารม้าดินแดนแห่งทุ่งหญ้าที่มาจากทุ่งร้าง กระทำการหยาบช้าต่อชายแดนตะวันออก ปล้น ฆ่าและเผาทำลาย จิตใจของพวกมันมุ่งหวังเพียงทรัพย์สินเงินทอง ใบหน้าท่าทางฮึกเหิม กระตุ้นม้าให้วิ่งไปมาอยู่บนถนน
หลงชิ่งเห็นภาพด้านล่างเนินเขาแล้วก็คิ้วขมวด กล่าวเสียงเย็นชาว่า
“มีวินัยกันหน่อย อย่าเสียเวลากับพื้นที่ชนบทพวกนี้มากนัก พวกเราต้องไปให้ถึงฉางอันโดยเร็วที่สุด”
เหล่าบริวารรับคำสั่ง แต่มีนายทหารบางคนไม่เห็นด้วย
ชื่อเสียงพันปีไม่พ่ายแพ้ของต้าถังทิ้งความกลัวที่ไม่อาจลบเลือนไว้ในใจของนายทหารเหล่านี้ ยามนี้แม้การสู้รบราบรื่นดี แต่พวกมันไม่เคยเพ้อฝันว่าจะตีฉางอันให้แตกได้จริงๆ ทหารม้าดินแดนแห่งทุ่งหญ้าพวกนั้นก็คิดเช่นเดียวกัน พวกมันคิดว่าปล้นชิงในดินแดนต้าถังจนสุขสำราญแล้วสมควรถอยกลับ เพื่อป้องกันการโต้กลับและล้างแค้นของชาวถัง
“ต้าถังในตอนนี้ไม่เหมือนต้าถังในกาลก่อน พี่น้องคู่นั้นในฉางอันทำผิดอย่างต่อเนื่อง และแน่นอนต่อให้พวกมันไม่ทำผิดเลยก็ไม่อาจยืนหยัดต่อไปเพราะฟ้าจะทำลายต้าถัง”
หลงชิ่งเอ่ยต่อไปว่า
“บัดนี้ต้าถังเผชิญศึกรอบด้าน เบื้องหน้าของพวกเราไม่มีกองทัพต้าถัง เมืองฉางอันว่างเปล่าไร้การป้องกัน นี่คือโอกาสที่เฮ่าเทียนประทานให้พวกเรา ถ้าไม่คว้าไว้กลับเป็นพวกเราเสียเองที่อาจถูกฟ้าลงทัณฑ์”
นายกองคนหนึ่งเอ่ยว่า
“ต่อให้บุกไปประชิดฉางอัน…ก็ไม่มีประโยชน์ ผู้ใดล้วนทราบว่าฉางอันไม่มีทางถูกตีแตก ถึงเวลานั้นพวกเราจะทำอย่างไร”
“โลกนี้ไม่มีเมืองใดที่ตีไม่แตก”
หลงชิ่งไม่ได้อธิบายเพิ่มเติม ตอนนี้โลกนี้มีไม่กี่คนรวมทั้งตัวมันที่รู้แผนการที่แท้จริงของอาศรมเทพ การที่เผ่าจินจั้งบุกลงใต้ ทั้งโลกบุกโค่นต้าถัง เรื่องเหล่านี้เป็นเพียงกลลวงตา เป็นแค่วิธีการที่ทำให้ทหารต้าถังวิ่งเต้นทำงานจนเหน็ดเหนื่อยเท่านั้น สิ่งที่อาศรมเทพต้องการจริงๆ คือทำให้ฉางอันไร้คนป้องกัน
ทั้งหมดเพียงเพื่อดวงตาค่ายกล
อาศรมเทพมั่นใจว่าสามารถนำดวงตาค่ายกลมาได้
ทั้งทหารและราษฎรของต้าถังล้วนคิดว่าเมืองฉางอันไม่มีทางถูกตีแตก จึงเคลื่อนกำลังพลไปยังพื้นที่ต่างๆ แต่หากอาศรมเทพได้ดวงตาค่ายกลและทำลายค่ายกลสยบเทวะได้ ฉางอันจะพบกับหายนะ
หลงชิ่งดึงบังเหียนม้าเบาๆ บังคับม้าให้วิ่งลงจากเนินเขา
ข้าวสาลีในทุ่งออกรวงแน่นขนัด ดูคล้ายท้องทะเลสีทองเอนไสวตามสายลมแห่งฤดูสารท
ทัศนียภาพแสนงดงาม
บ้านนาริมทุ่งถูกไฟเผาไหม้ ควันดำค่อยๆ ลอยขึ้น ได้ยินเสียงร้องที่น่าเวทนาของชาวถังได้อยู่รำไร
หลงชิ่งนึกถึงเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนหลังจากที่เข้าชั้นสองของสถานศึกษาไม่สำเร็จแล้วลาจากฉางอันอย่างเศร้าใจ
วันนั้นมันได้เห็นทัศนียภาพของทุ่งนาที่สวยงามของต้าถัง บ้านที่มีหลากสีสัน ชาวถังที่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ตอนนั้นมันก็สาบานว่าวันหนึ่งจะต้องนำทัพกลับมาเผาทำลายสิ่งเหล่านี้ให้สิ้นซาก
มันให้แม่ทัพนายกองไปรักษาระเบียบวินัยของทหารไม่ใช่เพราะสงสารชาวถัง แต่เป็นความจำเป็นในการเดินทัพ อันที่จริงมันคิดว่าภาพของการเข่นฆ่าและเผาทำลายต่างหากจึงเป็นทัศนียภาพที่สวยงามที่สุด
ใบหน้าส่วนที่ยื่นออกมานอกหน้ากากของหลงชิ่งเผยรอยยิ้มแห่งความพอใจ
ทหารของกองทัพร่วมหลายหมื่นสร้างความเสียหายไปทั่วในชนบทเขตชายแดนตะวันออกของต้าถัง แม้กฎของกองทัพจะเข้มงวดขนาดไหนก็ไม่อาจทำได้ถึงขั้นสั่งซ้ายไปซ้ายสั่งขวาไปขวาอย่างเฉียบขาด สำมะหาอะไรกับที่ทหารส่วนใหญ่เป็นทหารม้าดินแดนแห่งทุ่งหญ้าที่ไร้ระเบียบวินัยเป็นนิสัยอยู่แล้ว
คำสั่งของหลงชิ่งถ่ายทอดลงไป ทหารม้าดินแดนแห่งทุ่งหญ้าส่วนใหญ่ทำตามคำสั่งมารวมกลุ่มกัน เดินทัพไปทางตะวันตกมุ่งสู่ฉางอัน แต่ยังคงมีทหารม้านับพันที่รั้งรออยู่ด้านหลัง
ทหารม้าดินแดนแห่งทุ่งหญ้าเหล่านี้เชื่อมั่นว่าด้วยทักษะการขี่ม้าของตน ใช้เวลาไม่นานก็ตามกองทัพข้างหน้าได้ทัน จึงไม่รีบเร่งเดินทาง เอาแต่ปล้นชิงไปทั่ว
พวกมันรู้แต่แรกว่าจงหยวนนั้นร่ำรวย ความเป็นอยู่ของชาวถังอุดมสมบูรณ์ ทว่าเมื่อเข้ามาในเขตแดนต้าถังจึงพบว่าจินตนาการที่มีต่อจงหยวนตอนอยู่ในทุ่งร้างที่แท้แล้วช่างน่าขัน ทรัพย์สินที่สะสมไว้ในหมู่บ้านธรรมดาหมู่บ้านหนึ่งของชาวถังยังมากกว่าในเผ่าระดับกลางของดินแดนแห่งทุ่งหญ้าเสียอีก!
ผ้าไหมที่สวยงามและเงินทองของล้ำค่าทำให้พวกมันไม่อยากจากไป สาวงามชาวถังผิวขาวนวลยิ่งทำให้พวกมันน้ำลายไหลย้อย ดังนั้นหลายคนจึงตัดสินใจจะกวาดเก็บครั้งหนึ่งก่อนการสู้รบใหญ่
ทหารม้าเผ่าจั่วจั้งหลายสิบนายควงดาบโค้งในมือ ส่งเสียงผิวปากและเสียงหัวเราะที่ระคายหู บุกเข้าหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในหุบเขา
หมู่บ้านแห่งนี้อยู่ห่างจากถนนใหญ่จึงโชคดีรอดพ้นจากกองกำลังหลักของกองทัพร่วม ชาวบ้านที่ลี้ภัยจากบริเวณใกล้เคียงล้วนอาศัยทางเล็กมาหลบภัยที่นี่ ตอนนี้มีกันอยู่ร้อยกว่าคน
ชาวบ้านลี้ภัยเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นเด็กสตรีและคนชรา ส่วนชายหนุ่มในหมู่บ้าน ตอนที่หมู่บ้านของพวกมันถูกทำลายล้วนตายในการต่อสู้กับทหารม้าดินแดนแห่งทุ่งหญ้า
ทหารม้าดินแดนแห่งทุ่งหญ้ากวาดต้อนทุกคนมารวมตัวกันแล้วเริ่มค้นทรัพย์สินในบ้าน เพียงแต่หมู่บ้านนี้อยู่ห่างไกลจริงๆ ค่อนข้างยากจน พวกมันจึงกอบโกยได้ไม่มากนัก
ทหารม้าดินแดนแห่งทุ่งหญ้าไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง ก่นด่าอย่างเดือดดาล
พวกชาวบ้านที่รวมกลุ่มกันอยู่ฟังไม่ออกว่าพวกชาวหมานด่าว่าอะไร ต่างก้มหน้าเงียบ มีเพียงเด็กหญิงคนหนึ่งในอ้อมกอดของหญิงชราที่จ้องมองพวกทหารม้าดินแดนแห่งทุ่งหญ้าอย่างแน่วนิ่ง
เด็กหญิงยังเด็กอยู่มาก จึงไม่รู้อย่างแน่ชัดว่าเกิดเรื่องอะไร แต่นางรู้ว่าบ้านของตนถูกคนเลวสวมเสื้อขนสัตว์เก่าขาดพวกนี้เผาทำลาย บิดาของตนก็ถูกคนเลวตัวเหม็นพวกนี้ฆ่าตาย แววตาของนางจึงเต็มไปด้วยความแค้น
ทหารม้าดินแดนแห่งทุ่งหญ้านายหนึ่งกำลังโมโหว่าวันนี้กอบโกยได้น้อย พลันมองไปเห็นแววตาเคียดแค้นของเด็กหญิงจึงเดือดขึ้นมาอย่างฉับพลัน กุมดาบในมือเดินเข้าหากลุ่มคน
มันยกดาบโค้งในมือขึ้น
คนชราหลายคนลุกขึ้นยืนด่าทอเพื่อยับยั้งมัน แต่ดาบโค้งฟันลงมาแล้ว
ทว่า…เด็กหญิงคนนั้นไม่ได้ถูกฟัน เพราะดาบโค้งร่วงลงพื้น เกิดเสียงกระแทกดังชัดเจน
เบ้าตาของทหารม้าดินแดนแห่งทุ่งหญ้ามีลูกธนูปักอยู่ มันล้มทั้งยืน
ลูกธนูดอกนั้นค่อนข้างลวกหยาบ ไม่เหมือนอาวุธมาตรฐานของทหารต้าถัง
พวกทหารม้าดินแดนแห่งทุ่งหญ้าต่างตกใจ ร้องตะโกนเป็นภาษาหมาน ในเวลาอันสั้นก็ขึ้นม้าอีกครั้ง ปลดธนูจากบ่าลงมาถือไว้ มองไปทางป่าด้านหลังหมู่บ้านอย่างตื่นตัว
ฟุ่บ!
ลูกธนูดอกหนึ่งยิงมาจากในป่า ยิงถูกไหล่ของทหารม้าดินแดนแห่งทุ่งหญ้านายหนึ่ง โลหิตสาดกระจาย
พวกทหารม้าดินแดนแห่งทุ่งหญ้าไม่เพียงไม่ตกใจ ซ้ำมีสีหน้ายินดี ตะโกนโห่ร้อง บังคับม้าเข้าโอบล้อมป่าแห่งนั้น
จากลักษณะของลูกธนูพวกมันแน่ใจว่ามือธนูในป่าไม่ใช่ทหารต้าถัง แต่อาจเป็นนายพราน เมื่อหลายวันก่อนก็มีพี่น้องในเผ่าจำนวนมากถูกนายพรานชาวถังฆ่าตาย
นายพรานที่รวมกลุ่มกันอย่างมากมีเพียงสองสามคน ขอแค่ปรากฏร่องรอย ไหนเลยจะใช่คู่ต่อสู้ของทหารม้าฝีมือดีอย่างพวกมัน
หยางเอ้อร์สี่ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ กระชับธนูไม้หวงหยางในมือ ไหล่พิงลำต้น เท้าขวาเหยียบพื้นเบาๆ ดูกังวลเล็กน้อย
เมื่อเทียบกับตอนออกจากบ้านมันผอมลงไปมาก ดำขึ้นมากด้วย หนวดเครารกครึ้ม ริมฝีปากแห้งผากมีรอยเลือดซึม ดูโทรมยิ่งนัก
เสียงกีบเท้าม้าดังใกล้เข้ามา ทหารม้าดินแดนแห่งทุ่งหญ้าโอบล้อมป่า หยางเอ้อร์สี่พุ่งตัวออกจากหลังต้นไม้ ง้างธนูยิงอย่างฉับพลัน ยิงโดนท้องของทหารม้านายหนึ่ง
เมื่อแน่ใจว่าในป่ามีมือธนูแค่คนเดียว ทหารม้าดินแดนแห่งทุ่งหญ้าสามนายจึงยิงธนูอย่างต่อเนื่อง ทำให้หยางเอ้อร์สี่ได้แต่หลบอยู่หลังต้นไม้ไม่กล้าโผล่ออกไป ส่วนทหารม้าที่เหลือโอบล้อมมาด้านข้าง
บนลำต้นมีเสียงตึกๆ ดังอยู่เป็นระยะ เปลือกไม้ปลิวกระเด็น บางครั้งลูกธนูยังแฉลบผ่านร่างกายไป
การรับมือกับนายพรานชาวถัง ทหารม้าดินแดนแห่งทุ่งหญ้ามีประสบการณ์มามากแล้ว หยางเอ้อร์สี่ตอบโต้อะไรไม่ได้เลย ได้แต่นิ่งเฉยดูศัตรูบุกเข้ามา
ถึงคราวจนตรอกนอกจากหายใจถี่กระชั้นขึ้นเล็กน้อยแล้วสีหน้าของมันไม่ได้แสดงอาการหวาดกลัวแต่อย่างใด
ทันใดนั้นมีเสียงแหวกอากาศดังขึ้นอย่างถี่ยิบ ในป่ามีฝนธนูตกลงมา!
ทหารม้าดินแดนแห่งทุ่งหญ้ายี่สิบกว่านายที่วิ่งมาหน้าสุดถูกยิงจนกลายเป็นเม่นธนู ร่วงจากหลังม้าในทันใด โลหิตโซมกาย ตายคาที่
จากนั้นได้ยินเสียงฝีเท้าดังสนั่น ไม่รู้มีคนมากน้อยเท่าใดวิ่งออกมาจากป่าเข้าเข่นฆ่าทหารม้าดินแดนแห่งทุ่งหญ้าราวกับฝูงหมาป่า
ทหารม้าดินแดนแห่งทุ่งหญ้าที่ยังเหลือรอดร้องตะโกนอย่างตกใจและเดือดดาล ในที่สุดสีหน้าก็แสดงอาการหวาดหวั่น ดึงสายบังเหียนสุดชีวิต คิดจะหันม้าหนี
ถ้าฟังภาษาหมานออกจะรู้ว่าคำที่ทหารม้าดินแดนแห่งทุ่งหญ้าตะโกนคือคำว่าซุ่มโจมตี
พวกมันคิดว่าตนถูกทหารต้าถังซุ่มโจมตี
คนร้อยกว่าคนวิ่งออกมาจากป่า บางคนสวมชุดผ้าฝ้ายธรรมดา บางคนสวมชุดผ้าไหม ส่วนใหญ่สวมชุดชาวนา ไม่มีสักคนที่สวมเครื่องแบบของทหารต้าถัง
อายุของคนเหล่านี้ค่อนข้างมาก ในมือถืออาวุธต่างๆ กันไป เช่นหยางเอ้อร์สี่ถือคราด บางคนถือค้อน แต่ส่วนใหญ่ถือดาบตรง
ดาบตรงที่แหลมคมคืออาวุธของทหารต้าถัง คนพวกนี้ที่แท้ใช่ทหารต้าถังหรือไม่ใช่กันแน่
พวกมันไม่ใช่ทหารต้าถัง
พวกมันเคยเป็นทหารต้าถัง
พวกมันปลดประจำการแล้ว ตอนนี้เป็นพ่อค้า เป็นคนของสำนักคุ้มภัย เป็นชาวนา
แต่ยามที่ต้าถังต้องการพวกมัน พวกมันก็คือทหารต้าถัง
หยางเอ้อร์สี่ตีทหารม้าดินแดนแห่งทุ่งหญ้านายหนึ่งตกม้าแล้วสาวเท้าเข้าไปแทงคราดเข้าหน้าอกของฝ่ายตรงข้ามอย่างแรง
จากนั้นใช้เท้าขวาเหยียบทหารม้าดินแดนแห่งทุ่งหญ้านายนั้นไว้แล้วกระชากคราดออก
กระบวนท่าการเคลื่อนไหวนี้คล่องแคล่วลื่นไหล คิดว่ามันเคยทำมาแล้วหลายครั้ง
มันกระชับคราดวิ่งไปทางทหารม้าดินแดนแห่งทุ่งหญ้าที่ถูกเพื่อนทิ้งแล้วโดนพวกชาวนาล้อมอยู่ หยางเอ้อร์สี่บ่นอยู่ในใจด้วยความเดือดดาล วันนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องได้ดาบสักเล่ม
“ขอข้าจัดการเอง!”
มันตะโกนบอก
ทหารม้าดินแดนแห่งทุ่งหญ้านายนั้นถูกดาบฟันจนโลหิตโซมกาย สติไม่แจ่มใสแล้ว พิงต้นไม้อยู่ แกว่งดาบโค้งในมือไปตามสัญชาตญาณล้วนๆ ไม่สามารถตอบโต้อะไรได้
พวกชาวถังที่ล้อมมันอยู่ได้ยินเสียงตะโกนอย่างรีบร้อนของหยางเอ้อร์สี่ ต่างเข้าใจความหมายจึงถอยเปิดทาง ยกศัตรูคนนี้ให้มัน
หยางเอ้อร์สี่วิ่งมาถึงเบื้องหน้าทหารม้าดินแดนแห่งทุ่งหญ้าที่กำลังหายใจรวยริน ถ่มน้ำลายใส่ฝ่ามือแล้วควงคราดแทงไป ดูเป็นธรรมชาติราวกับทำไร่ไถนาอยู่ที่บ้าน
Related
Comments
