• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน สยบฟ้าพิชิตปฐพี 32 ตอนที่ 1

    2 of 2หน้าถัดไป

    สะพานแสงถูกนางตัดขาดไปแล้ว

    พลังเทพมหาศาลจากวิหารเทพแสงสว่างไม่ส่งมายังลานกว้างแล้ว

    การเบิกนภาครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การฝึกฌานสิ้นสุดลงแล้ว

    คนงานชุดเขียวเงยหน้าขึ้น ยามนี้ในร่างมันเต็มไปด้วยพลังเทพที่สูงส่งบริสุทธิ์ ในการหายใจแต่ละครั้งทุกรูขุมขนล้วนแผ่ละอองแสงสีขาวจางๆ ออกมา

    ผู้คนยังคงเห็นหน้ามันไม่ชัด แต่สัมผัสพลังปราณอันน่าครั่นคร้ามที่มันแผ่ออกมาได้อย่างชัดเจน พวกคนงานที่อยู่ข้างๆ มันต่างแตกตื่น ถอยหนีกันกระเจิง

    คนงานชุดเขียวยกเท้าขวาแล้วย่ำลง

    พื้นศิลาแตกร้าวเป็นแผ่นๆ เหมือนผืนดินที่แห้งแล้งมานานปี ลานกว้างสั่นสะเทือนคล้ายเกิดแผ่นดินไหว คนที่อยู่ใกล้มันล้วนล้มกลิ้งลง

    พื้นดินถูกเลิกขึ้น ธนูเหล็กปรากฏขึ้นในมือมัน

    ธนูเหล็กคันนี้ไม่เคยถูกง้างอย่างเต็มที่เท่าวันนี้มาก่อน สายธนูที่แข็งแรงถูกง้างจนสุดทำให้รู้สึกว่าสายอาจขาดได้ทุกเมื่อ

    ธนูทั้งคันโค้งงอเหมือนจันทร์วันเพ็ญ มันคิดในใจว่าในที่สุดก็ใช้ลักษณะของจันทร์วันเพ็ญมาพรรณนาได้สักที

    บนสายธนูคือลูกธนูเหล็กดำ หัวธนูเย็นเยียบเล็งไปที่เสลี่ยงคันใหญ่ เสลี่ยงคันนั้นมีม่านหมื่นชั้น มีแสงสว่างหมื่นจั้ง ทำให้เงาร่างหลังม่านดูสูงใหญ่หาใดเปรียบ

    เสียงสายธนูดีดดัง ลูกธนูพุ่งออกไปอย่างรุนแรง ลายยันต์บนลูกธนูทำงาน หางธนูปลดปล่อยกระแสลมที่น่ากลัวออกมาก่อนหายวับไป

    ขณะเดียวกับที่สายธนูดีดดัง ผู้คนรอบแท่นบูชาพลันตะโกนกันแตกตื่นวุ่นวาย

    “หนิงเชวีย!”

    “ปฐมธนูสิบสามดอก!”

    ผู้คนรอบแท่นบูชายังเห็นใบหน้าคนงานชุดเขียวไม่ชัด แต่พวกมันเห็นธนูเหล็กแล้วจึงรู้ว่ามันผู้นั้นคือผู้ใด เพราะโลกนี้มีธนูเหล็กแบบนี้เพียงคันเดียว

    ธนูเหล็กคันนี้เป็นของหนิงเชวีย

    หนิงเชวียแห่งสถานศึกษา

    ลานกว้างหน้าเขาเถาซานพลันโกลาหล ทุกคนต่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ทุกคนต่างรอการปรากฏตัวของคนสถานศึกษา แต่ใครจะคิดว่าคนของสถานศึกษาอยู่ท่ามกลางฝูงชนมาแต่แรกแล้ว

    ตอนที่หนิงเชวียง้างธนูเล็งไปยังเงาร่างสูงใหญ่ เสียงฮือฮาอย่างตกใจของผู้คนพลันดังกว่าเดิม เพราะทุกคนต่างรู้ว่าธนูของมันน่ากลัวเพียงใด

    ครั้งนั้นในทุ่งร้าง หลงชิ่งที่กำลังจะฝ่าเข้าด่านรู้ชะตาถูกธนูของหนิงเชวียยิงจนพิการ มันในตอนนั้นเพิ่งเข้าด่านสู่พิสดาร ส่วนมันในตอนนี้อยู่ด่านรู้ชะตามานานแล้ว ยามนี้ยังชิงพลังเบิกนภาที่เป็นพลังมหาศาลที่สุดในประวัติศาสตร์การฝึกฌานมาได้จนข้ามพ้นธรณีประตูของด่านทั้งห้า ธนูของมันจะทรงอานุภาพขนาดไหน

    ที่จริงก่อนเสียงตะโกนอย่างแตกตื่นของผู้คนจะดังขึ้น เจ้านิกายที่อยู่ในรถลากก็รู้สึกได้ถึงอันตรายแล้ว เพราะบนลานกว้างมันคือยอดฝีมือที่มีด่านฌานสูงสุด มันตื่นจากอาการตกตะลึงได้อย่างรวดเร็วก่อนตวาดก้อง สองฝ่ามือโบกสะบัดอย่างฉับไว หน้าเสลี่ยงพลันเกิดกระแสปราณที่มีชีวิตชีวาขึ้นสิบสาย

    กระแสปราณเหล่านี้มีพลังอำนาจอันไม่อาจต้านทานดุจเดียวกับกฎต่างๆ ที่ชี้นำเรื่องราวทั้งหลายบนโลก นี่คือ ‘กฎแห่งฟ้า’คือกฎแห่งธรรมชาติ

    นานมาแล้วในทุ่งร้าง เจ้านิกายถูกหลินอู้โจมตีที่ท้องน้อยจนมีสภาพไม่ต่างจากกลายเป็นขันที นับแต่นั้นมามันก็ตัดขาดจากกามตัณหาจนเข้าถึงมรรคด้วยกฎแห่งฟ้า ซึ่งนี่ต่างหากที่เป็นเคล็ดวิชาประจำตัวของมัน

    มิเสียทีที่เป็นประมุขของอาศรมเทพ แม้พลังเทพเบิกนภาถูกหนิงเชวียชิงไป แต่ด่านฌานยังคงลึกล้ำสุดหยั่งคาด ไหนเลยจะถูกธนูยิงตายได้ง่ายๆ

    แม้ใช้เคล็ดวิชากฎแห่งฟ้า แต่เจ้านิกายก็ยังไม่กล้าเสี่ยงควบคุมลูกธนูและธนูเหล็กในมือหนิงเชวีย เพราะตอนนี้ในร่างหนิงเชวียเต็มไปด้วยพลังเทพอันมหาศาลจนข้ามพ้นธรณีประตูของด่านทั้งห้าไปแล้ว ถึงขั้นกล่าวได้ว่าไม่อยู่ในโลก กฎแห่งฟ้าอาจควบคุมสิ่งต่างๆ ในโลกได้ แต่จะควบคุมสิ่งที่ไม่อยู่ในโลกได้อย่างไร

    เป้าหมายที่เจ้านิกายเลือกควบคุมคือพวกเสินกวนและผู้ดูแลที่อยู่เบื้องล่าง พลังของวิชากฎแห่งฟ้าสิบสายพุ่งเข้าไปในฝูงชน สีหน้าเจ้านิกายพลันซีดเผือด อาจารย์ใหญ่ รองอาจารย์ใหญ่ของเทียนอวี้ย่วน และเสินกวนชุดแดงสิบกว่าคนถูกดึงมาเบื้องหน้าเสลี่ยงคันใหญ่

    ลูกธนูดีดตัวออกจากสาย

    หลังจากลูกธนูพุ่งออกจากสายก็ไร้เสียงจนกระทั่งไปถึงเบื้องหน้าเสลี่ยงคันใหญ่ ตอนที่สัมผัสโดนเสินกวนชุดแดงคนแรกก็เกิดเสียงระเบิดที่น่ากลัว เสินกวนชุดแดงผู้นั้นร่างระเบิดตายคาที่!

    ลูกธนูพุ่งต่อไปเสียบหน้าอกเสินกวนชุดแดงคนที่สอง เสินกวนชุดแดงคนที่สองก็ร่างระเบิดเป็นจุณดุจเดียวกัน!

    กลางอากาศระหว่างเสลี่ยงคันใหญ่กับหนิงเชวียมีเสินกวนชุดแดงสิบกว่าคนรวมถึงอาจารย์ใหญ่และรองอาจารย์ใหญ่ของเทียนอวี้ย่วนลอยขวางอยู่ เพียงลำแสงสีดำวาบผ่านไป กลางอากาศจะเกิดหมอกโลหิตเพิ่มขึ้นมาสิบกว่ากลุ่ม!

    ทุกคนที่ขวางอยู่หน้าเสลี่ยงตายหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโม่หลีรองอาจารย์ใหญ่ของเทียนอวี้ย่วน หรืออาจารย์ใหญ่ผู้อยู่ด่านรู้ชะตา พวกมันไม่ทันได้ตอบโต้อะไรก็ถูกธนูยิงจนระเบิดตายกลายเป็นเถ้าธุลี!

    ลูกธนูพุ่งเข้าไปในเสลี่ยงคันใหญ่

    ม่านหมื่นชั้นขาดเป็นชิ้นๆ ปลิวว่อน แสงสว่างหมื่นจั้งดับวูบราวกับตะเกียงน้ำมันท่ามกลางลมพายุ ท่ามกลางเสียงฉัวะ!เสลี่ยงคันใหญ่พังเสียหายกลายเป็นเศษซาก เผยให้เห็นร่างแคระแกร็นซูบผอมอัปลักษณ์ของเจ้านิกาย

    หลังจากเจ้านิกายใช้เคล็ดวิชากฎแห่งฟ้าก็หมอบลงโดยไม่ลังเล ขอเพียงหลบลูกธนูที่น่ากลัวนี่ได้ ไม่ว่าต้องทำอะไรมันล้วนยินดี ไหนเลยยังต้องสนใจความสูงส่งสง่าน่าเกรงขามในนิกายเต๋า แต่ลูกธนูมาเร็วจริงๆ หลังจากยิงเสินกวนสิบกว่าคนจนกลายเป็นหมอกโลหิต ทั้งทำลายเสลี่ยงคันใหญ่แล้ว แม้ความเร็วลดลง แต่ก็ยังเร็วเหนือจินตนาการของทุกผู้คน

    ตอนที่ลูกธนูมาถึงเบื้องหน้ามัน เข่าของมันงอลงไปเพียงไม่กี่ชุ่น ร่างโน้มลงไปเพียงไม่กี่ส่วน ฝ่ามือเพิ่งยกขึ้นเบื้องหน้า ดังนั้นจึงหลบไม่พ้น สีหน้ามันหวาดหวั่นยิ่ง นัยน์ตาหดเล็กยิ่ง เสียงเผละๆ ดังขึ้นแผ่วเบา มือขวาที่ขวางอยู่เบื้องหน้ามันกลายเป็นหมอกโลหิต จากนั้นไหล่ขวามันก็กลายเป็นหมอกโลหิต ที่ที่ลูกธนูพุ่งผ่านทุกสิ่งทุกอย่างล้วนกลายเป็นหมอกโลหิต

    ฝ่ามือมันเคยถูกสวี่ซื่อตัดขาดในการต่อสู้ที่เหยาซานไปหนึ่งข้าง ที่ภูเขาหลังสถานศึกษาก็ถูกอวี๋เหลียนตัดอีกข้าง หากเพราะได้รับความการุณย์จากเฮ่าเทียนจึงงอกใหม่ได้ ทว่าวันนี้มือขวามันหายไปอีกแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น ไหล่ขวามันก็ไม่เหลือแล้ว เหลือเพียงแผลเหวอะหวะน่ากลัว เจ้านิกายโลหิตโซมกาย ร้องโหยหวนครวญครางไม่ต่างจากคนเสียสติ

    ลูกธนูยิงเสลี่ยงคันใหญ่พังทลายและไม่หยุดเพียงเท่านั้น แต่พุ่งฝุบหายเข้าไปในวิหารเทพแสงสว่าง!

    ลูกธนูเหล็กดำดูธรรมดาสามัญไม่สวยงาม ทว่าหัวลูกศรเล็งไปที่ใด ผู้ขวางทางเป็นต้องถอยห่าง ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกฌานด่านสู่พิสดารหรือด่านรู้ชะตาล้วนไม่อาจต้านทาน ต้องกลายเป็นหมอกโลหิต แม้แต่เจ้านิกายก็ถูกยิงบาดเจ็บสาหัสจนแทบคลุ้มคลั่ง อานุภาพของธนูหนึ่งดอกร้ายกาจถึงปานนี้!

    ทุกคนเพียงตื่นตระหนก แต่ไม่มีใครรู้สึกเหนือความคาดหมาย ปฐมธนูสิบสามดอกรวบรวมภูมิปัญญาของสถานศึกษาไว้ และสร้างขึ้นด้วยทรัพยากรที่ยอดเยี่ยมของต้าถัง เป็นยอดศัสตราซึ่งสังหารข้ามด่านฌานได้ ความน่ากลัวของมันได้รับการพิสูจน์มานานแล้วในการต่อสู้ที่ผ่านๆ มา

    หนิงเชวียในตอนนี้อยู่ด่านเบิกนภา ในร่างมีพลังเทพอันไร้ขีดจำกัด ต่อให้เป็นเจ้าอารามในสภาพสมบูรณ์ก็คงไม่กล้ารับลูกธนูของมันตรงๆ สำมะหาอะไรกับผู้คนบนลานกว้าง

    เมื่อครู่นี้ผู้คนบนลานกว้างถึงขั้นเข้าใจว่าถ้าเป้าหมายของหนิงเชวียไม่ใช่เจ้านิกาย แต่เป็นเขาเถาซาน บางทีเถาซานทั้งลูกอาจถูกธนูดอกเดียวยิงถล่มลงมาก็เป็นได้!

    นี่คือธนูที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล!

    ผู้คนถึงขั้นคิดไม่ถึงว่ามันที่อยู่ในสภาพเช่นนี้แล้วยิงธนูออกไป แต่เจ้านิกายยังหลบได้

    เจ้านิกายแม้ตอนนี้บาดเจ็บสาหัส แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่ตาย ยอดฝีมือที่ด่านฌานสูงเช่นนี้ขอเพียงยังมีลมหายใจก็เป็นพลังแข็งแกร่งที่ไม่อาจมองข้าม

    แต่เรื่องนี้ไม่เหนือความคาดหมายของหนิงเชวีย ความคิดของมันไม่เหมือนกับความคิดของคนทั่วไป เพราะปฐมธนูแตกต่างจากธนูทั่วไปที่ยิ่งใกล้อานุภาพยิ่งมาก ส่วนปฐมธนูนั้นยิ่งไกลยิ่งน่ากลัว และยิ่งยากต่อการป้องกัน

    ทันทีที่กำหนดเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ ธนูเหล็กที่ยิงไกลข้ามน้ำข้ามเขานับพันลี้จึงจะทรงพลังอย่างแท้จริง เพราะไม่มีผู้ใดหลบธนูของมันได้หากคนผู้นั้นไม่มีการเตรียมตัว แต่คู่ต่อสู้ที่อยู่ใกล้อาจสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของมันแล้วตอบสนองล่วงหน้า มันสู้เอาเป็นเอาตายกับเยี่ยหงอวี๋หลายรอบ แต่ไม่อาจยิงนางให้ตายได้ก็เพราะสาเหตุนี้ แม้บัดนี้มันแข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทว่าหลักการยังคงเหมือนเดิม มันยืนอยู่ใกล้เสลี่ยงคันใหญ่มากเกินไป เจ้านิกายเห็นการเคลื่อนไหวของมัน ด้วยพลังฌานที่ลึกล้ำจึงตอบโต้ได้ทันท่วงที

    ความจริงถ้าไม่ใช่เพราะในทุ่งร้างมีประสบการณ์ที่ยิงเจ้านิกายไม่โดน เมื่อครู่จึงจงใจยิงส่วนล่างของเงาหลังม่านนั้น ไม่แน่ว่าธนูดอกนี้อาจทำอะไรเจ้านิกายไม่ได้เลยก็ได้

    มันไม่ได้รู้สึกเสียดายที่ไม่อาจยิงเจ้านิกายให้ตายคาที่ เพราะในแผนของมัน เจ้านิกายจะอยู่หรือตายมิได้สำคัญ กระบี่ของหลิ่วไป๋ก็เป็นเพียงแค่การเกริ่นนำ จุดสำคัญคือพลังเบิกนภาที่มหาศาลและการแย่งพลังเทพของเฮ่าเทียนมา จากนั้นสร้างการเชื่อมโยงขึ้นใหม่ มันรู้ว่าตนทำสำเร็จแล้วจึงพอใจมาก ไม่สนใจเจ้านิกายที่มีสภาพอเนจอนาถอีกต่อไป แต่หันไปทางเหล่ายอดฝีมือหน้าแท่นบูชา หยิบลูกธนูขึ้นมาจะยิงอีกดอก

    ตราบจนบัดนี้ยังไม่มีใครคิดออกว่าหนิงเชวียมาเขาเถาซานตั้งแต่เมื่อใด แต่เรื่องที่งุนงงยิ่งกว่าคือเหตุใดเจ้านิกายเป็นผู้ใช้ด่านเบิกนภาชัดๆ ทว่าพลังเทพมหาศาลของเฮ่าเทียนกลับเข้าไปในร่างมัน ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเหตุใดกันแน่ โลกนี้มีผู้ฝึกฌานที่อายุน้อยเช่นนี้แต่อยู่เหนือด่านทั้งห้าได้อย่างไร

    ทว่าเหล่ายอดผู้ฝึกฌานต่างรู้ดีว่าไม่อาจให้หนิงเชวียมีโอกาสยิงธนูอีกครั้ง ถ้ามันยิงธนูอีกครั้ง ผู้คนหน้าเขาเถาซานคงไม่มีใครรอด

    ผู้ที่ตอบสนองเร็วที่สุดคือราชครูราชสำนักจินจั้ง เป่าติ่งต้าเสินกวน ประการแรกเพราะด่านฌานของชายชราผู้นี้ลึกล้ำที่สุด อีกประการเพราะมันเป็นปุโรหิตซึ่งเชี่ยวชาญด้านพลังจิต พวกที่พลังจิตเข้มแข็งที่สุดในโลกคือปุโรหิต อาวุธที่เร็วที่สุดในโลกก็คือพลังจิต พลังจิตเร็วกว่าการเคลื่อนไหวใดๆ เร็วกว่าการง้างสายธนูของหนิงเชวีย และถึงขั้นเร็วกว่ากระบี่ของหลิ่วไป๋

    ราชครูเผ่าจินจั้งมองหนิงเชวีย ริ้วรอยบนใบหน้าพลันลึกลง พลังจิตของมันกลายเป็นคลื่นทะเลที่น่ากลัวถาโถมเข้าโจมตีห้วงแห่งความนึกคิดของหนิงเชวียดุจเดียวกับการพบกันเมื่อครั้งก่อนในทุ่งร้าง หนิงเชวียหน้าซีด รู้สึกเวียนหัว แขนขวาที่กำลังหยิบลูกธนูจากกระบอกพลันหยุดชะงัก

    พลังจิตของหนิงเชวียเข้มแข็งมากในหมู่ผู้ฝึกฌานด้วยกัน ทว่าถึงอย่างไรมันก็มิใช่จอมคาถา ทั้งไม่เคยฝึกเคล็ดวิชาด้านพลังจิต เมื่อเผชิญหน้ากับราชครูผู้ฝึกพลังจิตมาหลายสิบปีย่อมเสียเปรียบ แต่ยามนี้ทั้งกายใจของมันมีพลังเทพมหาศาลของเฮ่าเทียนอยู่เต็มเปี่ยม มีหรือจะแพ้ง่ายเหมือนคราก่อน เพียงพริบตาสิ่งที่น่ากลัวในห้วงแห่งความนึกคิดพลันถูกเผามอดไหม้ไปจนสิ้น เหลือเพียงความสะอาดบริสุทธิ์

    ทันใดนั้นพลังรุนแรงสายหนึ่งตบจากฟ้าลงมายังศีรษะหนิงเชวีย

    หนิงเชวียคุ้นเคยกับพลังสายนี้เป็นอย่างดี พอเงยหน้ามองก็เห็นพระพุทธรูปองค์หนึ่งจีวรพัดพลิ้ว พุทธรัศมีเรืองรอง ในความเมตตามีความสง่าน่าเกรงขาม

    ณ ศูนย์กลางของพุทธรัศมี ชีเนี่ยนแห่งวัดเสวียนคงนั่งขัดสมาธิสวดบริกรรมอยู่

    พระพุทธรูปองค์นี้คือธรรมกายอจลหมิงหวังของชีเนี่ยน สิ่งที่มันสวดบริกรรมคือสัจจาพระสูตรของนิกายพุทธ

    เมื่อสองสิ่งรวมกันก็เป็นสัจจามุทราที่สุดแข็งแกร่ง!

    ครั้งก่อนในวัดลั่นเคอ หนิงเชวียถูกสัจจามุทราของชีเนี่ยนเล่นงานจนสะบักสะบอม สัจจามุทราของมันแม้มีความสำเร็จขั้นสูง แต่ไม่เคยฝึกธรรมกาย ย่อมสู้ชีเนี่ยนไม่ได้

    ทว่าวันนั้นคือวันนั้น วันนี้คือวันนี้

    มือขวาของหนิงเชวียกำลังจะหยิบลูกธนู แต่ดูท่าจะไม่ทันท่วงที จึงพลิกกลับขึ้นต้านรับ!

    ธรรมกายอจลหมิงหวังใบหน้าโกรธเกรี้ยว คิ้วชี้ชันเหมือนกระบี่ ในดวงตามีอสนีบาต ฝ่ามือขนาดใหญ่กดลงมายังพื้นดิน!

    ป่าไม้ริมลานกว้างสั่นสะเทือนเพราะพุทธานุภาพ ใบไม้สีแดงอมเหลืองร่วงระนาว!

    เมื่อเทียบกับฝ่ามืออจลหมิงหวังที่เหมือนภูเขาลูกย่อมๆ ฝ่ามือของหนิงเชวียก็เล็กกระจ้อยร่อย

    ฝ่ามือทั้งสองปะทะกัน พลังปฐมแห่งฟ้าดินบนลานกว้างพลันกระจายออกไปรอบทิศทาง!ธรรมกายอจลหมิงหวังระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ธรรมกายอจลหมิงหวังที่แข็งแกร่งไร้เทียมทานถูกหนิงเชวียใช้พลังเทพทำลายจนย่อยยับ!

    แสงเจิดจรัสแห่งเฮ่าเทียนสายหนึ่งพุ่งโจมตีมาจากด้านข้าง

    หนิงเชวียมิต้องหันไปก็รู้ว่าต้องเป็นเจ้าหนานไห่แน่นอนที่ลอบโจมตี

    มันไม่สนใจเจ้าหนานไห่แม้แต่น้อย มือขวาที่เพิ่งทำลายธรรมกายสำเร็จทำท่ากุมด้ามดาบท่ามกลางสายลม ดาบพลันปรากฏขึ้นในมือ มันตวัดดาบฟันไปทางชีเนี่ยนที่อยู่ห่างไกล

    เสียงกรีดร้องดังขึ้นคราหนึ่ง ดาบพลันแดงฉาน เปลวเพลิงที่น่ากลัวปรากฏขึ้น

    ชีเนี่ยนแม้มิได้ฝึกถึงขั้นกายเนื้อคือพุทธะ แต่ร่างกายก็แข็งแกร่งดังเหล็กกล้า ทว่ากลับต้านดาบที่เรียบง่ายของหนิงเชวียนี้ไม่ได้ จีวรขาดกระจุย เบื้องหน้ามันปรากฏรอยดาบอันน่ากลัว

    ดาบของหนิงเชวียไม่หยุดแค่นั้น เสียงกรีดร้องบนดาบก็ไม่หยุดเช่นกัน ท่ามกลางเปลวอัคคีที่โชติช่วงปรากฏร่างของจูเชวี่ยขึ้นรางๆ ดาบฟันแหวกอากาศไปทางราชครู ราชครูหลับตายกกระถางไม้ที่ดูสามัญใบนั้นขึ้น

    จูเชวี่ยกรีดร้องอีกครา กระถางไม้ถูกเผาจนไหม้เกรียมไปแถบ เกิดเป็นรอยร้าว เพียงชั่วพริบตาราชครูคล้ายชราลงหลายสิบปีพร้อมกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง และตอนนี้แสงเจิดจรัสของเจ้าหนานไห่ก็เข้ามาปะทะร่างของหนิงเชวียแล้ว

    หนิงเชวียไม่สะดุ้งสะเทือน หันไปมองแล้วฟันดาบ สภาวะดาบพุ่งออกไปดุจภูเขาลูกหนึ่ง เจ้าหนานไห่ถูกฟันปลิวไปไกลหลายสิบจั้ง

    “ไร้สมอง”

    ร่างของหนิงเชวียตอนนี้เต็มไปด้วยพลังเทพของเฮ่าเทียน แล้วจะถูกแสงเจิดจรัสของเฮ่าเทียนทำอันตรายได้อย่างไร

    ลานกว้างหน้าเขาเถาซานเงียบสนิท

    ร่างของหนิงเชวียคล้ายกำลังลุกไหม้ ดาบในมือก็กำลังลุกไหม้ ในเมื่อไม่มีโอกาสยิงธนูมันจึงใช้ดาบ มันฟันสามดาบ สามคนในที่นั้นพลันบาดเจ็บสาหัส ศิษย์สัญจรนิกายพุทธชีเนี่ยน ราชครูราชสำนักจินจั้งเป่าติ่งต้าเสินกวน รวมถึงเจ้าหนานไห่ผู้โง่เขลา

    ไม่มีใครอยากเชื่อสิ่งที่ตนเห็น

    แต่นี่คือความจริง

     

    2 of 2หน้าถัดไป

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook