ยูโตะดึงวัสดุกันกระแทกออกมาจากม้วนหลายเมตรแล้วลงมือห่อแผ่นป้าย “ว่าแต่ว่าป้ายโฆษณาเรื่อง ‘ซัมเมอร์วอร์’ มีเยอะจังเลยนะครับ”
“พอหนังได้เพิ่มโรงฉาย แผ่นป้ายก็ถูกสั่งทำเพิ่มไปด้วยน่ะ หนังบางเรื่องถึงบริษัทคาโดะคาวะเราไม่ใช่ผู้จัดจำหน่าย แต่ถ้าบทประพันธ์ดั้งเดิมตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์คาโดะคาวะล่ะก็ ทางเราก็ให้ความร่วมมือในการประชาสัมพันธ์ อย่างเรื่อง ‘เดอะธินเรดไลน์’ นี่ก็เหมือนกัน ผู้จัดจำหน่ายคือบริษัทโชจิคุฟูจิ แต่ป้ายเป็นทางบริษัทเราทำ”
“อ้อ มิน่าข้อมูลเกี่ยวกับนิยายต้นฉบับถึงได้พิมพ์ตัวใหญ่กว่าข้อมูลการฉายซะอีก”
“ถูกต้อง แต่พูดก็พูดเถอะ ฉันช่างโชคดีจริงๆ ที่ได้นายมาช่วยงาน ถ้ายังไงจะย้ายจากหน่วยธุรกิจสิ่งพิมพ์และภาพยนตร์มาอยู่ที่นี่ไหม ฉันว่างานแบบนี้เหมาะกับนายดีนะ”
ได้ยินอย่างนั้นยูโตะก็ยิ้มว้าวุ่น “ผมยังอาลัยอาวรณ์กับงานนักข่าวอยู่น่ะครับ…”
“เหรอ แต่ฉันว่างานที่นี่จะเหมาะกว่านะ เผลอๆ อาจได้ก้าวหน้าเป็นถึงหัวหน้าแผนกประชาสัมพันธ์เชียวนะ”
เสียงฝีเท้าพลันแว่วมาจากหน้าประตู พนักงานชายซึ่งคงเป็นเพื่อนร่วมงานของยูโตะปรากฏตัวขึ้น รูปร่างผอมสูงพอกัน แก้มตอบจมูกโด่งแต่ดวงตาโปนจนดูใหญ่ผิดปกติ
ยูโตะเบนสายตาไปหา “มิยามากิ มีธุระอะไรเหรอ”
ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่ามิยามากิยื่นกระดาษให้แผ่นหนึ่ง “หัวหน้าสั่งให้ฉันเอามาส่งให้นายน่ะ”
“หืม?” ยูโตะรับมาดู “มันอะไรน่ะ”
“ฉันไม่ค่อยรู้เหมือนกัน แต่ดูเหมือนมันจะเป็นแบบสอบถามจากนิตยสารอิตาลีที่ชื่อ ‘เดลฟินา’ ส่งมาหานิตยสารทั่วประเทศญี่ปุ่นน่ะ”
“ภาษาอังกฤษนี่นา…ต้องไปหาดิกชันนารีมาซะแล้ว”
เซกิชิโระเดินไปดูใกล้ๆ “ไหน งานของฉันต้องเจอจดหมายภาษาอังกฤษจนชินแล้วล่ะ เอามาดูหน่อยสิ”
เขาก้มอ่านกระดาษที่อีกฝ่ายส่งให้ คำศัพท์ส่วนใหญ่ไม่ยากเท่าไร Dear Chief Editor in Shukan Kadokawa…
“เอ” เซกิชิโระอ่านไปแปลไป “ถึงหัวหน้าบรรณาธิการ ‘นิตยสารคาโดะคาวะรายสัปดาห์’ หากท่านมีนักประเมินผลงานศิลปะซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านข้อมูลหรือเขียนบทความประจำให้อยู่ล่ะก็ โปรดให้ช่วยตอบแบบสอบถามนี้ด้วย…”
มิยามากิแค่นหัวเราะ “นายถูกมองเป็นผู้จัดการของคุณรินดะ ริโกะไปแล้วสินะ”
ยูโตะทำหน้าบึ้งและรับแผ่นกระดาษคืน “พนักงานคนไหนมีคนรู้จักเป็นนักประเมินก็คงถูกส่งต่อแบบสอบถามนี้มาทั้งนั้นแหละ”
“เรียกว่าถูกยัดเยียดจะเหมาะกว่าละมั้ง”
“แล้วหัวหน้าสั่งให้รีบด้วยหรือเปล่า”
“เห็นว่าขอคำตอบด่วนเท่าที่จะด่วนได้”
“เข้าใจแล้ว” ยูโตะตรงไปที่ประตูทางออก “คุณเซกิชิโระ ขอโทษนะครับ พอดีมีธุระด่วนเข้ามา ผมต้องขอตัวก่อน”
“อ้าว แบบนี้ก็แย่สิ งานยังไม่เสร็จเลย…” เซกิชิโระทำท่าจะวิ่งตาม
มิยามากิเข้ามาขวางและดันไปอีกทาง “หัวหน้าส่วนเซกิชิโระ! ผมทึ่งในฝีมือการทำงานสุดเนี้ยบของคุณอยู่เสมอเลยล่ะครับ ได้ข่าวว่าเร็วๆ นี้ใกล้จะได้รางวัลอีวานเกเลียนด้วย”
“รางวัลอีวานเกเลียนเหรอ” เซกิชิโระได้ยินแล้วอึ้ง เคยได้ยินอยู่หรอกว่าบริษัทมีการแจกรางวัลประเภทต่างๆ ให้พนักงาน บางทีรางวัลนี้อาจทรงเกียรติมากก็ได้ ไม่อย่างนั้นจะเอาชื่อการ์ตูนแอนิเมชั่นชิ้นโบว์แดงของคาโดะคาวะมาใช้เหรอ
เขาจึงถามต่อ “มันเป็นรางวัลแบบไหนน่ะ”
“ก็คือว่ารางวัลนี้จะให้พนักงานที่อยู่ว่างๆ ลุกขึ้นมาปรบมือแล้วอวยพร ‘ยินดีด้วย’ แบบเดียวกับในการ์ตูนน่ะครับ”
“ ‘ยินดีด้วย’ เรอะ…” เซกิชิโระเหลือบเห็นยูโตะเผ่นหายไปแล้ว “นั่นมันฉากจบของอีวานเกเลียนนี่หว่า! เฮ้ย! นายแกล้งอำฉันเพื่อเปิดทางให้เพื่อนร่วมแผนกหนีเรอะ”
มิยามากิหัวเราะพลางเผ่นแน่บไปที่ประตู
เซกิชิโระถอนหายใจ ยิ่งคิดยิ่งเสียดายบุคลากรอย่างยูโตะ เจ้าตัวอุตส่าห์มีแววจะได้เป็นดาวรุ่งแห่งส่วนงานอุปกรณ์โฆษณา