• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน สยบฟ้า พิชิตปฐพี เล่ม 11 บทที่ 2

    หน้าที่แล้ว1 of 4

    สามารถอ่านบทก่อนหน้าได้ที่ >> บทที่ 1

     

    หนิงเชวียแบกโม่ซันซันที่อ่อนระโหยโรยแรงเต็มทีไว้บนหลังเดินวนไปวนมาอยู่ในดงหินอย่างยากลำบาก จนในที่สุดก็มาถึงใจกลางทะเลสาบ ที่นี่มีประตูศิลาขนาดใหญ่โตมโหฬารบานหนึ่ง ยามแหงนมองคอตั้งบ่ากลับให้ความรู้สึกคล้ายภูเขาลูกย่อมๆ หนึ่งลูก

    เมืองฉางอันที่เข้มแข็งเกรียงไกรเป็นอันดับหนึ่งในปฐพีก็ยังไม่มีประตูที่ใหญ่อลังการขนาดนี้

    หนิงเชวียคิดไม่ถึงว่าจะสามารถหาสำนักพรรคมารเจอได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนี้ จึงไม่เชื่อสายตาตัวเองไปชั่วขณะ มันไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดประตูยักษ์บานนี้จึงซ่อนตัวอยู่ในทะเลสาบต้าหมิงได้ อีกอย่าง ตอนเดินอยู่ในค่ายกลทรมานจิต ไฉนจึงมองไม่เห็น

    ขณะเดินผ่านกองหินน้อยใหญ่กับเจตนารมณ์ค่ายกลที่เต็มไปด้วยเหลี่ยมคมนั้น มันมองไม่เห็นแม้เงาของประตู แต่พอเดินพ้นออกมาได้ ประตูศิลาบานนี้ก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าทันที ราวกับจะยอมให้คนที่ถูกเลือกมองเห็นได้เท่านั้น

    ที่น่าแปลกคือการเปิดประตูยังง่ายกว่าการค้นหาเสียอีก ไม่จำเป็นต้องท่องคาถา ไม่จำเป็นต้องเปิดกลไกที่สลับซับซ้อนน่าหวาดเสียว หนิงเชวียใช้มือขวาผลักเพียงเบาๆ บานประตูก็ลั่นเอี๊ยดก่อนเปิดออกอย่างช้าๆ ละอองฝุ่นที่สะสมมานานปีพุ่งออกมาปะทะหน้าในพริบตา

    หนิงเชวียแหงนหน้ามองยอดเขาหิมะที่ตั้งตระหง่านอยู่หลังประตูซึ่งดูเหมือนจะสูงใหญ่กว่าที่เห็นเมื่อหลายวันก่อน จากนั้นค่อยสบสายตาแตกตื่นของโม่ซันซันตรงบ่าวูบหนึ่ง ก่อนยกเท้าก้าวข้ามธรณีประตูเข้าไป

    ใหญ่โตมโหฬาร โอ่อ่าน่าเกรงขาม ศักดิ์สิทธิ์น่าเคารพ…ความรู้สึกของมันในยามนี้คือตัวเองช่างต่ำต้อยด้อยค่าเสียนี่กระไร นี่คงเป็นเหตุผลว่าทำไมเหยี่ยวจึงมักบินเลี่ยงเมืองฉางอันอันกว้างใหญ่มหึมา หรือทำไมวิหารอารามของอาศรมเทพจึงสร้างอย่างใหญ่โตบนเขาเถาซานจนสามารถมองสรรพสิ่งทั้งหลายจากเบื้องสูงได้

    หลังจากเข้าประตูศิลาและเดินขึ้นบันไดหินยาวเหยียดอีกไม่รู้ว่ากี่หมื่นขั้น ในที่สุดพวกมันก็มาถึงสำนักของพรรคมาร ความรู้สึกที่ว่าก็เข้าครอบงำความคิดของหนิงเชวียกับโม่ซันซันอีกครั้ง

    เพราะสิ่งปลูกสร้างตรงหน้าพวกมันใหญ่โตเกินกว่าสิ่งปลูกสร้างใดๆ ที่เคยได้เห็นมาในชีวิตนี้

    สำนักพรรคมารตั้งอยู่กลางเขาหิมะ หรือจะพูดให้ชัดเจนลงไปก็คือตั้งอยู่ในท้องของภูเขาหิมะที่มียอดสูงทะลุเมฆซึ่งถูกคว้านเจาะเป็นที่โล่งกว้างกินอาณาบริเวณสุดลูกหูลูกตา

    ความยิ่งใหญ่สุดจะพรรณนามาเป็นถ้อยโวหารบันดาลให้คนเราบังเกิดความรู้สึกว่าสถานที่เยี่ยงนี้สมควรจะปรากฏให้เห็นแต่ในความฝัน เป็นโลกที่มีเพียงเฮ่าเทียนเท่านั้นที่จะสามารถเนรมิตขึ้นมาได้

    แสงสว่างซึ่งมิทราบแหล่งที่มาเผยให้เห็นแผ่นหินขนาดยักษ์จำนวนมากมายนับไม่ถ้วนซึ่งมีปลายด้านหนึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผนังผา ส่วนปลายอีกด้านยื่นยาวทอดขวางไปในอากาศเหมือนคาน รอยตัดและรอยสกัดด้วยขวานดูประณีตและคมชัดยิ่ง แผ่นหินมีขนาดใหญ่และหนา สามารถรองรับรถม้าวิ่งขนานกันได้ทีเดียวสี่คัน

    สายตาของหนิงเชวียกับโม่ซันซันมองไล่ไปตามแผ่นหินที่ยื่นยาวไปข้างหน้า พยายามมองหาปลายอีกด้านแต่ก็ไม่พบ ต้องทอดสายตามองเป็นมุมกว้างจึงพบว่าแผ่นหินเหล่านี้เรียงตัวกันในลักษณะเป็นใยแมงมุม!

    ส่วนปลายของแผ่นหินแต่ละแผ่นยื่นไปจรดรวมกันที่จุดศูนย์กลาง ทำให้บริเวณนั้นกลายเป็นลานหินเรียบโล่ง มองไกลๆ สามารถเห็นวิหารหลังหนึ่งตั้งอยู่ วิหารหลังนั้นสมควรมีขนาดใหญ่โตโอฬารยิ่ง แต่เมื่อมองจากจุดนี้ซึ่งเป็นผนังผากลับดูเล็กกระจิริดเหมือนงานแกะสลักบนเมล็ดข้าวสาร ร่างกายของหนิงเชวียกับโม่ซันซันเหมือนไม่ได้ดำรงอยู่ในโลก อย่างดีก็เป็นได้แค่เศษธุลีที่เกาะติดอยู่บนผนังผาเท่านั้น!

    พวกมันสบตากันด้วยความแตกตื่นอีกครั้ง

    เมื่อเผชิญหน้ากับสถานที่น่าเหลือเชื่อเยี่ยงนี้ ยากที่ผู้คนจะไม่บังเกิดความยำเกรงจนอยากคุกเข่าลงกราบกรานน้ำตาเต็มหน้าเพราะตระหนักถึงความต่ำต้อยไร้ค่าของตัวเอง

    เมื่ออยู่เบื้องหน้าโลกที่กว้างใหญ่ไพศาลเยี่ยงนี้ มนุษย์จึงเป็นได้แค่มดปลวก

    ทว่าสิ่งที่ทำให้หนิงเชวียต้องแตกตื่นอย่างแท้จริงกลับเป็นความจริงที่ว่า ภูเขาหิมะสูงตระหง่านซึ่งควรมีเพียงเฮ่าเทียนเท่านั้นที่จะสามารถเจาะคว้านได้ดั่งใจ เมื่อหนึ่งพันปีก่อนกลับถูกเจาะคว้านโดยมนุษย์ที่ตัวเล็กกระจิริดเหมือนมด!

    หน้าที่แล้ว1 of 4

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook