• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน สยบฟ้า พิชิตปฐพี เล่ม 11 บทที่ 2

    รอยแตกบนชุดเกราะเรียบลื่น เห็นได้ชัดว่าถูกฟันโดยอาวุธที่คมกริบประเภทกระบี่ ผู้ใดกันที่ไม่เพียงใช้กระบี่ฟันชุดเกราะที่มีกลิ่นอายยันต์คุ้มครองจนขาดกระจุย หนำซ้ำเจตนารมณ์ของกระบี่ยังสามารถแทรกซึมเข้าร่างแต่ไม่กระจายออก ผนึกอยู่ในชุดเกราะนานหลายสิบปี จนกระทั่งวันนี้นิ้วของหนิงเชวียกระทบถูกจึงแผ่พุ่งออกมาในฉับพลัน

    หนิงเชวียมีคำตอบอยู่ในใจ แต่มันปิดปากเงียบ

    โม่ซันซันถูกภาพเมื่อครู่ทำเอาหวาดหวั่นตัวแข็งทื่อ พอเห็นหนิงเชวียไม่สะทกสะท้าน ทั้งยังลงนั่งสำรวจอย่างมีสติ ก็รู้สึกขายหน้าไม่น้อย จึงรีบสงบจิตให้กลับคืนสู่ความเยือกเย็นดั่งเดิม

    จากนั้นทั้งสองก็เดินขึ้นบันได พอผลักประตูเข้าไป สายตาก็ปะทะเข้ากับแผ่นศิลาที่มีขนาดใหญ่โตดุจเนินเขาลูกหนึ่งทันที

    “ศิลาไร้อักษร?”

    พริบตาที่เห็นแผ่นศิลานี้ โม่ซันซันก็นึกถึงเรื่องเล่าที่เคยได้ยินมา จึงอุทานอย่างตกใจ

    หนิงเชวียถามขึ้นขณะเหลียวมองไปรอบๆ อย่างตื่นตัวระมัดระวัง

    “อะไรคือศิลาไร้อักษร”

    โม่ซันซันตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

    “ต้าเสินกวนหน่วยแสงสว่างผู้ก่อตั้งพรรคมารเคยกล่าวไว้ เข้าใจข้า หรือกล่าวโทษข้า อยู่ที่กาลเวลาเท่านั้น ดังนั้นตอนมันตายจึงสั่งเสียไว้ว่าอย่าเขียนอักษรบนป้ายหลุมของมัน ปล่อยให้คนทั้งแผ่นดินตัดสินเอาเอง”

    “ที่แท้ผู้ที่ถูกฝังอยู่ใต้แผ่นศิลานี้ก็คือต้าเสินกวนหน่วยแสงสว่างคนนั้น?”

    หนิงเชวียเงยหน้าขึ้นมองอย่างตกใจ แต่พอเห็นชัดดวงตามันก็เบิกโพลง

    เพราะบนศิลาไร้อักษรกลับมีตัวอักษร

    เป็นตัวอักษรที่แสดงถึงความอหังการอย่างถึงที่สุด

    “เคอเฮ่าหรานแห่งสถานศึกษามากำจัดมารที่นี่!”

     

    รอยกรีดลึกบนหินและความคมกริบของปลายกระบี่ชวนให้รู้สึกหวาดหวั่นครั่นคร้าม

    หนิงเชวียเขม้นมองตัวอักษรอยู่นาน จากนั้นก็เดินวนสำรวจแผ่นหินไปหลายรอบ สุดท้ายค่อยกลับมาอยู่ที่เดิม ชี้ไปที่ตัวอักษร ยืดอกกล่าวเสียงดังว่า

    “อาจารย์อาข้าเป็นคนเขียน”

    โม่ซันซันเคยฟังอาจารย์เล่าว่าสำนักพรรคมารพังพินาศด้วยมือของผู้อาวุโสท่านหนึ่ง แต่มิทราบว่าเป็นเพราะเหตุใดอาจารย์ของนางจึงไม่ยอมเอ่ยนาม นางยังเคยเดาว่าผู้อาวุโสท่านนั้นคงจะเป็นคนผู้หนึ่งของสถานศึกษาที่ปรากฏตัวขึ้นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ จากนั้นก็หายสาบสูญไป นั่นเป็นเพราะมีเพียงสถานที่เยี่ยงสถานศึกษาเท่านั้นจึงจะสามารถก่อกำเนิดยอดคนที่ห้าวหาญทระนงแต่ไม่สนใจในชื่อเสียงเกียรติยศเช่นนี้ได้

    ต่อมาระหว่างการค้นหาสำนักพรรคมาร นางสังเกตเห็นท่าทีของหนิงเชวียดูแปลกไป โดยเฉพาะตอนที่มันคุกเข่ากราบไหว้ก้อนหินในค่ายกล ก็ยิ่งทำให้นางมั่นใจว่าตัวเองเดาถูก บัดนี้เป็นมันเองที่เป็นคนยืนยัน แต่ถึงกระนั้นนางก็ยังรู้สึกแตกตื่นจนพูดไม่ออก อาจารย์อาของมันจะต้องมีฝีมือสูงส่งถึงระดับใด จึงสามารถโค่นล้มพรรคมารได้ด้วยกระบี่เพียงเล่มเดียว

    หลังจากสงบจิตสงบใจได้บ้างแล้ว นางก็เปรยขึ้นว่า

    “ดูท่านภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง”

    หนิงเชวียพยักหน้า เมื่อครู่มันพบว่ากลิ่นอายที่หลงเหลืออยู่บนโครงกระดูกของเหล่าผู้ฝึกฌานพรรคมารยังคงเข้มข้นรุนแรง โครงกระดูกเหล่านี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กไหลเสียอีก ทว่าพอยอดผู้ฝึกฌานพรรคมารเผชิญหน้ากับเพลงกระบี่สุดไพศาลของอาจารย์อา กลับเปราะบางดุจหิมะในวสันต์ฤดูที่มิอาจทนแสงตะวันได้แม้แต่นิดเดียว จากจุดนี้สามารถจินตนาการได้ถึงพลังฌานของอาจารย์อาว่ามีความร้ายกาจเพียงใด

    ตอนอยู่บนเขาหลังสถานศึกษา จากท่าทีของศิษย์พี่รองและศิษย์พี่คนอื่นๆ ยามกล่าวถึงอาจารย์อา ทำให้มันเคยวาดภาพเอาไว้ว่าอาจารย์อาจะต้องเป็นบุคคลที่ไม่มีผู้ใดหาญเทียบได้ ทว่าก็ยังคิดไม่ถึงว่าจะล้ำเลิศไร้เทียมทานถึงเพียงนี้ หรือว่าตอนบุกเข้าสำนักพรรคมาร ท่านผู้เฒ่าได้ทะลุห้าด่าน หลุดพ้นกลายเป็นผู้หยั่งรู้ไปแล้ว!

    ในฐานะที่เป็นศิษย์ชั้นสองของสถานศึกษา การมีอาจารย์อาแบบนี้ย่อมต้องรู้สึกภาคภูมิใจเป็นธรรมดา

    หลังจากยืนไว้อาลัยครู่หนึ่ง ทั้งสองก็เดินเข้าสู่ตัววิหาร หนิงเชวียรู้สึกว่ากลิ่นอายของอาจารย์อาที่มันรับรู้ได้อยู่ภายในวิหารหลังแผ่นศิลานี่เอง

    วิหารหลักของพรรคมารใหญ่โตรโหฐานยิ่ง ภาพวาดสีที่ดูซับซ้อนเข้าใจยากตรงจุดที่คานหินของวิหารมาบรรจบกันกับหินแกะสลักรูปเทพอสูรหน้าตาดุร้ายซึ่งดูแปลกประหลาดสำหรับผู้คนในดินแดนแถบจงหยวนจำนวนหลายร้อยรูปสองข้างทางเดิน ทำให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกได้ถึงความประหวั่นพรั่นพรึงและความน่าเกรงขามที่วูบขึ้นในจิตใจทันที

    ทางเดินทอดตัวยาวลึกเข้าไปเรื่อยๆ แต่อากาศภายในยังคงแห้งปราศจากความชื้น สมัยที่ชาวฮวงสร้างสถานที่นี้ขึ้นมิทราบว่าใช้วิธีการเช่นไรจัดการกับการระบายอากาศและการส่องสว่างภายใน เพราะหนิงเชวียกับโม่ซันซันเดินไปหลายร้อยก้าวแล้วก็ยังสามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้ และไม่รู้สึกอึดอัดหายใจลำบากแต่อย่างใด

    ยิ่งเดินลึกเข้าไป กลิ่นอายสนิทชิดใกล้ก็ยิ่งเข้มข้นมากขึ้นจนคล้ายเป็นสิ่งที่ดำรงอยู่จริง ทุกก้าวที่เดิน จิตใจหนิงเชวียเอาแต่จดจ่อรอว่าอีกสักครู่จะได้พบเห็นสิ่งใด อาจจะเป็นคัมภีร์สวรรค์เล่มแสงสว่าง หรืออาจเป็นความลับอันยิ่งใหญ่ของพรรคมาร แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหนก็ประเสริฐทั้งนั้น ขอเพียงอย่าพบเห็นสิ่งที่มันไม่อยากเห็นก็พอ

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook