• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน สยบฟ้า พิชิตปฐพี เล่ม 11 บทที่ 1

    หน้าที่แล้ว1 of 6

    บทที่ 1 ปณิธานคนรุ่นก่อน คนรุ่นหลังงมงาย

    โม่ซันซันมิได้สนใจท่าทีของหนิงเชวีย นางมองความลึกลับซับซ้อนของตำแหน่งก้อนหินที่วางพลางขมวดคิ้วถาม

    “แม้จะถูกทำลายไปแล้ว แต่เจตนารมณ์ของค่ายกลที่เหลืออยู่ยังคงร้ายกาจยิ่ง มิอาจมองให้ทะลุปรุโปร่งได้ภายในระยะเวลาอันสั้น ท่านยังยืนกรานที่จะเข้าไปอีกหรือ”

    โม่ซันซันมิได้สนใจท่าทีของหนิงเชวีย นางมองความลึกลับซับซ้อนของตำแหน่งก้อนหินที่วางพลางขมวดคิ้วถาม

    “แม้จะถูกทำลายไปแล้ว แต่เจตนารมณ์ของค่ายกลที่เหลืออยู่ยังคงร้ายกาจยิ่ง มิอาจมองให้ทะลุปรุโปร่งได้ภายในระยะเวลาอันสั้น ท่านยังยืนกรานที่จะเข้าไปอีกหรือ”

    เป้าหมายของหนิงเชวียคือเข้าไปค้นหาคัมภีร์สวรรค์ สำมะหาอะไรกับตอนนี้ที่แน่ใจแล้วว่ากลิ่นอายใกล้ชิดสนิทสนมนั้นเป็นของผู้ใด มันย่อมไม่ยอมเลิกราเอากลางคันอย่างแน่นอน แต่ปากก็ยังถามว่า

    “เข้าแล้วยังถอยได้หรือไม่”

    โม่ซันซันกวาดตามองก้อนหินที่วางเรียงรายอยู่รอบๆ คิดคำนวณอยู่ในใจเงียบๆ สักครู่จึงค่อยพยักหน้า

    “ตอนนี้เพิ่งจะเข้ามา หากคิดจะถอยก็ยังทัน แต่หากเข้าไปไกลกว่านี้ เกรงว่าจะถอยกลับไม่ได้แล้ว มิรู้ว่าข้างในจะมีอันตรายใดดักซ่อนอยู่บ้าง”

    หนิงเชวียมองรอยกระบี่บนก้อนหินแล้วถามขึ้น

    “เจ้าเชื่อในโชคชะตาหรือไม่”

    โม่ซันซันนิ่งงันไป ดวงตาฉายแววงุนงง มิทราบว่าทำไมจู่ๆ มันก็ถามคำถามนี้ขึ้นมา

    หนิงเชวียอธิบาย

    “ตอนนี้ข้าเริ่มเชื่อเรื่องโชคชะตามากขึ้นทุกทีแล้ว เจ้าลองคิดดู พวกเราไม่มีแผนที่แต่ก็ยังคลำทางจนมาเจอหุบเขาแห่งนี้ได้ และข้างกายข้าก็ยังมีเจ้าที่เข้าใจวิชาค่ายกลอย่างทะลุปรุโปร่ง ดังนั้นข้าเชื่อว่านี่เป็นการจัดการของโชคชะตา”

    โม่ซันซันเข้าใจ ขณะจะเอ่ยปากกล่าวต่อ หนิงเชวียพลันหันขวับ ยกคันธนูขึ้นน้าวสายเล็งไปยังจุดจุดหนึ่งท่ามกลางกองหินระเกะระกะทันที

    ผู้งมงายยุทธ์เยี่ยหงอวี๋ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เงาร่างสีแดงพุ่งปราดเข้ามาด้วยความเร็วดุจพายุหิมะอันบ้าคลั่ง แม้ที่ไหล่ซ้ายจะยังคงมีเลือดไหลไม่หยุด สีหน้าดูขาวซีด แต่เท้าที่หยั่งตามก้อนหินยังคงแคล่วคล่องว่องไว ดูท่าแรงระเบิดของลมหายใจแห่งฟ้าดินตอนค่ายกลทรมานจิตทำงาน ไม่ได้ถึงกับทำให้นางบาดเจ็บสาหัส

    ด้วยความเร็วขนาดนี้ อันที่จริงสมควรจะบรรลุถึงเบื้องหน้าหนิงเชวียภายในเวลาอันสั้น แต่น่าแปลก อยู่ดีๆ นางก็เปลี่ยนเส้นทาง เห็นๆ อยู่ว่าวิ่งตรงมาก็จะถึง แต่กลับเลี้ยวขวา จากนั้นวนกลับไปยังที่เดิม

    เยี่ยหงอวี๋หยุดเท้าอยู่กับที่ ขบคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เข้าใจว่าความผิดปกตินี้ต้องมีสาเหตุมาจากอานุภาพของค่ายกล จึงเปล่งเสียงดังกังวานมาว่า

    “พวกเจ้านี่โชคดีจริงๆ”

    หากเมื่อครู่ประตูสำนักพรรคมารไม่เกิดการเคลื่อนไหวขึ้นเสียก่อน เคล็ดวิชาหมื่นกระบี่ของผู้งมงายยุทธ์คงสับร่างหนิงเชวียกับโม่ซันซันกลายเป็นเลือดเนื้อแหลกเหลวสองกองไปแล้ว และหากปราศจากค่ายกลนี้ มีหรือที่นางจะพลาดโอกาสในการฆ่าพวกมันอีกครา ดังนั้นนางจึงบอกว่าพวกมันโชคดี

    ค่ายกลทรมานจิตมีความแปลกพิสดารอย่างแท้จริง เห็นๆ อยู่ว่าสองฝ่ายต่างก็ยืนประจันหน้ากัน ได้ยินเสียงของกันและกัน แต่กลับไม่อาจเข้าถึงตัวกันได้ คล้ายกับสิ่งที่เห็นเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา ตอนที่หนิงเชวียยกปฐมธนูสิบสามดอกขึ้นเล็ง มันพบว่าการสะท้อนและหักเหของลำแสงภายในค่ายกลมีความผิดปกติ แม้แต่มวลอากาศก็ยังบิดเบี้ยวไปด้วย จึงเป็นไปไม่ได้ที่ธนูของมันจะเล็งถูกเป้า

    แรงส่งกับแรงสะท้อนเป็นของคู่กันเสมอ ปฐมธนูสิบสามดอกไม่สามารถเล็งเยี่ยหงอวี๋ได้ฉันใด เยี่ยหงอวี๋ก็ไม่อาจหาตำแหน่งที่ชัดเจนของหนิงเชวียกับโม่ซันซันได้ฉันนั้น

    หน้าที่แล้ว1 of 6

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook