• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านนิยายปิดประตูตาย

    ตอนที่เธออายุได้สามเดือน พ่อแม่บอกฉันว่าจะประกาศหาคนมารับเลี้ยงมิลลี่และพวกเขาจะย้ายไปอยู่ที่ประเทศนิวซีแลนด์ที่คุณตาคุณยายอาศัยอยู่ พวกเขาพูดเสมอว่าจะทำแบบนี้ ฉันเลยตะเบ็งเสียงกรีดร้อง บอกว่าพวกเขาจะยกเธอให้คนอื่นไม่ได้ ฉันจะเป็นคนอยู่ที่บ้านเลี้ยงดูเธอแทนที่จะไปเรียนมหาวิทยาลัยเอง แต่พวกเขาไม่ฟังและระหว่างหาคนอุปถัมภ์อยู่ ฉันก็ตัดสินใจกินยาเกินขนาด มันเป็นการกระทำงี่เง่า เป็นความพยายามแบบเด็กๆ ที่จะทำให้พวกเขาเข้าใจว่าฉันจริงจังแค่ไหน และไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม มันได้ผล เนื่องจากฉันอายุสิบแปดปีแล้วและมีนักสังคมสงเคราะห์จำนวนมากช่วยเหลือ เราจึงเห็นตรงกันว่าฉันจะเป็นผู้ดูแลหลักของมิลลี่ที่จะเลี้ยงดูเธออย่างดี โดยมีพ่อแม่ช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดู

    ฉันค่อยๆ เริ่มทีละก้าว เราเจอสถานรับเลี้ยงเด็กประจำท้องถิ่นที่เหมาะกับมิลลี่ ฉันเริ่มทำงานพิเศษโดยทำงานแรกให้กับเครือซูเปอร์มาร์เก็ตในแผนกจัดซื้อผลไม้ เมื่อมิลลี่อายุสิบเอ็ดปี เธอได้เข้าโรงเรียนที่ฉันเห็นว่าไม่ต่างอะไรกับสถานสงเคราะห์ ฉันบอกพ่อแม่อย่างกระวนกระวายว่าจะหาที่ที่เหมาะสมกว่าเอง ฉันใช้เวลาหลายต่อหลายชั่วโมงกับมิลลี่ เพื่อสอนเธอให้พึ่งพาตนเองซึ่งฉันก็ไม่แน่ใจนักว่าเธอจะเข้าใจไหม และฉันคิดว่าความบกพร่องเรื่องภาษาทำให้เธอปรับตัวเข้ากับสังคมได้ยากมากกว่าจะเป็นเรื่องสติปัญญา

    การเสาะหาโรงเรียนทั่วไปที่เต็มใจรับมิลลี่เข้าเรียนเป็นการดิ้นรนต่อสู้ที่ยาวนานและทรหดเสียจริง เหตุผลเพียงหนึ่งเดียวที่ทำให้ฉันทำสำเร็จเป็นเพราะครูใหญ่ของโรงเรียนนี้มองการณ์ไกล ใจกว้าง แถมบังเอิญเธอมีน้องชายที่เป็นดาวน์อีกด้วย โรงเรียนประจำหญิงล้วนของเอกชนที่เธอบริหารอยู่จึงเหมาะกับมิลลี่พอดี แต่ก็มีราคาแพง พ่อกับแม่ไม่มีเงินพอจ่ายค่าเล่าเรียน ฉันเลยบอกไปว่าจะจ่ายเอง ฉันส่งประวัติไปหาหลายบริษัทพร้อมกับจดหมายอธิบายอย่างชัดเจนว่าทำไมฉันถึงต้องการงานที่ดี มีค่าตอบแทนมาก และในที่สุดแฮร์รอดส์ก็รับฉันเข้าทำงาน

    ฉันรีบคว้าโอกาสนี้ไว้ทันที เมื่อการเดินทางกลายเป็นส่วนหนึ่งของงานเพราะเกี่ยวข้องกับอิสรภาพ พ่อแม่รู้สึกว่ารับมือกับมิลลี่เวลาฉันไม่อยู่ที่บ้านในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ไม่ไหว แต่พวกเขาจะไปเยี่ยมเธอที่โรงเรียนนะ ส่วนผู้ดูแลของมิลลี่ที่ชื่อเจนิสก็ดูแลเธอในช่วงเวลาที่เหลือ ปัญหาถัดไปที่คืบคลานเข้ามาคือมิลลี่จะไปอยู่ที่ไหนหลังเธอเรียนจบ ฉันเลยสัญญากับพ่อแม่ว่าจะให้เธอมาอยู่ด้วยกัน พวกเขาจะได้ย้ายไปอยู่ที่ประเทศนิวซีแลนด์ได้ในที่สุด และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พวกเขาก็นับวันรอ ฉันไม่โทษพวกเขาหรอก ทั้งสองคนรักฉันกับมิลลี่ในแบบของพวกเขา สำหรับพวกเราก็รักในแบบของพวกเราเอง พวกเขาแค่เป็นคนประเภทที่ไม่เหมาะกับการมีลูกเลยแม้แต่นิดเท่านั้นเอง

    ด้วยการยืนกรานของแจ็คที่อยากเจอพวกเขา ฉันจึงโทรถามแม่ว่าพวกเราจะไปหาในวันอาทิตย์ถัดไปได้ไหม ตอนนั้นใกล้ปลายเดือนพฤศจิกายนแล้ว พวกเราพามิลลี่ไปด้วยกัน แม้ว่าพ่อแม่ฉันจะไม่ได้ถึงขั้นอ้าแขนต้อนรับ แต่ฉันก็รู้ว่าแม่ประทับใจมารยาทอันไร้ที่ติของแจ็ค ส่วนพ่อก็รู้สึกดีที่แจ็คสนใจของสะสมรุ่นแรกๆ ของท่าน พวกเราขอตัวลากลับทันทีหลังอาหารกลางวัน กว่าเราจะส่งมิลลี่กลับโรงเรียนก็บ่ายแก่ๆ ตอนแรกฉันตั้งใจไว้ว่าจะมุ่งหน้ากลับบ้านเพราะสองวันที่ผ่านมานั้นแสนยุ่งเหยิง เนื่องจากฉันจะต้องเดินทางไปอาร์เจนตินาในสัปดาห์เดียวกันหลังจากนั้น แต่พอแจ็คชวนไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะรีเจนต์ ฉันก็รีบตอบตกลงทันทีทั้งๆ ที่มืดแล้ว ฉันไม่ตั้งหน้าตั้งตารอที่จะได้เดินทางอีกต่อไป ตั้งแต่ได้พบกับแจ็ค ฉันรู้สึกว่าการเดินทางมากมายที่ฉันต้องไปด้วยหน้าที่การงานนั้นหมดเสน่ห์ลง ฉันรู้สึกได้ว่าพวกเราไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยกัน และถ้าเราได้มาเจอกัน ก็มักจะมีเพื่อนๆ หรือมิลลี่ติดตามมาด้วยอยู่บ่อยๆ

    “คุณคิดว่าพ่อแม่ฉันเป็นยังไงคะ” ฉันถามหลังจากเราเดินเล่นมาสักพัก

    “ยอดเยี่ยมครับ” เขายิ้ม

    ฉันทำหน้านิ่วคิ้วขมวดกับคำที่เขาพูด “คุณหมายความว่าไงคะ”

    “ก็แค่พวกท่านเป็นไปตามที่ผมหวังให้เป็นทุกอย่างน่ะครับ”

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook