ยามนี้ไม่มีคนสนใจต้วนเฉิงซื่อแล้ว ความจริงเมื่อครู่พอเขาได้ยินพูดถึงนักพรตหญิงก็คาดว่าเป็นเผยเสวียนจิ้ง ยามนี้ได้เห็นนาง ทั้งตกใจ ทั้งดีใจ ทั้งละอายใจมาก แค้นใจคิดโผเข้าไปร้องไห้ให้หนำใจทันที ทว่าประกายตาของเผยเสวียนจิ้งกวาดมาทางเขาผ่านไปอย่างเฉยเมย ต้วนเฉิงซื่อก็รีบข่มกลั้นตนเองเอาไว้ เข้าใจเจตนาทำท่าเป็นผู้ชมดูเท่านั้น
เขาเข้าใจแล้ว เฉพาะหน้านี้วิธีที่ดีที่สุดคือสงบนิ่ง ปล่อยเผยเสวียนจิ้งแสดงฝีมือ
เผยเสวียนจิ้งไม่อาจวางใจเรื่องขวดฝังเส้นทองจริงๆ จึงจ้างรถม้าคันหนึ่งและติดตามต้วนเฉิงซื่อเข้ามาตรอกผิงคัง นางเฝ้ามองต้วนเฉิงซื่อเข้าไปในประตูสำนักของตู้ชิวเหนียงอยู่แต่ไกล ตอนแรกก็งุนงงกับการกระทำของเขา เผยเสวียนจิ้งยิ่งคิดยิ่งเห็นว่าไม่ได้การ จึงเข้าไปสอบถามคนรับใช้แซ่ล่ายที่นั่งยองเหม่ออยู่ที่มุมกำแพง
คนรับใช้แซ่ล่ายที่สีหน้ากำลังอมทุกข์พอเห็นเผยเสวียนจิ้งคล้ายพบพานดาวช่วยชีวิต ระบายความอัดอั้นตันใจออกมา กระทั่งความลับส่วนตัวของบ้านเจ้านายก็ไม่อาจปิดบังแล้ว
เผยเสวียนจิ้งนำเรื่องทั้งปวงผูกเข้าด้วยกัน เกือบจะแน่ใจว่าต้วนเฉิงซื่อต้องการขวดฝังเส้นทองไปทำการใด
เด็กโง่! นางลอบถอนใจ นี่มิใช่ก่อความวุ่นวายหรอกหรือ
เผยเสวียนจิ้งตัดสินใจว่าตนเองต้องออกหน้าสักคราแล้ว
ทว่านักพรตหญิงจะเข้าในสำนักนางโลมได้อย่างไร
นี่ไม่เกินความสามารถของเผยเสวียนจิ้ง ในขณะกำลังรอคอยนั่นเอง นางสังเกตเห็นคนรับใช้ชายของสำนักนางโลมนำกุลีหลายคนเข้าไปทางประตูข้าง พูดกันว่าเหตุใดจู่ๆ น้ำในบ่อน้ำแห้งไปอย่างประหลาด…
เช่นนี้เอง เผยเสวียนจิ้งจึงนวยนาดเข้ามาอยู่ในห้องตู้ชิวเหนียงคณิกาเลื่องชื่ออันดับหนึ่งแห่งตรอกผิงคัง
ตู้ชิวเหนียงเอ่ยปากกล่าวถามเนิบนาบ “ขอถามนักพรตท่านนี้ ท่านเห็นเรือนนี้มีอาเพศอันใด”
เผยเสวียนจิ้งกระทำคารวะ “ข้าบังเอิญผ่านสถานที่นี้ เห็นปราณดำปกคลุมเหนือเรือนที่อยู่ของท่าน กลุ่มปราณดำจับตัวหนาหนัก เกรงจะมีสิ่งชั่วร้ายบุกรุก ขอบังอาจถาม…สองวันมานี้ ในเรือนท่านบังเกิดเรื่องประหลาดใดขึ้นหรือไม่”
“มีสิ…” คนรับใช้ชายกำลังคิดสอดคำ แต่ถูกตู้ชิวเหนียงใช้สายตาห้ามไว้เสียก่อน นางถามว่า
“ท่านนักพรตเข้าใจว่าอันใดประหลาด อันใดไม่ประหลาด”
เผยเสวียนจิ้งกล่าวว่า “อธิบายไปก็ซับซ้อนอยู่บ้าง มิสู้ข้าเล่าเรื่องหนึ่งแก่ตูจือเถอะ”
“เชิญ”
“หมินฉู่ ภิกษุวัดฝ่าอวิ๋นแห่งหยางโจว คบหาสนิทสนมกับพ่อค้าแซ่จาง เมื่อพ่อค้าแซ่จางตายไป หมินฉู่ยังได้สวดมนต์ส่งวิญญาณให้เขา หลายเดือนให้หลัง วันหนึ่งหมินฉู่ถึงกับได้พบพ่อค้าแซ่จางที่ตลาด เขาบอกหมินฉู่ว่าตนได้รับแต่งตั้งจากตุลาการยมโลกให้เป็นผีริบส่วนเกิน เพราะเงินทองที่คนผู้หนึ่งใช้ได้นั้นมีจำกัด เมื่อเกินจำนวนไป ยมโลกจะหยุดอายุขัยของคนผู้นั้นและริบเงินทองที่เหลือ ขณะที่พูดนั้นผู้แซ่จางก็ซื้อดอกไม้หนึ่งดอกจากหญิงขายดอกไม้ที่ข้างถนน มอบแก่หมินฉู่พร้อมกล่าวว่าระหว่างทางคนที่เห็นดอกไม้แล้วหัวเราะคือคนที่กำลังจะตาย ผู้แซ่จางกล่าวจบก็หายตัวไป หมินฉู่หวาดหวั่นใจนัก ถือดอกไม้กลับวัด ระหว่างทางมีคนหัวเราะใส่เมื่อเห็นดอกไม้จริงๆ เมื่อมาถึงประตูวัด สุดท้ายแล้วหมินฉู่จึงตะโกนออกมาครั้งหนึ่ง โยนดอกไม้ลงในร่องน้ำ กลับได้ยินเสียงน้ำกระเซ็นออก บนผิวน้ำมีกระดูกมือท่อนหนึ่งลอยขึ้นมา…”
“อา!” สตรีทั้งหลายที่อยู่ในห้องตกใจจนใบหน้าสะคราญถอดสี
ริมฝีปากตู้ชิวเหนียงก็ซีดขาวแล้ว ถามเสียงสั่นเทา “เรื่องนี้เกี่ยวข้องอันใดกับข้า”
“เรื่องนี้กล่าวถึงว่ามิอาจยึดครองทรัพย์นอกชะตา ไม่เช่นนั้นก็จะมีผีริบส่วนเกินนำดอกไม้ผีมาหาถึงบ้าน ดอกไม้ผีลอยกลางฟ้า ตกกลางน้ำ ก็จะมีเหตุประหลาด เช่น เมฆดำรวมตัว น้ำบ่อเหือดแห้ง เป็นต้น”
ตู้ชิวเหนียงแย้ง “ข้ายึดครองทรัพย์นอกชะตาแต่เมื่อไร ล้วนแลกเปลี่ยนด้วยความสามารถ”
เผยเสวียนจิ้งยิ้มอ่อนหวาน “ก็ต้องดูว่ากระทำต่อผู้ใด อย่างเช่นราชนิกุลสูงศักดิ์ เศรษฐีใหญ่ ยินยอมใช้เงินก้อนโตราวใช้เบี้ยแลกยิ้มของโฉมสะคราญก็มิเป็นเช่นไร แต่มีสิ่งของของบางคน ตูจือไม่ควรยึดครอง”
“ข้า…” ตู้ชิวเหนียงมองดูขวดฝังเส้นทองแล้วมองต้วนเฉิงซื่ออีกครา จากนั้นมองไปทางเหล่าสตรีที่ใบหน้าซีดขาว ขณะกำลังจะเอ่ยอันใดก็มีเสียงดังออกมาจากด้านหลังฉากบังตา
“ชิวเหนียง อย่าหลงกล นางมาเพื่อขวดฝังเส้นทองใบนั้น!”
เผยเสวียนจิ้งสะท้านไปทั้งร่าง ตะลึงมองเงาร่างที่เดินออกมาจากหลังฉากบังตา คล้ายดั่งพบพานปีศาจเข้าแล้วจริงๆ