• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านนิยาย เพลงกลอนคลั่งยุทธ์ เล่ม 4 บทที่ 1

    9 of 9หน้าถัดไป

    ในแปดคน ณ ที่นั้นเฉินไต้ซิ่วคือคนเดียวที่ดูธรรมดาที่สุด ใบหน้าขาวนวลผอมซูบเล็กน้อย ไม่มีลักษณะจำเพาะอะไร ถึงแม้สายคาดเอวห้อยกระบี่อู่ตังอยู่ ทว่ามองอย่างไรก็เหมือนบัณฑิตคนหนึ่งมากกว่านักสู้ที่ใช้ชีวิตในแต่ละวันกับการหยิบจับอาวุธของมีคม

    แต่กุ้ยตันเหลยและสหายร่วมสำนักของมันร่วมร่ำเรียนวิทยายุทธ์หลายปี รู้ดีว่าศิษย์น้องผู้นี้ปัญญาเหนือผู้เหนือคน แม้แต่ซือซิงเฮ่ารองเจ้าสำนักประกอบกิจวัตรประจำวันก็อาศัยเฉินไต้ซิ่วช่วย การลงเขาช่วยเจ้าสำนักในครั้งนี้กุ้ยตันเหลยจึงเลือกมันเป็นคนแรกไม่คิดอันใดให้มากความ

    กุ้ยตันเหลยคิดในใจว่าที่เฉินไต้ซิ่วกล่าวมิใช่เป็นไปไม่ได้ จึงพิจารณาอยู่โดยไม่เอ่ยคำ

    “พวกเรายังรออะไรอยู่อีก”

    ผู้ที่ปล่อยหัวเราะกล่าวคำนี้ออกมาคือซีเสี่ยวเหยียน แขนขวาของมันยังคงใช้ผ้าดำรัดพันอยู่ตรงหน้าท้อง มือซ้ายแบออกเล็กน้อย คิ้วทั้งสองตกลง แสดงสีหน้าหงุดหงิดออกมา

    “ต่อให้ตกหลุมพรางแล้วอย่างไร ใช่ก็ดี ไม่ใช่ก็ช่าง พวกเราจะไม่ไปอย่างนั้นหรือ ไม่เห็นจำเป็นต้องเลือก อย่างไรก็ไม่มีความแตกต่าง ไม่จำเป็นต้องสนใจว่าพวกมันคิดอะไรทั้งนั้น”

    มันยื่นมือตบด้ามดาบพันหวายคมยาวที่ด้านหลังเบาๆ

    “พวกเราคือสำนักอู่ตัง”

    กุ้ยตันเหลยพอได้ยินประโยคนี้ ดวงตากลมโตทั้งสองก็ถลึงมองซีเสี่ยวเหยียนอย่างเดือดดาล

    แต่ปากกลับฉีกออกหัวเราะ

    “มารดาเจ้าเถอะ” กุ้ยตันเหลยกล่าว “กลับต้องให้เด็กเวรเช่นเจ้าเตือน น่าละอายจริงๆ”

    คนทั้งแปดมองหน้ากันแวบหนึ่ง แล้วหัวเราะขึ้นมาอย่างองอาจ

    “ฝานจงอยู่ที่ไหน” เฉินไต้ซิ่วถาม

    กุ้ยตันเหลยส่ายหน้า “ฟางจี้เจี๋ยกำลังหามันอยู่ แต่คงรอมิได้แล้ว”

    มันกล่าวพลางสอดประสานมือทั้งสอง ในคนทั้งแปดมีเพียงมันคนเดียวที่ไม่พกอาวุธ แต่หากมองอุ้งมือที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนและหนาจนน่าประหลาดใจคู่นั้นแวบหนึ่ง ก็เพียงพอที่จะใช้ตัดสินได้ว่านั่นคืออาวุธอย่างแน่นอน

    “ไม่ว่าด้านไหนคือลวง ด้านไหนคือจริง พวกเราก็ต้องแบ่งกำลังตามไปทั้งสองทาง” กุ้ยตันเหลยกวาดสายตามองเหล่าสหายร่วมสำนักแวบหนึ่งแล้วออกคำสั่ง “เฉินไต้ซิ่ว ซีเสี่ยวเหยียน ถังเลี่ยง ฝูหยวนป้า พวกเจ้าสี่คนตามกลุ่มนั้นไปทางตะวันออก”

    มันมองเจียวหงเยี่ย ซั่งซื่อหลาง หลี่ต้ง และศิษย์สายพลอีกาสามคนที่เหลือ “พวกเจ้ามากับข้า ไปทางตะวันตก”

    กุ้ยตันเหลยจัดสรรเช่นนี้ หลักๆ คือพิจารณาจากสมดุลของกำลังคน

    “ตอนนี้ตามไปสู้ทันทีเลยไหมขอรับ” หลี่ต้งถาม

    “อย่าเพิ่งรีบร้อนเปิดศึก” เฉินไต้ซิ่วกล่าว “พยายามอย่าให้ถูกพวกมันพบเข้า อันดับแรกคือต้องให้พวกมันพาพวกเจ้าไปถึงที่อยู่ของเจ้าสำนัก”

    “เจ้าคิดว่าจะทำอย่างไรดีล่ะ” กุ้ยตันเหลยถามศิษย์น้อง

    เฉินไต้ซิ่วครุ่นคิดพักหนึ่ง “สะกดรอยตามศัตรูสองกลุ่มควรมอบหมายให้สหายร่วมสำนักสายพญางู พวกเราไปตามตรอกเล็กๆ หาที่หลบซ่อนทางตะวันตกและตะวันออกเตรียมสนับสนุนทุกเมื่อ”

    “ประเสริฐ กระทำตามนี้แล้วกัน” กุ้ยตันเหลยมองเห็นสีหน้าหมดความอดทนที่ซีเสี่ยวเหยียนเผยออกมา จึงตบหัวไหล่มันเบาๆ “พอหาเจ้าสำนักพบก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจคนพวกนั้นอีกแล้ว”

    “หึ!” ซีเสี่ยวเหยียนแค่นหัวเราะอย่างเย็นชา “ข้ากลัวแค่พอเจ้าสำนักลงมือพวกเราก็จะไม่มีแม้แต่ส่วนเหลือให้เล่นแล้วน่ะสิ”

    ดวงตาคล้ายกระดิ่งทองแดงคู่นั้นของกุ้ยตันเหลยกวาดมองสหายร่วมสำนักแต่ละคนอีกครั้ง ผมหยักศกสีน้ำตาลปลิวพลิ้ว รอยสักอักขระบนหน้าผากย่นเป็นหลุมลึก

    “ในเมื่อคนเหล่านั้นกล้าแตะต้องเจ้าสำนักอู่ตังเรา พวกเราก็จะเปลี่ยนถนนของเมืองซีอานเป็นภูเขาศพทะเลเลือด”

     

    โปรดติดตามตอนต่อไป…

    9 of 9หน้าถัดไป

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook