• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านนิยาย เพลงกลอนคลั่งยุทธ์ เล่ม 4 บทที่ 2

    8 of 8หน้าถัดไป

    อินเสี่ยวเหยียนส่ายหน้า “ข้า…ข้าต้องไปหาหมอมาช่วยหรือไม่” นางถาม ผู้ที่นางเป็นห่วงที่สุดในตอนนี้คือแม่นางซูเฉียวที่ถูกพิษ

    “ไม่มีคำอนุญาตจากข้า เจ้าห้ามออกจากห้องนี้เด็ดขาด ดูแลนางให้ดี ไม่เป็นไร ผู้ที่ข้าจะรับมือมิใช่พวกเจ้า แต่เป็นพวกมัน”

    แขกผู้นั้นหยุดชะงักไปวูบหนึ่ง คล้ายต้องออกแรงหายใจหลายครั้ง แล้วจึงกล่าวสืบต่ออีก “อย่าตำหนิตัวเอง เรื่องนี้มิใช่เพราะเจ้า แต่เป็นเพราะข้า”

    อินเสี่ยวเหยียนออกแรงพยักหน้า นางไม่รู้โดยสิ้นเชิงว่า ‘พวกมัน’ ที่กล่าวถึงคือคนพวกใด นางเพียงรู้สึกว่าแขกผู้นี้แม้อยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เอ่ยคำก็ยังมีพลังสงบใจผู้อื่น

    ความจริงต่อให้ไม่มีคำสั่ง อินเสี่ยวเหยียนก็ไม่ไป แม่นางซูเฉียวคือคนเดียวที่ดีกับนางในหออิ๋งฮวา

    จู่ๆ มือขวาของแขกผู้นั้นก็กุมห่อผ้ายาวอย่างฉับไว ร่างเคลื่อนไหวเล็กน้อยบนเก้าอี้

    อินเสี่ยวเหยียนรู้สึกได้ชั่วขณะว่าแขกในเงามืดผู้นั้นพลันพุ่งไปยังประตูห้องที่ปิดสนิท เมื่อจ้องมองอย่างละเอียดกลับเห็นร่างกายมันยังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับ

    เป็นเพียงจิตสังหารที่พุ่งออกไป

    ในขณะเดียวกันหลังประตูมีเสียงพูดของบุรุษผู้หนึ่ง

    “เสวียนอู่มาโปรด”

    ครั้นได้ยินรหัสลับนี้จิตสังหารมันก็คลายไปในทันที แต่มือยังคงมิได้ห่างจากห่อผ้า

    “เปิดประตู” มันสั่งอินเสี่ยวเหยียน

    อินเสี่ยวเหยียนเข้าไปยกสลักประตูขึ้นอย่างสั่นกลัว ประตูเปิดออกเพียงครึ่ง เงาร่างหนึ่งพรวดเข้ามาโดยไร้สุ้มเสียง โฉบผ่านข้างกายนาง อินเสี่ยวเหยียนปิดประตูหมุนตัวกลับมามองดู จึงเห็นหน้าตาของชายฉกรรจ์หน้าขาวผอมสูงผู้นั้นชัดเจน มือขวาชายฉกรรจ์ผู้นั้นถือกระบี่สั้น ยาวไม่ถึงสองฉื่อเล่มหนึ่งอยู่ โดยเก็บซ่อนคมกระบี่แวบวาบไว้ใต้แขน บนเข็มขัดหนังที่ไหล่ทั้งสองและเอวของมันยังเสียบกระบี่บินรูปแบบเดียวกันอีกห้าเล่มเอาไว้

    มันนำกระบี่มือขวาคืนสู่ฝักกระบี่ที่ไหล่ซ้ายแล้วคุกเข่าให้แขกผู้นั้น

    “ศิษย์ฝานจงสายพญางูกับสหายร่วมสำนักแปดคน ลงเขามาช่วยขอรับ”

    อินเสี่ยวเหยียนได้ยินก็ประหลาดใจอย่างมาก ชายฉกรรจ์ผู้นี้ดูเหมือนใหญ่โตกว่าแขกผู้นั้นประมาณหนึ่ง แต่กลับเป็นศิษย์ของแขกผู้นั้น

    ฝานจงกล่าวสืบต่ออีก “ศิษย์สืบพบแผนชั่วของศัตรูจึงสะกดรอยตามมาถึงที่นี่ มิทราบว่าเจ้าสำนัก…” มันหันหน้ามามองเห็นป้านน้ำชาบนโต๊ะก็รู้ว่าท่าไม่ดี

    อินเสี่ยวเหยียนมองดูแขกผู้นั้นอีกครั้ง มันยังคงนั่งตัวตรงอยู่ในความมืดมัว ไม่เอ่ยปากสักคำ

    “ฉวยโอกาสตอนศัตรูยังไม่มา ให้ศิษย์พาเจ้าสำนักหนีไปก่อน…” ฝานจงกล่าวถึงตรงนี้ พลันเหมือนถูกหยุดไว้เพราะกล่าวคำผิด มันยกมือตบหน้าตนเองสองที

    อินเสี่ยวเหยียนมองดูจนตะลึงงัน หรือว่าคนผู้นี้เป็นคนบ้า?

    นางไม่รู้ว่าเมื่อศิษย์อู่ตังอยู่ต่อหน้าเจ้าสำนัก คำว่าหนีคือคำต้องห้าม

    ในห้องเงียบสงัดเนิ่นนาน แขกผู้นั้นเอ่ยปากในที่สุด

    “ข้าอยู่ที่ซีอานไม่ไปไหน เดิมทีเพื่อรอคนของแต่ละสำนักรวมตัวกันค่อยเอาชนะพวกมันทีเดียว เพียงแต่คาดไม่ถึงว่าพวกมันกลับใช้อุบายพรรค์นี้…ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เทียบกับเสี่ยงอันตรายเผชิญหน้าศัตรูบนถนนแล้วหนี มิสู้อยู่ที่นี่จะดีกว่า” มันกล่าวพลางชี้แม่นางซูเฉียวที่นอนอยู่บนเตียง “อนึ่งข้ากำลังรอพวกมันนำยาถอนพิษมา”

    ฝานจงยืนขึ้น มิได้มากความอีก คำพูดของเจ้าสำนักสำหรับศิษย์อู่ตังห้ามมีคำถามเป็นอันขาด

    แขกผู้นั้นชี้พู่กันและหมึกที่วางอยู่บนโต๊ะ เดิมทีจะใช้แต่งกลอนให้แม่นางซูเฉียว

    “เสี่ยวเหยียน เจ้าเขียนหนังสือเป็นไหม”

    “แม่นางซูเฉียวเคยสอนข้า” นางตอบอย่างสงสัย “เพียงแต่อักษรที่ล้ำลึกเกินไปข้าเขียนไม่เป็น”

    “ตกลง”

    มือซ้ายของแขกผู้นั้นถอดชุดคลุมขาวที่ห่มอยู่บนไหล่ลงมา สลัดไปบนพื้นเบื้องหน้า

    “เจ้าเขียนอักษรไว้ด้านบนให้ข้า”

     

    โปรดติดตามตอนต่อไป…

    8 of 8หน้าถัดไป

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook