• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านนิยาย เพลงกลอนคลั่งยุทธ์ เล่ม 5 บทที่ 1

    จิงเลี่ยเดินไปหา แต่กลับมิได้ลงจากเวทีประลอง มันแค่ก้มตัวหยิบพู่กันมา พอร่างยืนตรงก็ตวัดแขน ขว้างพู่กันนั้นไปยังเสาที่แขวนสัญญารับรองเป็นตายข้างเวทีทันที

    พอจิงเลี่ยลงมือ จิงเจ้าก็เลิกคิ้วขึ้น

    เพลงหัตถ์นี้…คือเพลงขว้างเชือกโผที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะในสำนักหู่จุน! เหตุใดมันถึงใช้เป็น

    เผยซื่ออิง เจ้าสารเลวนั่น…สอนมันแม้แต่สิ่งนี้เชียวหรือ

    พู่กันลอยพุ่งไม่เอนเอียงตกลงตรงตำแหน่งว่างเปล่าด้านล่างของชื่อจิงเลี่ยบนสัญญารับรองเป็นตายนั้น ค่อยดีดกลับร่วงหล่นลง ทิ้งรอยประทับหมึกดำที่ทั้งเหมือนเปลวไฟทั้งเหมือนเกลียวคลื่นเอาไว้ ปลายหางยังป้ายไปทับชื่อของซือเย่าอู่ด้านข้างครึ่งหนึ่ง

    “ข้าลงนามแล้ว” จิงเลี่ยยิ้มพลางกล่าว สัญญารับรองเป็นตายนั้นห่างจากข้างเวทีไม่กี่ฉื่อ วิชานี้ความจริงไม่ยากเกินไป แต่ท่วงท่าที่มันขว้างพู่กันลงนามนั้นสง่างามยิ่งนัก ผู้คนต่างโห่ร้องอย่างตื่นเต้นอีกพักหนึ่ง

    ซือเย่าอู่ไม่เดือดดาลแต่กลับแย้มยิ้ม เดินเข้ามาใกล้ กล่าวกับจิงเลี่ยด้วยสุ้มเสียงแผ่วเบา “เจ้าทำอะไรผิดไปหรือไม่ ตอนนี้ทำเป็นเก่ง ประเดี๋ยวขณะลงเวทีอาจดูไม่งามนัก”

    จิงเลี่ยเพียงแย้มยิ้มให้มัน ไม่แสดงความเห็น ซือเย่าอู่คิดในใจ อีกพักหนึ่งเจ้าก็จะยิ้มไม่ออกแล้ว

    ยามนี้เผยซื่ออิงและพวกกัวฉงอี้ศิษย์ทั้งสามคนเพิ่งปรากฏตัวจากปากทางเข้าลานประลองยุทธ์ พวกมันพบกันที่ท่าเรือด้านโน้น เผยซื่ออิงวิ่งจนหอบหายใจแฮกๆ นำศิษย์กลับมาในค่ายพำนักของสำนักหู่จุน

    จิงเจ้าใช้สายตาดุดันจ้องมองศิษย์น้องครู่หนึ่งแต่ก็มิได้กล่าวคำ มันมองไปยังเวทีประลองอีกครั้ง

    “อย่ามัวชักช้าร่ำไร” ซือเย่าอู่บนเวทีกล่าว “รีบกลับลงเวทีไปสวมเกราะป้องกันให้ดี ข้าเตรียมพร้อมนานแล้ว เจ้ายังไม่เสร็จอีก”

    จิงเลี่ยยังคงหน้าระรื่น “ข้าไม่ต้องสวม วันนี้ข้ามาตีคน มิใช่ถูกคนตี” จิงเลี่ยกล่าวคำนี้เสียงดังมาก กลุ่มคนสี่สำนักใหญ่ตรงขบวนธงด้านโน้นทั้งหมดล้วนได้ยิน

    ซือเย่าอู่ตกตะลึง

    เด็กนี่…จะเอาจริงหรือ ซือชิ่งหลงเจ้าสำนักหลิงซานเดือดดาลขึ้นกว่าเดิม ถลึงมองไปยังจิงเจ้าที่อยู่ไกลๆ จากนั้นส่งสายตาให้หลานชายบนเวที ไม่ว่าเด็กคนนี้จะเอาจริงหรือไม่ ไม่ต้องยั้งมือ!

    เผยซื่ออิงและศิษย์สำนักหู่จุนกลุ่มหนึ่งล้วนร้อนใจอย่างมาก มองจิงเลี่ยบนเวที ใช้สีหน้าตักเตือนมันทันใดว่า อย่าทำบ้าๆ นะ!…เจ้าอยากถูกขับออกจากสำนักหู่จุนหรือ จิงเลี่ยกลับจงใจไม่มองมาด้านนี้สักแวบ เดินไปบนเส้นแบ่งเขตที่ใช้หมึกสีชาดทาเป็นเส้นนั้นบนเวทีประลอง

    ซือเย่าอู่เดิมทีคิดว่าเป็นการแสดงฉากหนึ่ง พอรู้ว่าจู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นการต่อสู้จริงกะทันหันจึงอดมิได้ที่จะเคร่งเครียดขึ้นมา หัวใจเต้นรัวตุบๆ แต่จะลงเวทีไปทั้งอย่างนี้มิได้ มันเองก็จำใจยืนอยู่หลังเส้นแบ่งเขตของตนเองด้านนั้น

    เถ้าแก่หลี่เห็นคนทั้งสองยืนนิ่งจึงชูมือบอกเป็นนัย มือกลองมุมเวทีตีอย่างแรงเสียงดัง

    เสียงกลองยังดังก้องไม่หยุด จิงเลี่ยวิ่งจ้ำอ้าวออกจากเส้นแบ่งเขต ยกดาบไม้ชิงฟันแสกหน้าซือเย่าอู่!

    จิงเจ้ามองเห็นก็ตกใจ จิงเลี่ยแม้รูปร่างผอมบาง แต่การวิ่งกระโดดออกดาบกระบวนนี้เป็นการประสานมือเท้าได้ดียิ่งนัก แรงของกระบวนท่าดาบหนักหน่วงช่ำชองอย่างยิ่ง แสดงแก่นแท้ของ ‘เพลงดาบลูกตุ้มบิน’ สำนักหู่จุนได้อย่างครบถ้วน!

    …มันเรียนเพียงสี่ปีมิใช่หรือ

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook