• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านนิยาย เพลงกลอนคลั่งยุทธ์ เล่ม 5 บทที่ 1

    แต่ถ้าหากคนไม่มาก็จะแพ้มิได้ อย่างมากเพียงแค่สละสิทธิ์เท่านั้น มิอาจเอาชนะศิษย์ของสำนักหู่จุนได้อย่างแท้จริงต่อหน้าผู้คน ความพ่ายแพ้ที่สำนักหลิงซานจ่ายไปก่อนหน้าไยมิใช่การให้เปล่า ซือชิ่งหลงจึงร้อนใจอย่างมาก

    ซือเย่าอู่บนเวทีเองก็เริ่มก้าวเดินอย่างไม่สบายใจแล้ว มันย่อมรู้ก่อนแล้วว่าวันนี้ตนเองคือตัวชูโรงแห่งชัยชนะของสำนัก คู่ต่อสู้เป็นเด็กชายที่เยาว์วัยกว่าตนเองสิบปีขึ้นไป ซ้ำยังลงสนามเป็นครั้งแรก ซือเย่าอู่ตัดสินใจก่อนแล้วว่าจะสู้อย่างเหี้ยมโหดประมาณหนึ่งให้ดูเหมือนชนะได้อย่างสบายๆ ทว่าตอนนี้เด็กเวรนั่นยังไม่ปรากฏตัวสักที มันยิ่งตัดสินใจว่าประเดี๋ยวจะใช้ดาบไม้อย่างไรโดยไม่ยั้งมือ

    จิงเจ้าแทบจะทุบขวดสุราให้แตกอีกหนึ่งขวด แต่ขวดนี้ยังเหลืออีกครึ่งหนึ่งที่ยังมิได้ดื่ม มันจึงอดทนไว้

    ครั้งนี้มันแหกกฎตัวเองให้จิงเลี่ยลงสนามต่อสู้ อีกทั้งยังเป็นความพ่ายแพ้ที่นัดหมายไว้แล้ว ก็เพื่อจะทดสอบว่าบุตรบุญธรรมคนนี้ซื่อสัตย์เชื่อฟังพอหรือไม่ หากว่าแสดงได้ดี จิงเจ้าก็จะพิจารณาสอนวรยุทธ์แท้จริงจำนวนหนึ่งให้มันอย่างเป็นทางการ อย่างไรตอนนี้คนของสำนักหู่จุนก็ไม่เพียงพอ มีศิษย์มีฝีมือเพิ่มมาอีกหนึ่งคน อีกทั้งเป็นคนแซ่จิง ก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องเลวร้าย ถึงอย่างไรจิงเลี่ยเรียนยุทธ์ช้าไปหลายปีเช่นนี้ ซ้ำยังอ่อนกว่าจิงเยวี่ยแปดปี คงมิอาจไล่ตามพี่ชายได้ทันอีก

    อย่างมากเวลาถ่ายทอดให้มันก็สงวนสุดยอดวิชาไว้หน่อยก็เพียงพอ…แต่เด็กชายผู้นี้กลับทำให้สำนักหู่จุนอับอายต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ จิงเจ้าจึงตัดสินใจทอดทิ้งบุตรบุญธรรมคนนี้ไปตลอดกาล

    “ไม่รอแล้ว” มันมองดูซ้ายขวา กวนเหวยเฉียงศิษย์ลำดับห้ายืนอยู่ใกล้ที่สุดพอดี “เหวยเฉียง เจ้าขึ้นไป” กวนเหวยเฉียงตะลึงงัน แต่รู้ว่าคำสั่งอาจารย์ยากฝ่าฝืน ศิษย์พี่ศิษย์น้องข้างกายเริ่มสวมเกราะหนังให้มัน

    แต่ขณะเพิ่งสวมเกราะอก ตรงปากทางเข้าของสนามประลองยุทธ์กลับมีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้น

    จิงเลี่ยยังคงเปลือยท่อนบน เสื้อพาดอยู่บนหัวไหล่ มือข้างหนึ่งถือดาบไม้ วิ่งกระโจนเท้าเปล่าบนพื้นทราย ผ่านปากทางเข้าโครงไม้ไผ่ที่ประดับดอกไม้กระดาษเต็มไปหมด บุกตรงเข้ามา

    ในที่สุดจิงเจ้าก็มองเห็นเด็กชายที่ทำให้มันกังวลอยู่นานแล้ว แต่มิเพียงไม่โล่งอก ซ้ำหน้าตากลับเดือดดาลยิ่งขึ้น แต่งกายเช่นนี้เหมือนวานรโดยแท้ เหมาะสมแล้วหรือ

    จิงเลี่ยมิได้มองบิดาบุญธรรม เพียงยิ้มน้อยๆ ให้เหล่าศิษย์พี่ ยกนิ้วหัวแม่มือบอกเป็นนัยว่าข้าไหว ฝ่าเท้าไม่หยุดสักขณะที่วิ่งไปยังเวทีประลอง กลุ่มผู้ชมด้านหน้าเปิดทางให้ผ่านไปพลางปรบมือให้มันไปพลาง

    จิงเลี่ยอาศัยแรงส่งจากท่าวิ่งยื่นมือจับขอบเวที กระโดดสองเท้าขึ้นเวทีประลองที่ความสูงไม่ต่างจากมันเท่าไรนั้น ผู้คนเห็นมันดูปราดเปรียวก็โห่ร้องยินดีอีกพักหนึ่ง มือกลองมุมเวทีเองก็คล้อยตามบรรยากาศเร่าร้อนนี้ ตีเป็นจังหวะเร่งถี่พักหนึ่ง

    ซือเย่าอู่ที่อยู่ตรงข้ามพาดดาบไม้ไว้บนเกราะไหล่ จ้องมองเด็กชายตรงหน้าเขม็ง มองเห็นจิงเลี่ยที่อ่อนกว่าตนเองสิบสามปี ร่างเตี้ยกว่าตนเองหนึ่งศีรษะ ลักษณะกลับทะนงเช่นนี้ ซือเย่าอู่ก็ยิ่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

    “จอมยุทธ์น้อยจิง! จอมยุทธ์น้อยจิง!” สุ้มเสียงหนึ่งร้องเรียกอยู่ระหว่างฝูงชนที่เสียงดังเซ็งแซ่

    จิงเลี่ยมองไปข้างเวที เห็นเป็นเถ้าแก่หลี่แห่งโรงจำนำ ‘เหิงทงยาเฮ่า’ ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเฉวียนโจว มันยุติธรรมกับผู้อื่นมาโดยตลอด เนื่องเพราะสิบกว่าปีมานี้ล้วนถูกเชื้อเชิญมาเป็นผู้รับรองการต่อสู้ประลองฝีมือในพื้นที่

    เถ้าแก่หลี่รูปร่างหาได้สูงใหญ่ไม่ ทำได้เพียงโผล่ออกมาครึ่งศีรษะอยู่ข้างเวที ซ้ำยังยื่นมือยกพู่กันด้ามใหญ่ขึ้นสูง

    “จอมยุทธ์น้อยจิง ท่านยังมิได้ลงนามในสัญญารับรองเป็นตายเลยนะ!”

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook