ทดลองอ่านนิยาย เพลงกลอนคลั่งยุทธ์ เล่ม 5 บทที่ 3

กระบวนท่านี้คือการเปลี่ยนจังหวะของ ‘ดาบหมุนวนลมวายุสะบั้นหญ้า’ ท่าที่แปดของ ‘ดาบแปดลักษณ์ราตรีโรมรัน’ ดัดแปลงใช้หัวไหล่ออกดาบแทนแขน ท่าของมันเร็วดุจวายุโหม คมดาบและเศษกำแพงดินโฉบขวางผ่านหน้าลำตัวกุ้ยตันเหลยไป!

กุ้ยตันเหลยยื่นมือซ้ายบังไว้เบื้องหน้าตนเพื่อป้องกันเศษหินที่ลอยมาตามท่าดาบซัดเข้าตา นี่คือการขัดขวางมันฉวยโอกาสคลุกวงในตีโต้หลังคมดาบอิ่นอิงชวนโฉบผ่าน

ตามิอาจมองเห็น แต่มันรู้สึกได้ว่าดาบที่สองมาอีกแล้ว

ร่างกายอิ่นอิงชวนหมุนจบครึ่งรอบ ชั่วขณะที่หลังหันหากุ้ยตันเหลย ขาซ้ายถีบเฉียงออกไปด้านหลังของตนเอง เป็น ‘ท่าเท้าปากว้า’ อันพิสดารที่ไม่เผยฝ่าเท้า พอเหยียบบนพื้น ศูนย์ถ่วงร่างกายก็เอียงตามไปข้างหน้าทันที เคลื่อนอยู่บนขาซ้าย ร่างท่อนบนหมุนอีกหนึ่งรอบตามท่าเท้าและแรงที่เหลือของการหมุนเมื่อครู่ สันดาบยังคงติดอยู่ที่ไหล่ขวา กระบวนท่าลมวายุสะบั้นหญ้าท่าเดิม ใช้มุมที่แทบจะมิได้แตกต่างแม้แต่น้อย ฟันกรีดขวางทำลายกำแพงอีกครั้ง!

กระบวนท่าดาบติดตัวหมุนวนของอิ่นอิงชวนราวกับร่างกายและดาบผสานกัน เปลี่ยนเป็นลูกข่างที่พกพาความเฉียบคม หมุนบีบต้อนกุ้ยตันเหลยไม่หยุด ไม่มีช่องโหว่ให้เข้าหยุดยั้งได้เลยสักนิด

ไม่มีช่องโหว่ นั่นก็เท่ากับ ‘ชนะแน่’

พวกติงจวิ้นฉีศิษย์สำนักปากว้าด้านหลังมันมองดูด้วยสีหน้าแช่มชื่น การประลองต่อหน้าพระพักตร์หลายเดือนก่อน สำนักปากว้าเสียชื่อเสียงครั้งใหญ่ ศึกกวนจงครานี้อาจารย์อาอิ่นออกโรงเองก็เพื่อทวงคืนชัยชนะจากอู่ตังหนึ่งสนามรบ

กุ้ยตันเหลยถอยอีกครั้ง อิ่นอิงชวนไหนเลยจะให้มันมีโอกาสหอบหายใจ ขาขวาก้าวต่อแล้วทำตามเช่นเดิม ลมวายุสะบั้นหญ้าครั้งที่สามหมุนตัวฟาดฟันจากขวาไปซ้าย อาศัยแรงหมุนของสองดาบแรก ดาบที่สามนี้จึงเร็วขึ้นอยู่บ้าง คมดาบนอกจากโฉบผ่านแล้วยังเข้าใกล้กุ้ยตันเหลยกว่าเดิมหนึ่งชุ่น!

อิ่นอิงชวนที่ขนาดหาได้สูงใหญ่ไม่ ซ้ำหน้าตาซูบผอมเหมือนวานร ถือดาบเดี่ยวใหญ่ยักษ์ที่สูงเกือบเท่าขนาดตัวมัน มองไกลๆ เหมือนเด็กถืออาวุธผู้ใหญ่อยู่เล็กน้อย เดิมทีดูน่าตลกขบขันอยู่บ้าง แต่เมื่อมองเห็นเพลงดาบเร็วแรงเช่นนี้ยังมีผู้ใดหัวเราะออกมาได้

อนึ่ง ใบหน้าซูบผอมนี้ของอิ่นอิงชวนเพียงแค่หลอกลวง หากว่าขณะนี้มันไม่สวมเสื้อผ้า กล้ามเนื้ออันแข็งแรงที่นูนขึ้นทั่วร่างขณะใช้ดาบยักษ์ต้องทำให้คนนอกที่ชมดูทั้งหมด ณ ที่แห่งนั้นปากอ้าตาโพลงเป็นแน่

กุ้ยตันเหลยถอยติดต่อกันสามครั้ง ยังไม่มีโอกาสโต้กลับสักกระบวนเดียว ไม่เข้ากับลักษณะนายด่านเฝ้าตรอกแคบลำพังเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง ลงสนามด้วยมาดเช่นนี้ พอประมือกลับตกอยู่ในสถานการณ์จนมุม นักสู้จำนวนมากต้องจิตใจกระวนกระวายเป็นแน่

แต่กุ้ยตันเหลยหาได้เป็นเช่นนั้น

นี่คือเงื่อนไขของการเป็น ‘ยอดฝีมือ’ ที่แท้จริง ครั้นการสัประยุทธ์เป็นตายเริ่มขึ้น หมายความว่าทั้งร่างกายและจิตใจล้วนมุ่งอยู่กับการชิงชัย ไม่มีเวลาว่างครุ่นคิดถึงหน้าตาและเกียรติยศแม้แต่น้อย

ขอเพียงเอาชนะศัตรูที่แข็งแกร่งได้ จะให้ข้าเป็นเหมือนหนอนคลานอยู่บนพื้นก็ไม่ขัด!

กุ้ยตันเหลยยังคงหลบหลีกทุกดาบอย่างใจเย็น ใช้สัมผัสจากหูตาและผิวหนังคำนวณอานุภาพและความเร็วของทุกดาบ วางแผนในใจอย่างเงียบๆ จุดเปลี่ยนในการทำลายกระบวนมักอยู่ในจังหวะและความคุ้นเคยของคู่ต่อสู้ ยิ่งมองดูคู่ต่อสู้ออกกระบวนท่ามากยิ่งจับจุดอ่อนที่อยู่นั้นได้อย่างแม่นยำ ความอดทนคือจุดสำคัญ