• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านนิยาย เพลงกลอนคลั่งยุทธ์ เล่ม 6 บทที่ 3

    มันรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง ฝานจงเคยบอกแล้วว่าขณะเจ้าสำนักอยู่บนเขาตั้งใจบัญชาคำสั่งนี้โดยเฉพาะ หากเป็นเพียงการให้เข้าพบทั่วไปก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเช่นนี้ นี่ต้องมีสาเหตุพิเศษเป็นแน่

    โหวอิงจื้อคิดไปคิดมา ก็นึกออกเพียงแค่ข้อเดียว…สำนักชิงเฉิง

    ดังคาด พอเจ้าสำนักเหยาเปิดปากก็ถามว่า

    “เจ้ารู้จักเด็กหนุ่มที่ชื่อว่าเยียนเหิงหรือไม่”

    ดวงตาโหวอิงจื้อเปล่งประกาย หัวใจและเลือดลมพลุ่งพล่าน

    เจ้าสำนักถามเช่นนี้เพราะเคยพบเยียนเหิงอย่างไร้ข้อสงสัยแม้แต่น้อย

    …เสี่ยวลิ่วยังมีชีวิตอยู่!

    ครั้นรู้ข่าวว่าสหายรักยังคงดำรงอยู่ โหวอิงจื้อเกิดอารมณ์ตื่นเต้นประเดี๋ยวหนึ่ง ทว่าก็กลับรู้สึกระทมทุกข์ประเดี๋ยวหนึ่ง

    …หากว่ามันรู้ว่าข้าสวามิภักดิ์สำนักอู่ตังแล้ว จะคิดอย่างไร

    เหยาเหลียนโจวยังคงรอคอยคำตอบของโหวอิงจื้ออยู่

    “พวกเรา…เติบโตมาด้วยกันและเข้าสำนักชิงเฉิงในปีเดียวกัน” โหวอิงจื้อตอบอย่างเคารพนอบน้อม

    ขนคิ้วของเหยาเหลียนโจวกระตุก “ขณะเยียนเหิงอยู่ที่เขาชิงเฉิง เป็นคนเช่นไร”

    มองเห็นสีหน้าอันเปี่ยมไปด้วยความสนใจของเหยาเหลียนโจว ซ้ำยังได้ยินมันถามเช่นนี้ ความห่วงหาอาทรที่มีต่อเยียนเหิงในใจโหวอิงจื้อสลายไปในฉับพลัน แทนที่ด้วยความริษยาและผิดหวังอย่างรุนแรง

    ในสำนักชิงเฉิงผู้ที่ได้รับการดูแลเอาใจใส่จากเหอจื้อเซิ่งและเลื่อนขั้นเป็นศิษย์สาวกสืบมรรคาอันดับแรกคือเสี่ยวลิ่ว มิใช่มัน มาถึงสำนักอู่ตังในยามนี้ ได้พบกับเจ้าสำนักเหยาครั้งแรก แต่ผู้ที่อยู่ในใจเจ้าสำนักกลับไม่ใช่มัน ยังคงเป็นเสี่ยวลิ่ว…

    …ข้าเทียบกับมันมิได้จริงหรือ

    โหวอิงจื้ออดกลั้นไว้ มิได้แสดงความไม่พอใจนี้บนใบหน้า

    “มันคือศิษย์สาวกสืบมรรคาที่เยาว์วัยที่สุดในประวัติศาสตร์ของสำนักชิงเฉิง” โหวอิงจื้อตอบตามความจริง มันรู้ดีว่าการพูดปดต่อหน้าบุรุษเช่นเหยาเหลียนโจวเป็นเรื่องที่โง่เขลาเพียงใด “ข้าคิดว่าหลักๆ เป็นเพราะศิษย์รุ่นนี้ของสำนักชิงเฉิงความสามารถธรรมดาเกินไป เหอจื้อเซิ่งจึงใจร้อนละเมิดกฎเลื่อนขั้นเยียนเหิงเช่นนี้ เพียงแต่มันคือมือกระบี่ที่มีพรสวรรค์คนหนึ่งจริงๆ นี่คือเรื่องที่ข้าเห็นเองกับตาในหลายปีมานี้”

    อันที่จริงในใจโหวอิงจื้อยังมีคำพูดประโยคหนึ่งที่มิได้เอ่ยปาก …พรสวรรค์ของข้าไม่ต่ำกว่าเสี่ยวลิ่วแน่นอน

    เหยาเหลียนโจวพยักหน้า “พูดต่อไป”

    “แต่มันนิสัยอ่อนแอเกินไป และหวั่นเกรงผู้อื่นจนเกินไป บางครั้งก็ถามคำถามที่ไม่ควรถามต่อนักสู้จำนวนหนึ่ง” โหวอิงจื้อกล่าว ดวงตาทอดมองไปที่ไกลนอกหน้าต่างของโถงอาราม หวนรำลึกถึงวันเวลาที่เที่ยวเล่นกับเสี่ยวลิ่วและเสี่ยวหลีในอดีต “ข้าจำได้ว่ามีครั้งหนึ่งมันถามข้าว่าเพราะเหตุใดพวกเราต้องฝึกยุทธ์ หลังแข็งแกร่งจะเป็นเช่นไร…เป็นคำถามโง่ๆ พรรค์นี้

    มันผู้นี้มักขาดความมั่นใจต่อตนเองเล็กน้อย ข้าคิดว่าหากมันพิชิตจุดอ่อนนี้ได้ สำนักชิงเฉิงก็จะไม่ถูกสำนักเราทำลายล้าง หากมันมีโอกาสอยู่ฝึกฝนที่เขาชิงเฉิงอีกไม่กี่ปีล่ะก็ ความสำเร็จต้องไม่น้อยเป็นแน่ น่าเสียดาย”

    “ข้าเพียงถามเจ้าว่ารู้อะไรเกี่ยวกับมันบ้าง มิได้ให้เจ้าเดาว่าอนาคตของมันจะเป็นอย่างไร” เหยาเหลียนโจวกล่าวเสียงเย็นชา

    โหวอิงจื้อถูกตำหนิเช่นนี้พลันใบหน้าซีดเผือดวูบหนึ่ง ในอกยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook