• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านนิยายสยบฟ้า พิชิตปฐพี เล่ม 15 ตอนที่ 3

    หนิงเชวียรับผ้าเปียกน้ำหมาดๆ ที่นางยื่นให้ไปเช็ดหน้าอย่างจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ผ้าเช็ดหน้านั้นเย็นเฉียบ พอถูเข้ากับหน้าอย่างแรง โหนกแก้มมันก็แดงก่ำ ยิ่งเมื่อตัดกับใบหน้าซีดขาวที่ไม่ถูกแดดมาเป็นเวลานาน คนก็มีสภาพคล้ายป่วยเรื้อรังมานานไปทันที

    มันฝืนยกตำราขึ้นอ่าน กระตุ้นจิตใจให้กระปรี้กระเปร่า แต่ก็พบว่าตัวเองคล้ายย้อนไปอยู่ในช่วงเวลาเดียวกับตอนขึ้นหอจิ้วซู กลายเป็นฟืนเปียกๆ ที่ใช้การไม่ได้ ไม่เพียงเท่านั้น ตัวอักษรบนกระดาษยังเริ่มลอยวนเวียนไปมาอยู่รอบศีรษะมัน ทำอย่างไรก็คว้าจับไม่ได้

    เมื่อสภาพจิตใจย่ำแย่ ประสิทธิภาพในการเรียนรู้ย่อมลดลง สุดท้ายมันต้องปิดตำรา เปลี่ยนเป็นหลับตาทบทวนสิ่งที่เรียนรู้มาในช่วงสองสามวันนี้แทน แต่สมองมันตอนนี้คล้ายเลอะเลือนยิ่ง เมื่อทบทวนถึงจุดที่ยากต่อการทำความเข้าใจ มันกลับจำคำอธิบายของศิษย์พี่อวี๋เหลียนที่ช่วยไขข้อข้องใจให้ไม่ได้แม้แต่เพียงคำเดียว

    อารามอึดอัดกลัดกลุ้ม มันจึงเผลอพูดสิ่งที่คิดอยู่ในใจออกมาโดยไม่รู้ตัว น้ำเสียงอ่อนล้าของมันฟังแทบไม่ได้ศัพท์ แต่คิดไม่ถึงว่าซังซังซึ่งนั่งเย็บพื้นรองเท้าอยู่ข้างๆ มันกลับฟังเข้าใจ ทั้งยังเอื้อนเอ่ยออกมาหนึ่งประโยค แน่นอนย่อมต้องเป็นคำอธิบายของศิษย์พี่อวี๋เหลียนเมื่อสองวันก่อน

    หนิงเชวียตะลึงลาน แล้วค่อยนึกขึ้นได้ว่าความจำของสาวใช้ตัวน้อยนั้นเป็นเลิศเหนือกว่าคนทั่วไป

    ซังซังเริ่มทวนคำอธิบายของอวี๋เหลียนกับเฉินผีผีให้มันฟัง ทว่าสภาพของหนิงเชวียในตอนนี้ย่ำแย่เกินไป ฟังได้เพียงครู่เดียวก็ทำมือให้นางหยุด

    มันโยนตำราทั้งสองเล่มลงข้างเบาะนั่งราวกับทิ้งขยะ ก่อนลุกขึ้นเดินบิดขี้เกียจอ้าปากหาวไปที่ปากถ้ำ มองออกไปยังโลกกว้างภายนอก

    ทิวทัศน์บนหน้าผาแห่งนี้นับว่างดงามเป็นหนึ่ง งามจนน่าแตกตื่นสะท้านใจ ทว่าแม้เส้นตัดของหน้าผาจะคมเหมือนดาบที่สามารถเชือดเฉือนหัวใจคน แต่ถึงอย่างไรก็มิใช่ดาบจริง มองไปมองมาก็ยังคงเป็นเพียงเส้นตรงธรรมดาๆ เส้นหนึ่ง ไม่มีความพิเศษอันใด

    ท้องฟ้าสีครามที่อยู่ห่างออกไปยิ่งแล้วไปใหญ่ ความงดงามที่น่าตื่นตาตื่นใจในตอนแรกบัดนี้กลับคล้ายภาพวาดที่จิตรกรไร้ชื่อละเลงไว้อย่างแข็งทื่อไร้ชีวิตชีวา ปุยเมฆและหมอกหนาที่ลอยละล่องอยู่ตรงริมผาก็เช่นเดียวกัน

    ขณะทอดสายตามองออกไป หนิงเชวียถึงกับเนื้อตัวเย็นเฉียบ นี่เพิ่งจะผ่านไปแค่สิบกว่าวัน อีกทั้งมันก็เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการฝึกฌาน มิได้เถลไถลชมทิวทัศน์สักเท่าใด ตอนนี้ยังรู้สึกเบื่อหน่ายกับภาพตรงหน้าแล้ว หากต้องถูกขังอยู่ที่นี่นานเป็นเดือนเป็นปี มันจะยืนหยัดทนต่อไปได้อย่างไร

    ระหว่างที่ยืนทอดอาลัยตายอยากอยู่ด้วยความเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยว บนทางขึ้นเขาด้านล่างก็มีเสียงเอะอะมะเทิ่งดังมาแต่ไกล พอเงี่ยหูฟังก็ได้ยินเสียงคล้ายคนกำลังทะเลาะกัน

    พริบตานั้น ทิวทัศน์บนหน้าผาที่แข็งทื่อไร้ชีวิตชีวามิทราบว่าเป็นเพราะเหตุใดก็ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวมีชีวิตชีวาขึ้นมาโดยพลัน งดงามตระการตาไม่น่าเบื่อหน่ายเหมือนเมื่อครู่นี้อีก

    ที่แท้ความเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวไม่เกี่ยวข้องอันใดกับทิวทัศน์ หากแต่ขึ้นอยู่กับจิตใจของผู้มองต่างหาก

    “โอย ทั้งปีนยาก ทั้งน่าหวาดเสียว! ผีผีเตือนแล้วเตือนอีกว่าพวกเราจะขึ้นมาไม่ไหว ข้าบอกแล้วแค่ตะโกนทักศิษย์น้องเล็กอยู่ตรงน้ำตกก็พอ แต่พวกเจ้ากลับพานจะปีนขึ้นมากันให้ได้!”

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook