• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านนิยายสยบฟ้า พิชิตปฐพี เล่ม 15 ตอนที่ 3

    ศิษย์พี่เก้าเป่ยกงเว่ยยางบ่นพลางวาดมือวาดเท้าไปมาอย่างอารมณ์เสีย ราวกับต้องการจะปัดให้คนในขบวนพลัดตกจากหน้าผาไป ลำขลุ่ยในมือพอถูกลมภูเขาพัดลอดเข้าไปในรู ก็ปรากฏเป็นเสียงเบาๆ คล้ายเสียงร่ำไห้ แล้วก็คล้ายเสียงหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อยของมัน

    ศิษย์พี่ห้ายกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก ปลดกระดานหมากบนหลังลงมาพลางกล่าวว่า

    “แต่สุดท้ายพวกเราก็ปีนขึ้นมาได้มิใช่หรือ”

    เป่ยกงเว่ยยางขยับเท้าออกห่างจากริมผามาสองก้าวอย่างระมัดระวัง ก่อนชะโงกหน้ามองลงไป แต่แล้วก็ต้องถอยกรูดอีกหลายก้าวพร้อมกับตบหน้าอกกล่าวอย่างหวาดเสียวว่า

    “ข้ากลัวว่าขากลับจะไม่มีความกล้าไต่ลงไปน่ะสิ”

    ที่แท้ศิษย์พี่เจ็ดคนพากันยกโขยงมาเยี่ยมมัน หนิงเชวียรู้สึกซาบซึ้งตื้นตันจนบอกไม่ถูก มันชะเง้อชะแง้รอด้วยความดีใจอยู่ที่ปากถ้ำ คิดไม่ถึงผ่านอึดใจหนึ่งแล้ว ศิษย์พี่ทั้งเจ็ดก็ยังเอาแต่ต่อปากต่อคำกัน มันสุดจะทนทานได้จึงต้องร้องตะโกนเตือนเสียงดังว่า

    “ศิษย์พี่ ข้าอยู่นี่!”

    บรรดาศิษย์พี่เหล่านี้ยามปกติจะเอาแต่หมกมุ่นทำในสิ่งที่ชอบ กอปรกับบนภูเขามีเนื้อที่กว้างใหญ่ จึงต่างแยกย้ายกันไปอยู่ตามที่ต่างๆ น้อยครั้งนักที่จะได้อยู่กันพร้อมหน้า แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกมันกลับไม่เคยเจื่อนจาง สำมะหาอะไรกับที่หนิงเชวียเข้าสำนักหลังสุด มีศักดิ์เป็นศิษย์น้องคนเล็กของทุกคน จึงย่อมได้รับน้ำใจและความห่วงหาอาทรจากพวกมันเป็นธรรมดา

    หนิงเชวียถูกขังอยู่ในถ้ำมาสิบกว่าวันแล้ว บรรดาศิษย์พี่กลัวว่ามันจะรู้สึกเหงา จึงชวนกันไปขออนุญาตจอมปราชญ์มาเยี่ยมเยียนมัน

    ทว่าพอเห็นใบหน้าซูบเซียวของหนิงเชวียเข้าจริงๆ พวกมันกลับมิรู้ว่าควรจะพูดอะไรดี เพราะการพูดปลอบขวัญให้กำลังใจไม่ใช่สิ่งที่พวกมันถนัด

    และแล้วสายตาทุกคู่ก็เลื่อนไปที่หวังฉือโดยพร้อมเพรียงกัน หวังฉือมีนิสัยชอบพูดจาราวกับตัวเองเป็นปราชญ์เมธี ที่สำคัญคือมันจัดอยู่ในลำดับที่สิบเอ็ด เป็นน้องเล็กสุดในบรรดาผู้ที่ขึ้นมา ดังนั้นภาระที่ยากลำบากนี้ย่อมต้องมอบให้แก่มัน

    หวังฉือเห็นศิษย์พี่ทั้งหลายมองมาก็ได้แต่ต้องฝืนปั้นรอยยิ้ม กล่าวกับหนิงเชวียด้วยน้ำเสียงเห็นอกเห็นใจว่า

    “ในเมื่ออาจารย์มิได้ห้ามพวกเราขึ้นมาเยี่ยมเจ้า เช่นนั้นพวกเราจะชวนกันขึ้นมาทุกวันดีหรือไม่ ต่อให้เจ้าต้องถูกกักตัวอยู่ในนี้ไปตลอดชีวิต ก็จะได้ไม่รู้สึกเงียบเหงา ดีเสียอีกจะได้ใช้โอกาสนี้สงบจิตสงบใจฝึกฝนเรียนรู้”

    หนิงเชวียฟังจบสีหน้าก็เขียวคล้ำทันที กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า

    “ศิษย์พี่สิบเอ็ด ข้ามิใช่บุปผากลางป่าเขาที่ได้แต่รับฟังไม่มีความรู้สึกเจ็บปวด ท่านพูดจาเป็นมงคลบ้างได้หรือไม่”

    ศิษย์พี่ห้ารีบหิ้วกระดานหมากล้อมเข้ามากั้นกลาง ยิ้มจนตาหยีก่อนนั่งลงตรงหน้าเส้นที่ขีดไว้ แล้วโยนกระปุกตัวหมากสีดำใส่อ้อมอกหนิงเชวีย

    “ที่แก้ความกลัดกลุ้มได้ก็มีเพียงหมากล้อมนี้เท่านั้น”

    หนิงเชวียถือกระปุกตัวหมากไว้ ถามอย่างเหน็ดเหนื่อยใจ

    “ตัวข้าข้ามเส้นออกไปไม่ได้ แล้วจะเล่นได้อย่างไร”

    ศิษย์พี่ห้าร้องอ้อ บอกให้หนิงเชวียโยนกระปุกกลับคืน แล้วกล่าวว่า

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook