“ข้าไปล่วงเกินส่านหลางตรงไหนกระนั้นหรือ” เผยเสวียนจิ้งยิ้มไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
ชุยเหมี่ยวพูดสนุกสนาน “แม่นางอย่าได้ใส่ใจ ส่านหลางผู้นี้ใจคอคับแคบยิ่งนัก คงเพราะประเมินแล้วว่าไม่อาจเก็บค่าเช่าอันใดจากแม่นางได้ ถึงได้แสดงทีท่าไม่พอใจเช่นนั้น”
ค่าเช่า? เผยเสวียนจิ้งไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย เดิมนางคิดว่าเรือนพำนักหลังนี้อยู่ทางด้านหลังของวัดเจิ้นกั๋ว คล้ายจะเป็นสถานที่สั่งสมกุศลผลบุญที่ทางวัดจัดเตรียมไว้เพื่อรองรับชาวบ้านที่ตกทุกข์ได้ยาก นึกไม่ถึงว่าจะมีการเก็บค่าเช่าด้วย
ฝนซาลงเล็กน้อย เส้นทางมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ส่วนหลังที่มืดสนิทเริ่มเผยให้เห็นแสงสว่างหรุบหรู่ ราวกับจะมองเห็นเงาของเจดีย์สีขาวหลังหนึ่ง เผยเสวียนจิ้งยิ่งนึกสงสัย ตกลงที่แห่งนี้เป็นสถานที่อะไรกันแน่
ชุยเหมี่ยวเหมือนจะมองออกถึงความคิดของนาง จึงพูดไม่ใส่ใจ “ข้าเล่าที่มาที่ไปของสถานที่แห่งนี้ให้แม่นางฟังสักเล็กน้อยก็แล้วกัน”
ที่แท้เรือนพำนักแห่งนี้ก็สร้างขึ้นตามความต้องการของคนที่ชื่อจย่าชาง จย่าชางเดิมเป็นคนเลี้ยงไก่ในวังหลวง ตอนนั้นองค์จักรพรรดิเสวียนจงทรงโปรดการตีไก่เป็นอันมาก จย่าชางเพราะเชี่ยวชาญในการฝึกไก่จึงเป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิเป็นอย่างยิ่ง ตอนเกิดกบฏอันสื่อ* เมืองฉางอันแตก จย่าชางสูญเสียลาภยศสรรเสริญหมดสิ้น บ้านแตกสาแหรกขาด หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ครั้นเขามองเห็นเรื่องราวทางโลกได้ทะลุปรุโปร่ง จย่าชางก็ตัดสินใจมุ่งหน้าเข้าสู่ทางธรรม หลบหนีกลับเข้ามาพำนักอาศัยอยู่ในวัดภายในเมืองฉางอัน
รัชศกเจี้ยนจงปีที่สาม ครั้นพระอวิ้นผิง พระเถระที่จย่าชางติดตามรับใช้เนิ่นนานหลายปีมรณภาพลง จย่าชางก็ตัดสินใจสร้างเจดีย์หลิงกู่ไว้ที่นอกวัดเจิ้นกั๋ว เพื่อบรรจุอัฐิธาตุของพระอวิ้นผิง พร้อมปลูกต้นสนไว้รอบๆ ขณะเดียวกันก็สร้างบ้านพักเล็กๆ ไว้ที่ทางด้านล่างของเจดีย์ ไว้ใช้เป็นที่พักอาศัยของตนเองอีกหลัง เหมือนตอนอยู่ปรนนิบัติรับใช้ผู้เป็นอาจารย์เมื่อครั้งท่านยังมีชีวิตอยู่ ตอนองค์จักรพรรดิซุ่นจงยังพำนักอยู่ที่วังตะวันออก พระองค์ทรงเคยบริจาคราชทรัพย์เป็นเงินสามสิบหมื่นตำลึงให้กับจย่าชาง อีกทั้งยังทรงสร้างรูปสักการะของพระอวิ้นผิงกับห้องอ่านพระคัมภีร์ห้องถือศีลขึ้นมาใหม่ให้กับเขา รวมถึงศาลานอกเรือนให้ชาวบ้านที่ต้องพเนจรร่อนเร่ได้ใช้เป็นที่พักอาศัย และนี่ก็คือที่มาของเรือนพำนักหลังนี้
จักรพรรดิซุ่นจง? เผยเสวียนจิ้งแอบครุ่นคิดในใจ เช่นนั้นก็พระบิดาของจักรพรรดิองค์ปัจจุบันสินะ
เมื่อสิบปีก่อนในปีแรกของรัชศกหย่งเจิน จักรพรรดิซุ่นจงทรงขึ้นครองราชย์พร้อมพระอาการประชวร หลังจากขึ้นครองราชย์ได้เพียงสองร้อยวันก็สละราชบัลลังก์ให้กับจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน ก่อนจะสิ้นพระชนม์ลงในปีถัดมาอันเป็นรัชศกหยวนเหอที่หนึ่งเดือนหนึ่ง พระชนมายุในยามนั้นเพียงสี่สิบหกพรรษาเท่านั้น นับเป็นจักรพรรดิถังที่มีพระชนมายุน้อยที่สุดพระองค์หนึ่ง ตลอดระยะเวลาสิบปี เรื่องการมอบราชสมบัติ การสิ้นพระชนม์ของอดีตจักรพรรดิพระองค์นี้ล้วนต่างถูกพูดถึงกันไปต่างๆ นานา จักรพรรดิองค์ปัจจุบันแม้จะมิทรงโปรดเรื่องดังกล่าว แต่ก็ไม่อาจปิดปากพวกชาวบ้านได้
นึกไม่ถึง เรือนพำนักซอมซ่อหลังนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับจักรพรรดิต้าถังหลายพระองค์เยี่ยงนี้
“เรือนพำนักหลังนี้ถูกสร้างขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมก็น่าจะสักช่วงรัชศกเจินหยวนปีที่สิบ ห่างจากตอนนี้ไปสักประมาณยี่สิบห้าปีเห็นจะได้” ชุยเหมี่ยวพูดต่อ “เรื่องเก็บค่าเช่าพวกชาวบ้านที่เข้ามาพำนักอาศัยนั้น ว่ากันว่าก็องค์จักรพรรดิซุ่นจงนั่นแหละที่เป็นคนออกกฎ ไม่ว่าผู้ใดเข้ามาพำนักอาศัยอยู่ที่นี่ หากครบสามวันแล้วยังจะอยู่ต่อทุกคนล้วนต้องจ่ายค่าเช่าด้วยกันทั้งสิ้น ส่วนพวกเด็กคนแก่คนป่วยที่ไม่มีปัญญาชำระค่าเช่าก็ให้จดบันทึกไว้ก่อน วันหน้าค่อยไปทวงเอากับญาติมิตรของพวกเขาอีกที”
* วันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 755 ถึง วันที่ 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 763 เกิดสงครามภายในแผ่นดินต้าถังนำโดยอันลู่ซานและสื่อซือหมิงเพื่อแย่งชิงอำนาจปกครองจากจักรพรรดิถังเสวียนจง ทำให้ต่อมาผู้ครองหัวเมืองต่างๆ ประกาศตั้งตนแยกอำนาจเป็นของตัวเองด้วยเช่นกัน เรียกเหตุการณ์นี้ตามสกุลของผู้นำการเคลื่อนไหวว่า ‘กบฏอันสื่อ’