• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน รหัสลับหลันถิงซวี่ ตอนที่ 4

    (7)

     

    เมื่อคืนวาน เผยเสวียนจิ้งเองก็มองเห็นปรากฏการณ์แปลกประหลาดบนท้องฟ้า

    นางชอบศาสตร์นอกลู่นอกทางสารพัดชนิดมาตั้งแต่ยังเล็ก เพื่อบ่มเพาะความสามารถในการสืบคดีของนาง เผยเซิงผู้เป็นบิดาจึงไม่เพียงไม่ห้ามปราม หากแต่ยังคิดหาหนทางรวบรวมหนังสือหนังหากับศาสตร์ต่างๆ เหล่านั้นให้นางอีกด้วย และด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าเรื่องอะไรเผยเสวียนจิ้งก็ล้วนพอมีความรู้อยู่บ้าง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการสังเกตดูปรากฏการณ์บนท้องฟ้า

    เมื่อคืนอากาศร้อนอบอ้าวยากข่มตาหลับ เผยเสวียนจิ้งลุกขึ้นมาตอนยามสอง* ครั้นมองออกไปนอกหน้าต่างนางก็พบว่ายามนั้นดวงดาวที่ดูประหนึ่งเม็ดมุกแผ่นหยกดารดาษอยู่ทั่วผืนนภา นางแอบครุ่นคิดผิดหวัง จากนี้ไปอีกครึ่งเดือนคงยากที่จะมีโอกาสได้แสดงความยินดีต้อนรับสายฝนแล้ว อากาศร้อนอบอ้าวเช่นนี้ไม่รู้ว่าจะทุเลาเบาบางลงได้เมื่อใด

    หลังจากนั้นเผยเสวียนจิ้งก็มองเห็นปรากฏการณ์ ‘ดาวหางพุ่งสู่ไท่เวย ปลายหางถึงดาวเซวียนหยวน’

    ใจนางขมวดตึงขึ้นมาทันที นิมิตอัปมงคล โอรสสวรรค์กำลังจะพบเจอเภทภัย

    แน่นอนว่าเผยเสวียนจิ้งย่อมเข้าใจ แผ่นดินและความปลอดภัยขององค์จักรพรรดิมิใช่เรื่องที่สตรีนางหนึ่งนางใดจะต้องมานั่งวิตกกังวล แต่รังที่พลิกตกมีหรือไข่จะไม่แตกสิ้น หากใต้หล้าเกิดจลาจลขึ้นจริง ใครเล่าจะหลบหลีกได้พ้น

    เผยเสวียนจิ้งแหงนมองท้องฟ้า ในใจอดรู้สึกไม่ได้ว่าตนเองช่างเล็กยิ่งนัก หนำซ้ำยังโดดเดี่ยวลำพัง นางรู้ ในเวลาเช่นนี้มีเพียงได้อยู่ข้างกายบุรุษอันเป็นที่รักเท่านั้น ตนเองถึงจะไม่รู้สึกหวาดหวั่น

    เป็นตายพบพราก สาบานต่อเจ้า กุมมือเจ้าไว้ เฒ่าชราคู่เคียง

    นางมาฉางอันพร้อมกับจุดมุ่งหมายเรียบง่ายเช่นนี้เพียงประการเดียวเท่านั้น แต่ในเวลานี้ นางควรทำเช่นไรต่อดี

    เผยเสวียนจิ้งพลิกตัวกระสับกระส่าย จวบจนฟ้าเริ่มสางนางถึงได้ผล็อยหลับไป กว่าจะตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตะวันสูงเกินท่อนไผ่สามแล้ว

    ใจนางให้นึกหงุดหงิด…ตายล่ะ สายแล้ว!

    เผยเสวียนจิ้งรีบลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตา อาหลิงยิ้มพูด “คุณหนูไม่ต้องรีบร้อน วันนี้นายท่านลาหยุดไม่ได้ไปร่วมประชุมราชกิจ และเพิ่งตื่นได้ไม่นานเช่นกัน คุณหนูไม่ต้องเร่งรีบก็ได้ แต่งตัวเรียบร้อยออกไปทักทายนายท่านก็น่าจะสมควรแก่เวลาพอดี”

    อาหลิงอายุยังน้อย พูดจาซื่อๆ ไร้เดียงสา แม้จะเพิ่งมารับใช้เผยเสวียนจิ้งได้เพียงสองวัน แต่ก็สนิทสนมกับนางยิ่งนัก เผยตู้มีบุตรชายสี่คน ต่างเติบโตเป็นผู้ใหญ่สิ้น ทุกคนล้วนรับราชการเป็นขุนนางประจำท้องถิ่น เดินทางออกจากเมืองหลวงไปกันเมื่อหลายปีก่อน ดังนั้นในคฤหาสน์จึงปราศจากนายน้อย ดูท่าสาวใช้ตัวน้อยอย่างอาหลิงอยู่ที่นี่คงรู้สึกเหงาหงอยยิ่งนัก

    เผยเสวียนจิ้งถาม “เช่นนั้นหวังอี้เล่า เขาอยู่ในคฤหาสน์หรือไม่”

    “หวังอี้ออกไปเชิญท่านหมอมาดูอาการนายท่านแต่เช้าแล้ว” พอพูดถึงหวังอี้ อาหลิงก็หน้าตาบูดบึ้ง

    “อาการบาดเจ็บที่ขาของท่านอาดีขึ้นบ้างหรือยัง”

    อาหลิงจีบปากส่ายหน้า เผยเสวียนจิ้งจึงถามเย้า “หวังอี้ดุแต่กับเจ้า หรือยังดุกับคนอื่นด้วย”

    “เขาน่ะเหรอ วางท่าเย็นชากับทุกคนนั่นล่ะ หยิ่งเสียยิ่งกว่านายท่าน หนำซ้ำเขายังดุข้ามากเป็นพิเศษด้วย!”

    * ชาวจีนสมัยโบราณแบ่งเวลาตอนกลางคืนออกเป็น 5 ยาม นิยมเรียกขานต่างจากช่วงยามปกติ โดยยามหนึ่งหรือยามซวี เริ่มต้นที่เวลา 19.00 น. ถึง 21.00 น. ยามสองหรือยามไฮ่ หมายถึงเวลา 21.00 น. ถึง 23.00 น.

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook