• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน รหัสลับหลันถิงซวี่ ตอนที่ 5

    เผยเสวียนจิ้งครุ่นคิดจนลืมโลกแห่งความเป็นจริงภายในห้องหนังสือไปสิ้น กว่าจะกลับมาได้สติอีกครั้ง นางก็ได้ยินอู่หยวนเหิงกำลังกล่าวคำอำลาเผยตู้อยู่

    เผยเสวียนจิ้งร้อนรน วันนี้กว่าจะสร้างความประทับใจให้กับอัครเสนาบดีก็มิใช่ง่าย จะปล่อยให้อีกฝ่ายจากไปเช่นนี้กระนั้นหรือ เป้าหมายของนางยังไม่ทันได้บรรลุตามที่ต้องการเลย

    แต่ว่า…ยังจะมีเหตุผลใดรั้งตัวอู่หยวนเหิงไว้ได้อีก

    นางหลุดปากพูดออกไป “ใต้เท้าอู่ เสวียนจิ้งมีเรื่องใคร่ขอร้องเรื่องหนึ่ง”

    เผยตู้ขมวดคิ้ว ยิ่งนานเขาก็ยิ่งทายความคิดอ่านของหลานสาวผู้นี้ไม่ออก อู่หยวนเหิงกลับมีน้ำอดน้ำทน เขายิ้มรอให้เผยเสวียนจิ้งพูดต่อ

    “เสวียนจิ้งอยาก…” ขณะกำลังร้อนรน จู่ๆ เผยเสวียนจิ้งก็นึกอะไรขึ้นได้บางอย่าง “เสวียนจิ้งใคร่ขออักษรจากใต้เท้าอู่”

    “อักษร?”เรื่องนอกเหนือความคาดหมายอีกแล้ว อู่หยวนเหิงคิด ที่วันนี้ต้องมาพูดคุยกันมากมายเรื่องอักษรศิลป์ ล้วนเพราะฝ่าบาทเป็นต้นเหตุโดยแท้ “อักษรอันใดกระนั้นหรือ”

    เผยเสวียนจิ้งบังคับตนเองให้สงบนิ่ง นางพูด “เสวียนจิ้งชื่นชอบบทกวีบทหนึ่ง คิดอยากหาคนช่วยเขียนให้นานแล้ว วันนี้ได้พบใต้เท้าอู่ ผู้น้อยรู้ว่าบนโลกนี้ใต้เท้าคือผู้ที่เหมาะสมที่สุดที่จะเขียนกวีบทนี้ ดังนั้นจึงกล้าล่วงเกินเอ่ยปากขออักษรจากใต้เท้า”

    อู่หยวนเหิงแม้จะมีชื่อเรื่องบทกวีอยู่ไม่น้อยก็จริง แต่ถึงเช่นนั้นเขาก็นึกไม่ถึงว่าเผยเสวียนจิ้งจะขอให้เขาเขียนบทกวีให้จึงเอ่ยปากถามออกไป “กวีบทใด”

    “เป็นบุรุษไฉนจึงไม่จับดาบ ออกกำราบหัวเมืองคืนสู่แคว้น หอหลิงเยียนเชิญชื่อท่านประดับแขวน…แม้นบัณฑิตยากได้ครองยอดศักดินา” นางพยายามท่องบทกวีดังกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นคง แต่ครั้นมาถึงช่วงสุดท้าย ใจของนางกลับเหมือนดั่งถูกคลื่นถาโถมซัดสาด น้ำเสียงของนางกลับสั่นระริกจนฟังไม่ถนัด

    “เสวียนจิ้ง!” เผยตู้ปรามตนเองไม่อยู่เผลอร้องตะโกนออกมา “เจ้าทำเช่นนี้…”

    ในเวลานี้เขานึกเสียใจที่เรียกเผยเสวียนจิ้งมาร่วมต้อนรับแขก แต่ทุกอย่างเหมือนจะสายเกินการ เพราะอู่หยวนเหิงหลุดปากตวาดเสียงดังลั่นออกมาก่อนแล้ว “หลี่เฮ่อ!”

    อู่หยวนเหิงย่อมต้องรู้ บทกวีเร้าใจผู้คนบทนี้เป็นฝีมือของนักกวีที่มีนามว่าหลี่เฮ่อ ชื่อรองคือฉางจี๋ นับแต่อายุยังน้อยชื่อเสียงด้านบทกวีของเขาก็เป็นที่เลื่องลือไปทั่ว บทกวีของเขาจัดว่าลึกซึ้งงดงาม และเพราะมักเขียนกลอนเกี่ยวกับผีสางเทวดา ดังนั้นผู้คนจึงให้สมญาเขาว่า ‘ปีศาจแห่งกวี’ หลี่เฮ่อแม้จะเป็นบัณฑิตอ่อนแอ แต่ใจเขากลับเปี่ยมล้นไปด้วยปณิธานหวังแทนคุณแผ่นดิน เพียงบทกวีสั้นๆ บทนี้ก็แสดงให้เห็นถึงปณิธานแกล้วกล้ามุ่งมั่นสะเทือนฟ้าสะเทือนแผ่นดินของเขาได้แล้ว

    หานอวี้ชื่นชมความสามารถด้านบทกวีของหลี่เฮ่อเป็นอันมาก เคยแนะนำเขาให้เหล่าขุนนางผู้เป็นสหาย แต่น่าเสียดายที่ด้วยเพราะสาเหตุบางอย่างทำให้หลี่เฮ่อไม่อาจเข้าร่วมสอบเคอจวี่* ได้ สุดท้ายจึงได้เพียงแต่ทำงานเป็นขุนนางดูแลพิธีการสามปี เมื่อปณิธานยากจะเป็นจริง สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจอำลาจากชีวิตราชการ สำหรับอู่หยวนเหิงแล้ว เขาเองก็นึกชื่นชมความสามารถด้านบทกวีของหลี่เฮ่อเช่นกัน และก็รู้สึกเห็นใจในชะตากรรมของอีกฝ่ายด้วย แต่นึกไม่ถึงว่าวันนี้จู่ๆ เผยเสวียนจิ้งจะพูดถึงคนผู้นี้ขึ้นมา

    *เคอจวี่ คือระบบการสอบขุนนางในสมัยโบราณของจีน ในสมัยราชวงศ์ถังแบ่งออกเป็นสองส่วน คือสอบแบบวาระประจำ และการสอบแบบจัดขึ้นพิเศษ การสอบแบบวาระประจำจะสอบเป็นรอบเลื่อนขึ้นทีละขั้น รอบแรกเป็นระดับสถานศึกษาของท้องถิ่น เรียกการสอบเซิงถู ซึ่งแบ่งย่อยออกเป็นระดับซิ่วไฉ หมิงจิง จิ้นซื่อ หมิงฝ่า หมิงซู และหมิงซ่วน หลังจากนั้นจึงร่วมสอบในระดับจังหวัดหรือเมือง เรียกการสอบเซียงก้ง หากสอบผ่านจะได้เป็นจวี่เหริน และผู้ที่ได้อันดับหนึ่งเรียกว่าเจี้ยหยวน แล้วจึงสามารถเข้ามาสอบระดับมณฑลเพื่อขึ้นเป็นยอดบัณฑิตจิ้นซื่อ (จิ้นซื่อจี๋ตี้) ได้บรรจุเข้ารับราชการ ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดเป็นจ้วงหยวน (จอหงวน) รองลงมาแบ่งเป็นบัณฑิตชั้นเอก (จย่าตี้) บัณฑิตชั้นโท (อี่ตี้) ส่วนการสอบเคอจวี่แบบจัดขึ้นพิเศษ จะเป็นการจัดสอบตามความประสงค์ขององค์จักรพรรดิเป็นกรณีพิเศษจึงมีกำหนดสอบไม่แน่นอน

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook