ตอนอู่หยวนเหิงได้พบเจอกับกวีหญิงเซวียเทาเป็นครั้งแรกที่เมืองฝูหรง* พวกเขาทั้งสองต่างอยู่ในวัยกลางคนแล้วด้วยกันทั้งคู่ ดังนั้นถึงแม้พวกเขาจะมีใจให้กันและกัน แต่การแสดงออกกลับถูกเก็บงำซ่อนไว้ในจิตใจ สำหรับอู่หยวนเหิงที่องอาจผ่าเผยยึดถือคุณธรรมเป็นที่ตั้งแล้ว การที่เขายอมเขียนบทกวี ‘แด่ผู้ถือพรต’ ชื่นชมความงามของเซวียเทาอย่างโจ่งแจ้งเช่นนั้น นับว่าอารมณ์ยามนั้นพลุ่งพล่านถึงขีดสุดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ส่วนบทกวีที่เซวียเทาเขียนตอบกลับให้เขาก็ยิ่งโศกาอาดูรไม่สิ้น…บนยอดหญ้าฝั่งธาราพราวน้ำค้าง เดือนอ้างว้างแลทิวเขาต่างครามเขียว ใครว่ามิตรพันหลี่เริ่มคืนนี้เทียว ฝันเพียงเสี้ยวยังห่างร้างดั่งด่านไกล
พวกเขาล้วนเป็นพวกรักตนเองยิ่งชีพ หนำซ้ำยังต่างผ่านอะไรต่อมิอะไรมามาก บทสรุปของความรักครั้งนี้จึงเป็นได้เพียงความรักที่แตกดับไปเสียเฉยๆ แต่ถึงอย่างนั้นอู่หยวนเหิงก็ไม่เคยลืมเซวียเทา ลึกลงไปภายในใจเขายังมีที่ว่างเหลือไว้ให้นางอยู่ที่หนึ่ง หนำซ้ำระยะนี้ ยิ่งเขาอยู่ในฐานะใต้คนเพียงผู้เดียว เหนือคนอีกนับหมื่นนานเท่าใด เขาก็ยิ่งเห็นเกียรติยศชื่อเสียงทางโลกเป็นแค่เพียงหมอกควันที่ลอยผ่านตาไปมากขึ้นทุกที เฝ้าหวนระลึกถึงความรักความรู้สึกที่เขามีต่อเซวียเทาไม่รู้สิ้น
แต่หญิงสาวตรงหน้าที่ชื่อเผยเสวียนจิ้งผู้นี้ไฉนถึงคาดเดาโลกภายในใจของเขาได้ หรือว่าที่วันนี้นางออกมาพบแขกด้วยอาภรณ์เรียบง่ายเช่นนี้เป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญเรื่องหนึ่งเท่านั้น
เผยตู้นึกอยู่ในใจ ดูท่าหลานสาวของเขาคงยังกลัดกลุ้มเรื่องงานหมั้นหมายที่ถูกยกเลิกไปอยู่กระมัง วันนี้เขาให้เผยเสวียนจิ้งมาพบอู่หยวนเหิง เดิมหวังจะให้นางยอมโผล่หน้าออกมาพบเจอผู้คนบ้าง หากทำให้อัครเสนาบดีประทับใจได้ ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจยอมช่วยหาคู่ครองที่น่าพึงพอใจให้
ดังนั้นเผยตู้จึงเอ่ยปากอธิบายต่ออู่หยวนเหิง “หลังจากท่านพี่ของผู้น้อยลาจากโลกนี้ไป เสวียนจิ้งก็เข้าอารามไว้ทุกข์สามปี ก่อนเดินทางมาเมืองหลวงในครั้งนี้ นางเพิ่งจะออกทุกข์” ความหมายของเขาก็คือด้วยเพราะเผยเสวียนจิ้งเคยชินกับการแต่งตัวเรียบง่ายไปแล้ว ดังนั้นกะทันหันจึงปรับตัวไม่ทัน
อู่หยวนเหิงเข้าใจ เขาพูดกับเผยตู้ “เดิมคิดว่าวันนี้ที่จะได้พบคือ ‘นักสืบหญิงเทวดา’ นึกไม่ถึงว่านางจะยังเป็นนักพรตหญิงอีกด้วยนับว่าน่ายินดียิ่งนัก” พูดจบผู้อาวุโสทั้งสองก็หันมายิ้มให้แก่กัน
ใจของเผยเสวียนจิ้งเต้นระส่ำจนแทบกระดอนหลุดออกจากปาก นางตระหนักได้ว่าตนเหมือนจะชนะพนันรอบแรกแล้ว
เรื่องที่อู่หยวนเหิงถูกยกย่องให้เป็น ‘บุรุษรูปงามอันดับหนึ่งแห่งต้าถัง’ เป็นเรื่องที่ผ่านมาเนิ่นนานหลายปีแล้ว เรื่องราวและเหตุการณ์ที่รายล้อมอยู่รอบๆ ตัวเขาจนกลายเป็นคำลือคำเล่าอ้างมากมายนั้น เรื่องไหนจริง เรื่องไหนเท็จ เกรงว่าคงมีเพียงใต้เท้าอู่เท่านั้นที่รู้ดีที่สุด แต่สำหรับเผยเสวียนจิ้งแล้ว เรื่องที่พอมีเค้าลางให้พอนำมาขบคิดและมีน้ำหนักที่สุดเห็นจะไม่พ้นเรื่องของอู่หยวนเหิงกับแม่ชีเซวียเทา ดังนั้นนางจึงตัดสินใจเลือกที่จะปรากฏตัวในอาภรณ์สุภาพงดงามแบบนักพรตหญิง เพื่อลดระยะห่างระหว่างตนเองกับอู่หยวนเหิง อาศัยความประทับใจแรกเรียกร้องความเห็นอกเห็นใจจากอีกฝ่าย
ความลับนี้เผยตู้มารู้เอาก็ในภายหลัง ต่างกับอู่หยวนเหิงที่รับรู้ได้ตั้งแต่แรก ชั่วชีวิตของเขา บรรดาอิสตรีที่เขาพบพานล้วนใช้สารพัดวิธีเพื่อตีสนิทเขา จนไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้เขาตื่นเต้นหวั่นไหวได้อีก แต่วิธีการของเผยเสวียนจิ้งทั้งฉลาดทั้งแลดูเป็นธรรมชาติ ทำให้ใต้เท้าอู่ไม่รู้สึกอึดอัดลำบากใจ หนำซ้ำท่าทางกระวนกระวายชัดแจ้งของนางก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกนึกสนใจในวัตถุประสงค์ของการแต่งตัวเช่นนี้ของนาง
*เมืองฝูหรง เป็นอีกชื่อหนึ่งของเมืองเฉิงตูในมณฑลซื่อชวน (เสฉวน) เนื่องจากเป็นเมืองที่มีดอกฝูหรงอยู่มาก แต่ในภาษาจีนฝูหรงมีสองความหมาย แปลว่าดอกพุดตานหรือดอกบัวก็ได้ ปัจจุบันคนจะนึกถึงดอกพุดตานมากกว่า