• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านนิยาย เพลงกลอนคลั่งยุทธ์ บทที่ 3 และบทที่ 4

    แต่โหวอิงจื้อใช้เพลงกระบี่เมฆาวารีได้ค่อนข้างชำนาญ เยียนเหิงเองก็เข้าใจในเพลงกระบี่นี้ แต่ตัวมันใช้ได้ไม่เท่าโหวอิงจื้อ

    มันทั้งสองทุกวี่วันล้วนฝึกแต่กระบี่ เยียนเหิงเห็นโหวอิงจื้อใช้เพลงกระบี่นี้ได้ดีกว่าตนเองก็รู้สึกว่าจิตใจร้อนรนขึ้นมา จิตแสวงชัยของมือกระบี่ซึ่งฝึกปรือมาหกปีเดือดพล่านในทันที มันจับกระบี่ไม้ขึ้นมา หมายประลองกระบี่กับโหวอิงจื้อ

    หาคาดคิดว่าโหวอิงจื้อในชั่วขณะนี้ ทั่วร่างจากอ่อนสู่แข็ง และแล้วประกายกระบี่ในมือก็ระเบิดออก!

    ที่แท้เป็นท่าดาวไล่เดือน

    ในสายตาคนทั่วไป ท่อนแขนของโหวอิงจื้อก็เหมือนหน้าไม้ที่ขึงลวดเหล็กเอาไว้ ยิงกระบี่เหล็กนั่นออกมา ปลายกระบี่กลมมนมิได้ลับคมแทงเข้าไปในต้นไม้ลึกห้าชุ่นอย่างรุนแรง แรงกระบี่เจาะทะลวง เศษไม้ลอยละล่อง

    เยียนเหิงมองดูท่าดาวไล่เดือนนี้ของโหวอิงจื้ออยู่ด้านข้าง ลอบนำมันกับท่าเดียวกันของตนมาเปรียบเทียบอย่างเลี่ยงมิได้ เยียนเหิงเชื่อมั่นในตนเอง ในกระบวนท่าเดียวกัน ตนเองแทงได้รวดเร็วและแข็งขันกว่าโหวอิงจื้อ กระบี่เหล็กต้องทะลุเข้าไปลึกเกินกว่าห้าชุ่นเป็นแน่ เศษไม้ที่กะเทาะออกมาจากแรงกระบี่ก็คงน้อยกว่า แต่มองจากอีกมุมหนึ่ง ท่วงท่าเปลี่ยนแปรกระบี่เมฆาวารีจากรับเป็นรุกของโหวอิงจื้อทั้งรวดเร็วทั้งไหลรื่นมิติดขัด ทำให้ศัตรูยิ่งเตรียมป้องกันยากขึ้น คนหนึ่งมุ่งเน้นรวดเร็วรุนแรง คนหนึ่งจดจ่อทักษะ แม้ว่าเป็นศิษย์สำนักชิงเฉิงเหมือนกัน แต่รูปแบบเพลงกระบี่ของคนทั้งสองกลับมีความแตกต่างกันเล็กน้อย

    หากว่าตัดสินกันอย่างจริงจัง เชิงกระบี่ของคนทั้งสองทัดเทียมกันเหลือเกินจริงๆ เส้นแบ่งแพ้ชนะขึ้นอยู่แค่เพียงสภาพร่างกายและจิตใจของพวกมันในขณะนั้น พัฒนาการและความสำเร็จนับจากนี้ไปก็ต้องดูว่าใครจะสามารถกลบจุดด้อยชูจุดเด่นของตัวเองได้สุดยอดกว่ากัน

    โหวอิงจื้อดึงกระบี่เหล็กออกจากต้นไม้ เงยหน้าหายใจออกหนึ่งเฮือก คล้ายปลดปล่อยความไม่สบายใจหลายวันทั้งหมดออกมา

    “ข้าบอกว่าข้าไม่ยินดี แต่ย่อมมิใช่โกรธเคืองเจ้า” โหวอิงจื้อกล่าว “ครั้งนี้แพ้ให้เจ้า ข้าจะเห็นมันเป็นความล้มเหลวที่สวรรค์ประทานให้ข้าอีกครั้งหนึ่ง บีบให้ข้าแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ข้าจะไม่แพ้ให้เจ้านานเกินไปนัก อย่างมากหนึ่งปี ชื่อของข้าก็จะแขวนอยู่ในโถงกุยหยวน”

    มันกุมมือเยียนเหิง กล่าวอีก “อนาคตข้ากับเจ้าสหายรักคู่นี้อาจสามารถกลายเป็นขื่อคานค้ำยันสำนักชิงเฉิง เจ้าว่านี่มิใช่เรื่องที่วิเศษยิ่งหรือ”

    เยียนเหิงเลื่อมใสปณิธานของสหายรักอย่างยิ่ง ตบมือของโหวอิงจื้อเบาๆ ด้วยความซาบซึ้ง

    “ข้าหาได้คิดมากดังเจ้าเช่นนี้ไม่” เยียนเหิงกล่าวพลางมองซ่งหลีที่ยืนตรงอยู่ข้างเนินเขา เงาร่างอรชรแผ่กลิ่นอายอย่างเด็กสาวเยาว์วัยออกมา

    มันมองดูบนพื้นที่ว่าง ศิษย์น้องเหล่านั้นกำลังพากเพียรฝึกกระบี่ตามคำชี้แนะของมัน

    จากนั้นนึกขึ้นได้ถึงภาพของอาจารย์เหอจื้อเซิ่งที่ลูบศีรษะมันเสมือนบิดา

    ทั้งหมดล้วนสวยงามเช่นนี้…

    “ข้าคิดเพียง…” เยียนเหิงกล่าว “ต่อไปยังสามารถอยู่ที่เขาชิงเฉิง นั่นก็เพียงพอแล้ว”

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook