• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านนิยาย เพลงกลอนคลั่งยุทธ์ เล่ม 6 บทที่ 2

    หน้าที่แล้ว1 of 10

    บทที่ 2 ผู้พิชิต

     

    แสงแดดอบอุ่นสีเหลืองทองส่องเข้ามาจากช่องหน้าต่าง ทะลุผ่านเศษธุลีที่ลอยล่องนับไม่ถ้วน สะท้อนเข้าดวงตาที่พกพารอยสักอักขระทั้งสองนั้นของเยี่ยเฉินยวน

    มือซ้ายของมันถือม้วนตำราโบราณ นั่งขัดสมาธิอยู่เพียงลำพังบนพื้นของห้องอันเงียบสงบ ร่างกายนิ่งสงบดุจรูปสลัก แม้แต่ผมยาวสีขาวเทาเองก็ไม่ปลิวไสวแม้แต่น้อย มันก้มศีรษะเล็กน้อย อ่านตัวอักษรโบราณสีดำทุกแถวบนหน้าหนังสืออย่างละเอียด

     

    ‘ผู้ฟันทวน ย่อตัวเป็นสำคัญ หัวทวนยกไม่เกินห้าชุ่นแล้วลง มือหลังกระทุ้งออกโจมตีมือผู้ถือหอก ลวงยกขึ้นก่อน ฝ่ายตรงข้ามเคลื่อนลง ข้าเคลื่อนจากขวาบนลงซ้ายแล้วจับมัน ผู้ถือหอก เลื้อยสะบัดซ้ายขวา ร่างข้าถอยเล็กน้อย ฟันซ้ายขวาตามมัน รอหยุดสะบัดกระหน่ำทิ่มจุดสำคัญมัน ผู้ถือหอก โจมตีซ้ายขวามัน พัวพันต่อทันที เป็นวิธีเข้าพิชิตทวนสะบัด’

     

    เยี่ยเฉินยวนยื่นมือพลิกเปิดหน้าถัดไปเป็นระยะ แล้วกลับสู่ท่วงท่าประหนึ่งนั่งสมาธิทันที เป็นเช่นนี้เนิ่นนาน ในที่สุดเมื่ออ่านหน้าสุดท้ายจบ มือทั้งสองจึงปิดตำรานั้นเบาๆ หลับตาพ่นลมหนึ่งเฮือก

    บนหน้าปกของหนังสือมีอักษรตัวใหญ่เก่าแก่ เขียนไว้ว่า ‘บันทึกฝึกฝนเพลงทวนท่อนแขนยักษ์เอ๋อเหมย’

    ตำราสำนักเอ๋อเหมยเล่มนี้เยี่ยเฉินยวนอ่านจบเป็นรอบที่สี่แล้ว บนพื้นข้างกายของมันยังกองสุมไว้ด้วยตำราโบราณที่คล้ายคลึงกันหลายสิบเล่ม เกือบทั้งหมดมันล้วนเคยอ่านอย่างละเอียด มีเพียงเนื้อหาจำนวนหนึ่งที่ผิวเผินเกินไป หรือเป็นรายชื่อแบ่งตามลำดับที่มีเคล็ดวิชาแต่ไร้กระบวนท่า หลังมันเปิดอ่านเล็กน้อยอีกรอบก็วางไว้ที่มุมหนึ่ง

    เยี่ยเฉินยวนวางบันทึกฝึกฝนเพลงทวนท่อนแขนยักษ์เล่มนั้นลงแล้วยืนขึ้น เดินไปมองทอดตรงหน้าต่างของห้อง

    สถานที่แห่งนี้คือ ‘หอเถี่ยเฟิง’ หอตำราชั้นสูงสุดที่เคยเป็นฐานมั่นของสำนักเอ๋อเหมยแต่กาลก่อน…ตอนนี้กลับกลายเป็นสำนักอู่ตังอาศรมเอ๋อเหมยไปแล้ว ตั้งอยู่ตรงตีนเขาฝูหู่ของเขาเอ๋อเหมย นอกหน้าต่างคือสำนักฌาณหู่ซีอันมีชื่อเสียง ครั้นมองไปเห็นต้นไม้เก่าแก่สูงเสียดฟ้าไม่รู้ตั้งเท่าใด ส่องประกายเขียวขจีภายใต้ดวงอาทิตย์

    นับตั้งแต่สยบสำนักเอ๋อเหมย ไม่ทันไรก็ผ่านมาครึ่งปีแล้ว

    ก่อนหน้าสำนักอู่ตังออกเดินทางไกลทั่วทิศ หลังยึดครองและควบรวมสำนักอื่นก็มิได้รั้งรอ แค่เปลี่ยนทำลายป้ายสำนักก็สิ้นเรื่องแล้ว อาศรมส่วนน้อยที่พอมีกำลังสามารถดูแลตนเองก็ทิ้งไว้เพียงศิษย์ชั้นสูงสายพลอีกาสองสามคนเพื่อจัดการเรื่องราวต่างๆ

    แต่เอ๋อเหมยคือหนึ่งในเก้าสำนักใหญ่ที่ถูกอู่ตังยึดครองเป็นอันดับแรก ย่อมไม่เหมือนสำนักทั่วไป เยี่ยเฉินยวนและทัพเดินทางไกลซื่อชวนประจำการอยู่ที่หอเถี่ยเฟิงมาโดยตลอด ภารกิจสำคัญที่สุดคือควบคุมศิษย์อาจารย์ทั่วทั้งสำนักเอ๋อเหมยเดิม หยุดยั้งไม่ให้เกิดความคิดทรยศ และเผยแพร่ข่าวสำนักเอ๋อเหมยยอมจำนนแล้วออกไปสู่ภายนอกในช่วงเวลานี้เพื่อตัดทางหนีของพวกมัน

    สำนักเอ๋อเหมยอย่างไรก็หยั่งรากลึกนานหลายร้อยปี ศิษย์ที่ออกจากขุนเขาในแถบเฉิงตูไปจนถึงมณฑลซื่อชวนมีจำนวนมาก โดยเฉพาะศิษย์เอ๋อเหมยที่ชำนาญการใช้พลองทวนซึ่งสอดคล้องกับการสงครามและมีตำแหน่งทางทหารนั้นมีจำนวนไม่น้อย สายสัมพันธ์และอิทธิพลมิอาจดูแคลน หากยอมให้พวกมันรวมตัวกันก็อาจรับมือไม่ง่าย วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือกระจายข่าวเรื่องสำนักเอ๋อเหมยยอมจำนนออกไปให้มากขึ้น ทำลายเกียรติยศของสำนักมัน ทำให้พวกมันละทิ้งสถานะความเป็นศิษย์

    หน้าที่แล้ว1 of 10

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook