ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน หอดับจิต บทที่ 2
…
“ทำไมถึงมาช้าได้ขนาดนี้ เป็นตำรวจภาษาอะไร บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าหัวหน้าพวกคุณเป็นใคร”
ผู้กำกับซ่งหัวเราะ “ผมนี่แหละครับ ชื่อซ่งเทา เป็นคนคุมทีมนี้ พวกเรามาเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วครับ ตอนนี้เป็นเวลาเข้างาน รถเลยติดหนักมาก ไม่อย่างนั้นเราคงใช้เวลาแค่สิบนาทีก็มาถึง ครั้งนี้ถือว่ามาถึงเร็วนะครับ คุณเป็นเจ้าของที่นี่ใช่ไหม ไม่ทราบว่าชื่ออะไรหรือ”
เจ้าของอพาร์ตเมนต์เอ่ยอย่างหงุดหงิด “ช่างเถอะๆ ไม่ต้องสนแล้วว่าจะเรียกฉันว่ายังไง ฉันแซ่หลิว พวกคุณรีบขึ้นไปดูเถอะ ฉันล่ะหัวใจจะวาย”
พูดไม่ทันจบประโยคเธอก็เดินฝ่าผู้คนเข้าไปในตัวอาคาร ส่วนคนอื่นที่อยากรู้เหตุการณ์ก็พากันเดินตามเข้ามาด้านใน แต่ก็ถูกผู้กำกับซ่งห้ามไว้เสียก่อน และไม่ลืมสั่งให้เจ้าหน้าที่คนอื่นช่วยกันไม่ให้คนนอกเข้ามาอีกด้วย ทว่าตอนที่เดินผ่านกลุ่มคนที่ยืนมุงกันอยู่ตรงหน้าอาคาร ผมกลับไม่เห็นวี่แววของสองสามีภรรยาที่อาศัยอยู่ที่ห้อง 306 หรือว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับพวกเขา ถ้านับคนที่เดินขึ้นไปบนตึกพร้อมกันก็มีสี่คนรวมตัวผมด้วย ตอนนี้ผมยังไม่ทราบว่าสถานที่เกิดเหตุเป็นอย่างไรบ้าง มีคนขึ้นไปเยอะอาจไม่ช่วยอะไร มิหนำซ้ำอาจเป็นการทำลายหลักฐานในที่เกิดเหตุด้วย
พอถึงชั้นสาม เนื่องจากปลายทางเดินของทั้งสองด้านมีเพียงหน้าต่างบานเล็กฝั่งละหนึ่งบานเท่านั้นทำให้ทางเดินหน้าห้องมืดกว่าปกติเพราะแสงอาทิตย์เข้าไม่ถึง ผู้กำกับซ่งมองไปรอบๆ และพยายามควานหาสวิตช์เพื่อเปิดไฟ แต่มันกลับไม่ทำงาน ดูเหมือนว่าเจ้าของอพาร์ตเมนต์จะยังไม่ได้ซ่อมมัน ถึงแม้ว่าจำนวนคนจะไม่เยอะ แต่เนื่องจากทางเดินค่อนข้างแคบทำให้แสงที่ส่องเข้ามาจากทางหน้าต่างถูกคนบังจนเกือบมิด ยิ่งทำให้บริเวณทางเดินมืดลงกว่าเดิม ภาพมืดๆ ตรงหน้าห้อง 303 เป็นศพที่นอนแน่นิ่งอยู่ เท้าของศพชี้มาทางผม กางเกงที่เขาใส่เป็นกางเกงนอนสีแดงหลวมๆ บนหน้าอกของศพมีบางอย่างรูปทรงกลมวางอยู่ อาจเป็นเพราะรอบข้างค่อนข้างมืดจึงทำให้ผมมองออกแต่ว่าสิ่งสิ่งนั้นเป็นสีดำ ไม่ทันจะวิเคราะห์อะไรมากผมและเพื่อนตำรวจก็เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น แต่ในทางกลับกันเจ้าของอพาร์ตเมนต์กลับชะลอฝีก้าวให้ช้าลงก่อนจะหยุดเดิน พวกเราทั้งสามคนยืนล้อมศพไว้ทำให้รอบๆ ศพมืดกว่าเดิม แต่ถึงแม้จะยืนใกล้แค่ไหนผมก็ยังเห็นสภาพของศพไม่ชัดอยู่ดี จึงตัดสินใจชะโงกเข้าไปดูศพใกล้ๆ ทันใดนั้นเองใครบางคนก็ผลักผมจากด้านหลังทำให้ผมเซไปข้างหน้าจนแทบจะชนเข้ากับศพ ตอนนี้หน้าผมใกล้กับศพมากจนเห็นรายละเอียดอย่างชัดเจน
พระเจ้า ที่แท้สิ่งที่อยู่บนหน้าอกศพก็คือศีรษะคนนี่เอง ส่วนลำคอขึ้นไปว่างเปล่า
แน่นอนว่าการได้อยู่ใกล้ศพขนาดนี้ทำให้ผมสังเกตเห็นว่าศีรษะของศพตรงหน้านั้นแตกต่างจากปกติ มันเป็นเพียงกะโหลกศีรษะที่ไม่มีแม้แต่หนังหรือเนื้อหลงเหลือให้เห็น ทางเดินที่มืดมิดทำให้เงาในรูกะโหลกศีรษะวูบไหวราวกับมันกำลังขยับ ความอยากรู้ของผมชนะความกลัวที่มีอยู่ จึงขยับตัวเข้าไปใกล้ขึ้น แล้วผมก็เห็นแมลงสาบตัวหนึ่งกำลังปีนป่ายอยู่บนส่วนของเบ้าตา
สภาพศพตรงหน้าทำให้ผมรู้สึกขยะแขยงและพะอืดพะอมเป็นที่สุด แม้ว่าผมจะรับตำแหน่งตำรวจมาแล้วปีกว่า แต่คดีในวันนี้นับเป็นคดีที่น่ากลัวที่สุดก็ว่าได้ กระทั่งผู้กำกับซ่งก็ยังตกใจกับภาพตรงหน้า พวกเราทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบสักพักก่อนที่ผู้กำกับซ่งจะหันไปถามเจ้าของอพาร์ตเมนต์ที่หลบอยู่ด้านหลัง “คุณรู้จักผู้ตายรายนี้ไหม ไม่ทราบว่าเขาเป็นผู้เช่าห้องของคุณหรือเปล่า”
“เหลือแต่หัวกะโหลกแบบนี้ใครจะไปดูออกล่ะ” น้ำเสียงของเจ้าของอพาร์ตเมนต์ฟังดูไม่ค่อยสบอารมณ์นัก แต่ดูจากท่าทางของอีกฝ่ายแล้วผมรู้สึกว่าเธอไม่ค่อยกลัวศพนี้เท่าที่ควร
“ไม่ทราบว่าชั้นสามมีผู้พักอาศัยอยู่กี่ห้องครับ พวกเขาทั้งหมดยังอยู่ที่นี่หรือเปล่า” ผู้กำกับซ่งถามต่อ
“ก็มีทั้งหมดสี่ห้อง วัยรุ่นสองคนที่อยู่ห้อง 301 เป็นแฟนกัน ตอนนี้รออยู่ข้างล่าง ส่วนคนที่อยู่ห้อง 306 เนี่ยเป็นเพื่อนของฉันเอง เธออยู่กับแฟนที่นี่ ตอนนี้ก็ยังอยู่กันในห้อง ส่วนผู้ชายห้อง 304 ฉันไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่ ไปเคาะที่ห้องทีไรก็ไม่เคยเห็นมีใครออกมา คนที่พบศพเป็นเจ้าเด็กห้อง 303 เออใช่ เขาก็รู้จักเจ้าเด็กนั่น” พอเจ้าของอพาร์ตเมนต์พูดจบก็ชี้มาทางผม
ผู้กำกับซ่งหันมามองผมแล้วพยักหน้าก่อนพูดกับเจ้าของอพาร์ตเมนต์ “งั้นคงต้องรบกวนคุณหน่อยแล้วล่ะครับ ยังมีข้อมูลอีกมากที่ทางเราต้องการสอบถามเพิ่มเติม ยังไงเดี๋ยวให้เขาคนนี้รับผิดชอบ และหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากคุณนะครับ” ผู้กำกับซ่งชี้มาทางผม
เจ้าของอพาร์ตเมนต์ไม่มีท่าทางขัดขืนอะไร แต่บอกว่าพูดคุยกันบนทางเดินตรงนี้ไม่ค่อยจะเข้าท่านักเพราะสภาพศพทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยดี เธอจึงพาพวกผมลงไปที่ออฟฟิศที่ชั้นหนึ่งเพื่อให้ปากคำ ก่อนที่พวกเราทั้งหมดจะลงจากอาคาร ผมเห็นผู้หญิงร่างอ้วนจากห้อง 306 และสามีของเธอเดินออกมา ส่วนห้อง 304 จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีใครออกมาจากห้องนั้นเลย มันทำให้ผมนึกถึงคนที่ผมชนตรงบันไดในคืนนั้น คนคนนั้นอาจจะเป็นเจ้าของห้อง 304 ก็เป็นได้
…