หน้ารถม้าแขวนม่านสีเขียวไว้ เสียงของหลวงจีนชรารูปนั้นดังผ่านม่านเข้ามา หนิงเชวียฟังอย่างเงียบงัน ก้มหน้าเตรียมพร้อม แต่ก็ต้องชะงักไปวูบหนึ่ง
เพราะจากคำพูดของหลวงจีนชรามันฟังออกว่าคนทั้งโลกตามหาตนกับซังซังมานานมากแล้ว แต่ตนกับซังซังไม่ใช่เพิ่งหนีออกมาจากวัดลั่นเคอหรอกหรือ เหตุใดจึงสะเทือนไปถึงคนทั้งโลกได้
หลวงจีนชรายกมือขวาขึ้นช้าๆ ประนมมือข้างเดียวไว้ตรงหน้าอก คิดถึงความเป็นไปได้ข้อหนึ่ง ความเวทนาในดวงตาก็ยิ่งทวีขึ้น กล่าวอย่างทอดถอนใจว่า
“ดูท่าศิษย์พี่ฉีซานเป็นคนส่งพวกเจ้ามาที่นี่จริงๆ แล้วกระดานหมากเล่า”
“ถ้าพวกเราคืนกระดานหมากให้ ท่านจะยอมปล่อยพวกเราไปไหม”
หนิงเชวียมองม่านเขียวที่อยู่เบื้องหน้า น้ำเสียงแม้ไร้อารมณ์ แต่ใบหน้ากลับขาวซีดอย่างฉับพลัน ร่างกายเริ่มสั่นอย่างรุนแรง เส้นด้ายบนชุดสถานศึกษาสีดำที่ฉีกขาดยิ่งถี่ยิบขึ้น
ซังซังรู้ว่ามันบาดเจ็บ แม้กังวลใจ แต่กลับต้องเม้มปากแน่น ไม่ส่งเสียง ซุกตัวอยู่ตรงมุมหนึ่งในรถ จากนั้นเอาผ้าห่มมาปิดตัว
หลวงจีนชราถอนใจกล่าวว่า
“เซียนเซิงสิบสามเป็นผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้สมคำเล่าลือจริงๆ เข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงมรรคาแห่งการฆ่า ไม่ลืมที่จะก่อกวนใจอาตมา แต่ว่า…”
กล่าวถึงตรงนี้ก็หยุดชะงัก หลวงจีนชราสีหน้าเคร่งขรึมอย่างฉับพลัน สัมผัสได้ถึงเจตนารมณ์แห่งยันต์ที่เกรี้ยวกราดสองสายที่ไม่รู้ว่ามาถึงเบื้องหน้าตนตั้งแต่เมื่อใด จากนั้นก็เริ่มฉีกกระชากลมฤดูสารทที่หนาวเหน็บ!
ในประทุนรถม้า ผ้าห่มที่ปิดตัวซังซังอยู่ปรากฏรูเล็กๆ ขึ้นมากมาย หากพิจารณาอย่างละเอียดจะเห็นว่าแต่ละรูเกิดจากรอยขาดสองรอยที่ใกล้กันมาก ใยฝ้ายกระจุยกระจายออกมาจากรู
หนิงเชวียใบหน้าซีดเผือด สั่นไปทั้งตัว นิ้วมือวาดไปบนอากาศที่เบื้องหน้าอย่างเชื่องช้าและกินแรง ราวกับว่าที่ปลายนิ้วมีภูเขาลูกใหญ่ที่หนักมากติดอยู่ ชุดสถานศึกษาสีดำถูกเจตนารมณ์ยันต์ที่เอ่อล้นออกมาฉีกขาดไปหลายแถบ ม่านรถม้าเองก็ฉีกขาดเป็นสามชิ้น ปลิวร่วงลงช้าๆ
หลวงจีนชราสีหน้าเคร่งขรึม นั่งขัดสมาธิ มือข้างเดียวที่ประนมอยู่ที่หน้าอกพลิกไปด้านข้างเล็กน้อย ปราณพุทธะที่บริสุทธิ์และยืดยาวสายหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน เป็นเสมือนเกราะแห่งแสงปกป้องร่างกาย
ในรถม้าสีดำไกลออกไปหลายสิบจั้ง หนิงเชวียหดนิ้วกลับ เอาลูกธนูขึ้นพาดสาย นิ้วชี้กับนิ้วกลางง้างสายบิดเล็กน้อยแล้วปล่อยออก เสียงฟุบเบาๆ หางลูกธนูเหล็กกรีดอากาศจนเกิดเป็นเส้นสายสีขาว จากนั้นหายวับไปในพริบตา
บนผ้าม่านสีเขียวที่กำลังปลิวร่วงลงปรากฏรอยดำสนิท เศษผ้าที่อยู่ตรงรอยค่อยๆ ฉีกขาดแล้วกระจายออกเหมือนกลีบดอกไม้ เผยให้เห็นรูธนูที่กลมอย่างที่สุด
ม่านสีเขียวยังร่วงหล่นอยู่ รูธนูกำลังเป็นรูปเป็นร่าง จากนั้นเพียงชั่วพริบตา เสียงม่านรถฉีกขาด เงาร่างของหนิงเชวียกระชากม่านรถ กระโดดลงจากรถม้าราวสายฟ้าแลบ พุ่งไปทางหลวงจีนชราที่อยู่ไกลออกไปหลายสิบจั้งอย่างรวดเร็ว
เจตนารมณ์ยันต์ที่รุนแรงสองสายนั้นย่อมเป็นยันต์รูปเอ้อร์ของหนิงเชวีย นี่คือยันต์เทวะที่ร้ายกาจที่สุดของมัน ในวัดลั่นเคอ ต่อให้ชีเนี่ยนและเยี่ยซูก็ยังไม่สามารถทำลายได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ทว่าหลวงจีนบำเพ็ญทุกรกิริยารูปนี้ไม่รู้เป็นเทพเซียนมาจากไหน กลับสามารถใช้ปราณพุทธะต้านทานไว้ได้ชั่วขณะ
แต่แม้ว่าเป็นเช่นนี้ ภายใต้อานุภาพตัดเฉือนที่น่ากลัวของยันต์รูปเอ้อร์ ร่างกายที่เต็มไปด้วยฝุ่นละอองและกรวดทรายของหลวงจีนชราก็ถึงกับต้องลงนั่งขัดสมาธิเร่งเร้าใช้พลังจิต ใช้ปราณพุทธะต้านทาน เท่ากับถูกยันต์รูปเอ้อร์พันธนาการไว้
ในสภาพเช่นนี้ หลวงจีนชราจะหลบปฐมธนูสิบสามดอกอันทรงพลังได้อย่างไร
หลวงจีนชรารู้ดีว่าตนไม่สามารถหลบลูกธนูเหล็กของหนิงเชวีย ตอนที่สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของพลังปฐมแห่งฟ้าดินในรถม้า มันก็เตรียมตัวรับมือไว้ล่วงหน้าแล้ว
ฝ่ามือซ้ายที่วางสงบมาโดยตลอดบนเข่าของหลวงจีนชราจู่ๆ พลันเปล่งแสงสีทอง ดูไปเหมือนฝ่ามือแห่งพุทธะที่ทำขึ้นจากทองคำบริสุทธิ์
หลวงจีนชรายกฝ่ามือทองคำขึ้นมาในชั่วอึดใจ ดูเหมือนเชื่องช้าแต่แท้จริงฉับไวยิ่ง ป้องกันบริเวณหน้าอก และในตอนนั้นเอง ลูกธนูเหล็กพุ่งมาถึงแล้ว!