ทดลองอ่าน
ทดลองอ่านนิยายสยบฟ้าพิชิตปฐพี 24_1
“ต่อให้วันนี้พวกเราฆ่าคนเป็นพันเป็นหมื่นแล้วกลับถึงสถานศึกษาได้ จากนั้นจะทำอย่างไร ถ้าแคว้นทั้งหลายบุกโจมตีต้าถังจะทำอย่างไร ถ้าชาวเมืองฉางอันก็เป็นเหมือนชาวเมืองเฉาหยาง พากันไปสถานศึกษาบีบให้อาจารย์ส่งตัวซังซังออกมาจะทำอย่างไร หรือว่าพวกเรายังจะฆ่าพวกมันให้หมดสิ้น?”
ศิษย์พี่ใหญ่ชะงักไป มันไม่เคยคิดถึงปัญหาพวกนี้เลย หรือจะพูดว่ามันไม่อยากคิดก็ได้
หนิงเชวียมองใบหน้าที่แสดงอารมณ์ต่างๆ กันไปของผู้คนเหล่านั้น นึกถึงใบหน้าของคนที่ตายใต้คมดาบของตนก่อนหน้านี้ แล้วมันก็มองเห็นเด็กคนนั้นที่ปาก้อนหินใส่ซังซังที่ยังร้องไห้อยู่ในฝูงชน
“ศิษย์พี่ท่านเคยต่อยตีหรือไม่” มันพลันถามขึ้น
ศิษย์พี่ใหญ่ส่ายหน้า
หนิงเชวียมองมัน ยิ้มแล้วถามว่า
“แล้วศิษย์พี่ท่านเคยฆ่าคนหรือไม่”
ศิษย์พี่ใหญ่ส่ายหน้าต่อไป
หนิงเชวียยังคงยิ้มเพราะในที่สุดมันก็ตัดสินใจได้เด็ดขาดแล้วจึงรู้สึกผ่อนคลายไปทั้งตัว รอยยิ้มก็ยิ่งสดใส
“คำถามสองข้อนี้เมื่อก่อนข้าเคยถามผีผี ศิษย์พี่สิบสองอย่างน้อยก็เคยต่อยตี ข้อนี้มันยังเหนือกว่าท่าน…พูดแล้วก็นึกขึ้นได้ ศิษย์พี่ ผีผีตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง”
ศิษย์พี่ใหญ่ตอบว่า
“ผีผีกลับอารามไปแล้ว”
หนิงเชวียถอนใจกล่าวว่า
“ในที่สุดก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ดูท่าความรักต้องการความกล้าหาญจริงๆ”
ศิษย์พี่ใหญ่ไม่เข้าใจว่าทำไมหนิงเชวียจึงพูดเรื่องพวกนี้จึงรู้สึกไม่สบายใจอยู่ลึกๆ
หนิงเชวียมองศิษย์พี่ใหญ่แล้วกล่าวว่า
“ศิษย์พี่ ข้าก็มีความกล้า”
มันกล่าวต่อว่า
“ตั้งแต่เด็กข้าไม่รู้ว่าเชื่อใจเขียนอย่างไร จนกระทั่งเข้าเรียนในสถานศึกษาข้าถึงเชื่อใจว่าสถานศึกษาจะปกป้องข้ากับซังซัง ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นที่วัดลั่นเคอ ที่ทุ่งร้าง หรือเมื่อครู่นี้ ข้าจึงเฝ้ารอการปรากฏตัวของท่าน ทว่า…ที่แท้แล้วนั่นคือการเชื่อใจหรือว่าใช้ประโยชน์กันแน่
ข้าเชื่อมั่นว่าศิษย์พี่จะมาช่วยข้า ดังนั้นจึงรอท่านมาตลอดเพื่อให้มาช่วยข้าให้พ้นจากความลำบาก นี่ดูแล้วคล้ายเป็นการเชื่อใจ แต่ความจริงไม่ต่างอะไรกับใช้ประโยชน์ เพราะข้าไม่เคยคิดและไม่สนใจว่าระหว่างที่ช่วยข้าสถานศึกษาและท่านจะต้องจ่ายค่าตอบแทนอะไรบ้าง อีกอย่างข้ายังรู้อย่างชัดเจนด้วยว่าตัวท่านเองก็ไม่สนใจเรื่องจะต้องจ่ายค่าตอบแทน ดังนั้นข้าจึงเชื่อมั่นมาตลอดว่าท่านจะต้องมา”
หนิงเชวียไม่มองศิษย์พี่ใหญ่อีก ยื่นมือไปรับเชือกป่านมาจากซังซัง พันด้ามดาบเข้ากับข้อมือขวาพลางกล่าวว่า
“จนกระทั่งเมื่อครู่นี้ที่เห็นแววตาของท่าน ข้าจึงรู้สึกสำนึกเสียใจ”
เชือกป่านพันม้วนทีละรอบๆ ผูกด้ามดาบกับข้อมือขวาแน่นขึ้นเรื่อยๆ มันมองคราบเลือดในฝ่ามือข้างนั้นแล้วกล่าวว่า
“เห็นข้าฆ่าคนบริสุทธิ์มากมายขนาดนี้ ศิษย์พี่คงเจ็บปวดใจมาก แต่ท่านก็ยังจะช่วยข้าต่อไป เพราะเมื่อครู่ท่านบอกว่าท่านคือศิษย์พี่ของข้า”
เชือกป่านรอบสุดท้ายพันเสร็จแล้ว หนิงเชวียยกมือขวาขึ้นยื่นไปให้ซังซังมัดปมให้แน่น จากนั้นก็มองศิษย์พี่ใหญ่แล้วกล่าวว่า
“หากเป็นข้าเมื่อก่อนคงใช้ประโยชน์จากท่านต่อไปอย่างสบายใจเหมือนอย่างที่ชีเนี่ยนก็ทำกับท่านตรงกับคำพูดที่ว่าวิญญูชนถูกหลอกได้ด้วยความดี แต่ตอนนี้ข้าไม่อยากทำแล้ว”
ศิษย์พี่ใหญ่มองตามันแล้วถามด้วยความสงสัยว่า
“ทำไมจู่ๆ ก็ไม่อยากทำแล้วล่ะ”
“แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะถูกกระบองตีหรือความเป็นมนุษย์ของข้าสูงขึ้น ข้ายังคงคิดว่าศิษย์พี่ทำเรื่องต่างๆ อย่างอ่อนโยนและดีงามเกินไป ไม่เหมือนศิษย์พี่รองที่ตรงไปตรงมา”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหนิงเชวียค่อยๆ เลือนหายไปก่อนกล่าวว่า
“โลกนี้ยากจะมีคนที่จิตใจสะอาดบริสุทธิ์เช่นศิษย์พี่ ข้าไม่อาจทนเห็นมือของท่านเปื้อนเลือดมนุษย์ ถ้าท่านจะพาข้ากลับสถานศึกษา ต้องรบราฆ่าฟันเป็นพันลี้ มือท่านต้องเปื้อนเลือดมากมายอย่างแน่นอน หากเป็นเช่นนั้นชาตินี้ทั้งชาติท่านก็ไม่อาจอยู่อย่างเป็นสุขได้
ข้ากับศิษย์พี่ไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะฆ่าคนมากเท่าไรข้าก็สามารถอยู่อย่างเป็นสุขได้ ผู้อื่นจะฆ่าภรรยาข้า ข้าก็ฆ่ามัน นี่เป็นเรื่องที่สมควร นี่คือหลักการของสถานศึกษาอยู่แล้ว แต่ถ้าทำให้ท่านต้องอยู่อย่างไม่เป็นสุขข้าก็ไม่อาจอยู่อย่างเป็นสุข”
ดาบที่หนักอึ้งแขวนอยู่ที่ข้อมือมัน แกว่งไปมาไม่หยุด แผ่กระจายกลิ่นคาวเลือดออกมา
มันมองศิษย์พี่ใหญ่แล้วกล่าวว่า
“ตั้งแต่เล็กจนโตข้าฆ่าคนและทำเรื่องชั่วร้าย มือข้าเปื้อนเลือดผู้บริสุทธิ์แล้ว เหตุใดยังต้องให้มือท่านมาเปื้อนไปด้วย ในเมื่อมือข้าเปื้อนเลือดอยู่แล้วก็ให้มันเปื้อนต่อไปเถอะ”
เป็นมันพูดคนเดียวมาตลอด ศิษย์พี่ใหญ่นิ่งเงียบมาตั้งแต่ต้น ใบหน้าที่เปื้อนเต็มไปด้วยฝุ่นดูเศร้าหดหู่ จากนั้นก็กลายเป็นไม่สบายใจ กล่าวว่า
“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าอยากพูดอะไรกันแน่”
“ศิษย์พี่ใหญ่ พวกเราแยกกันหนีเถอะ” หนิงเชวียกล่าว
ศิษย์พี่ใหญ่ไม่ค่อยจะเข้าใจ คิ้วค่อยๆ ขมวด หลังจากไตร่ตรองแล้วก็กล่าวว่า
“ในเมื่อเจ้ารอข้ามาตลอด ข้าก็ตามหาเจ้ามาตลอด ตอนนี้พบกันแล้วไฉนยังต้องแยกกัน”
หนิงเชวียนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนกล่าวว่า
“เพราะข้าเพิ่งเข้าใจว่าที่ศิษย์พี่ตามหาข้าก็เพื่อพาข้ากลับสถานศึกษา แต่ที่ข้ารอท่านความจริงแล้วก็แค่อยากรอให้ท่านมา…ศิษย์พี่ ข้าขอบคุณท่านมากที่ปรากฏตัวเพราะเรื่องนี้สำคัญมากสำหรับข้า”
พูดจบมันก็คุกเข่าลงคารวะศิษย์พี่ใหญ่
“เพราะพบแล้วดังนั้นจึงลาจากได้ ที่แท้การพบกันก็เพื่อลาจากกัน”
ในที่สุดศิษย์พี่ใหญ่ก็เข้าใจความหมายของมัน จึงคุกเข่าลงเช่นกัน แล้วประสานมือรับการคารวะ กล่าวอย่างทอดถอนใจว่า
“ขอบใจศิษย์น้องที่วันนี้รับข้าเป็นศิษย์พี่อย่างแท้จริง”
หนิงเชวียคารวะอีกครั้ง
“ศิษย์พี่ใหญ่ หนึ่งปีกว่ามานี้ลำบากท่านแล้ว”
ศิษย์พี่ใหญ่รับการคารวะ
“ศิษย์พี่ไร้ความสามารถ ไม่สามารถพาเจ้าหนีได้ ขอเจ้าอย่าได้ตำหนิศิษย์พี่”
หนิงเชวียคารวะอีกรอบโดยไม่กล่าวอะไร
ศิษย์พี่ใหญ่รับการคารวะรอบสุดท้าย กล่าวว่า
“ในเมื่อจะแยกทางกัน ศิษย์พี่ก็ต้องส่งเจ้าให้ถึงเส้นทางใหญ่”
Related
Comments
