• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านสยบฟ้า 23_1

    เจ้าดำหยุดวิ่งแล้ว แววตาของมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ริมฝีปากหนาเตอะปิดแน่นสนิท ไม่ยอมให้ฟันขาวซี่ใหญ่ที่ปกติแล้วถือเป็นความภูมิใจโผล่ออกมาแม้แต่ซี่เดียว เพราะตอนนี้มันไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ

    พอหนิงเชวียเห็นภาพตรงหน้ารถม้า ร่างกายก็แข็งทื่อในทันใด ตกใจสุดขีดจนหายใจไม่ออก

    ห่างจากหน้ารถม้าไปสิบกว่าจั้ง ทุ่งร้างยุบลงอย่างกะทันหัน กลายเป็นหน้าผาสูงชัน เพราะพื้นทุ่งร้างนั้นราบเรียบอย่างที่สุด ก่อนหน้านี้จึงไม่อาจมองเห็น จนกระทั่งวิ่งมาถึงหน้าผาแล้วจึงได้รู้

    กลางทุ่งร้างพลันปรากฏหน้าผาสูงชันลึกลงไปจนถึงก้นปฐพี เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดจริงๆ ทว่าสิ่งที่ทำให้หนิงเชวียและเจ้าดำตกใจสุดขีดจนไม่กล้าหายใจกลับไม่ใช่ตัวหน้าผา

    หน้าผาแห่งนี้กว้างมาก แผ่ขยายไปด้านหน้าซ้ายขวา จากนั้นไปบรรจบกันที่ขอบฟ้าไกลฝั่งตรงข้าม กลายเป็นหลุมฟ้าที่กว้างใหญ่และลึกมาก มากจนถึงขั้นที่มนุษย์ไม่สามารถจินตนาการได้

    เมื่อเห็นภาพที่น่าตกใจจนพูดไม่ออกตรงหน้าแล้ว หนิงเชวียถึงกับเกิดความรู้สึกที่รุนแรงว่าต่อให้เอาเมืองฉางอันทั้งเมืองมาใส่ลงไป ก็คงไม่อาจถมหลุมนี้ให้เต็มได้

    มันเคยไปที่เทือกเขาสำนักของพรรคมาร ตื่นตะลึงกับสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ชาวฮวงขุดเจาะขึ้นมาท่ามกลางฟ้าดินเมื่อพันปีก่อน แต่หากเอามาเทียบกับหลุมฟ้านี้แล้ว สำนักของพรรคมารก็เหมือนกระท่อมโกโรโกโสหลังหนึ่ง

    และตรงศูนย์กลางของหลุมฟ้านั้นเอง มียอดเขาสูงชันลูกหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ ยอดเขาลูกนี้ดูเหมือนจะสูงพอๆ กับยอดเขาที่สูงที่สุดของเขาหมินซาน แต่เพราะหลุมฟ้านั้นลึกมาก จึงมีเพียงส่วนเล็กๆ ของยอดเขาเท่านั้นที่สูงกว่าพื้นของทุ่งร้าง

    ยอดเขาในหลุมฟ้าห่างจากรถม้าที่อยู่ตรงขอบหลุมหลายสิบลี้ ส่วนปลายที่สูงกว่าพื้นดินที่มองเห็นได้เพียงรำไรก็คือเนินดินเล็กๆ ที่มีหย่อมสีเขียวซึ่งหนิงเชวียมองเห็นในตอนแรกนั่นเอง

    ถ้ามีใครสามารถขึ้นไปบนท้องฟ้าที่สูงหลายหมื่นลี้แล้วมองลงมายังทุ่งร้างตะวันตก ในสายตาของคนผู้นั้น หลุมฟ้ากับยอดเขาในหลุมคงจะเหมือนกับสวนถาดที่ตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม แต่สวนถาดที่ใหญ่โตมโหฬารขนาดนี้เมื่อปรากฏบนโลกมนุษย์ ย่อมสามารถทำให้คนที่เห็นมันเป็นครั้งแรกตกใจจนหมดสติได้

    หนิงเชวียกับเจ้าดำตกใจสุดขีด แต่ไม่มีกะจิตกะใจที่จะชื่นชมหรือกราบกราน เพราะที่ยอดเขาในหลุมฟ้าลูกนั้นมีวัดสีเหลืองที่มองเห็นได้เลือนรางอยู่นับไม่ถ้วน

    วัดพวกนั้นน่าจะเป็นวัดเสวียนคง

    มีแต่วัดเสวียนคงเท่านั้น

    ชั่วครู่ต่อมา ทั้งคนทั้งม้าก็ได้สติ เจ้าดำไม่อาจต่อต้านความกลัวตามสัญชาตญาณ จึงหันกลับเตรียมวิ่งหนี ส่วนหนิงเชวียยังคงตะลึงกับภาพที่เห็นด้านล่างหน้าผา

    วัดเสวียนคงคือสถานที่ที่เป็นปริศนา แม้เป็นผู้ฝึกฌานก็รู้จักเพียงผิวเผิน สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของนิกายพุทธแห่งนี้อยู่ไกลถึงส่วนลึกของทุ่งร้างตะวันตก พื้นที่ที่น้อยคนจะมาถึง เพราะชื่อของวัดเสวียนคง (กลางเวหา) คนจำนวนมากจึงเดาว่าวัดนี้ต้องสร้างอยู่บนเกาะกลางเวหาแบบในนิทานปรัมปราเป็นแน่

    ใครจะคิดว่าวัดเสวียนคงไม่เพียงไม่ได้ลอยอยู่กลางเวหา แต่กลับอยู่ใต้ดิน พอมองดูยอดเขาใหญ่โตที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ดินลูกนี้แล้ว หนิงเชวียก็เกิดข้อสงสัยขึ้นมากมาย

    ทันใดนั้นเอง บริเวณหน้าผาทางตะวันตกเฉียงใต้พลันมีหมอกสีขาวมากมายไหลลงมา ไอหมอกค่อนข้างชื้น หนักกว่าอากาศโดยรอบ ค่อยๆ ไหลจากหน้าผาลงสู่ก้นหลุมฟ้า ดูแล้วคล้ายม่านน้ำตกสีขาว

    เดิมทีไอน้ำในหลุมฟ้าก็หนาแน่นอยู่แล้ว ตอนนี้เมื่อรวมกับไอหมอกมากมายจากผิวดิน ชั่วพริบตาก็เปลี่ยนเป็นสีขาวไปทั่วบริเวณ ยอดเขาสูงตระหง่านลูกนั้นพลันมีเมฆหมอกล้อมรอบ ช่วงต่ำกว่าไหล่เขาไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้ เหมือนปลาสนาการไปก็มิปาน หากมองจากรถม้าก็เหมือนเกาะกลางเวหาที่ลอยอยู่บนเมฆ วัดสีเหลืองที่อยู่บนเกาะนั้นบัดเดี๋ยวเห็นชัดบัดเดี๋ยวเลือนราง ปานประหนึ่งแดนสุขาวดีหรือดินแดนแห่งเทพเซียน

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook