• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านสยบฟ้า 23_1

    เจ้าดำเวลานี้กำลังคึกคักลิงโลดหลังจากรอดชีวิตจากเหตุการณ์เฉียดตาย ใช้กีบเท้าหน้าตะกุยดินเบาๆ เพื่อดูว่าจะหาของดีขึ้นมากินเป็นรางวัลปลอบใจตัวเองได้บ้างหรือไม่ พอได้ยินเสียงคุยกันในประทุนรถดังออกมา ก็หูตั้งด้วยความตื่นตระหนก ร่างกายพลันแข็งทื่อ

    เพราะสิ่งที่ได้พบเจอในวัดลั่นเคอ ทำให้มันจำหลวงจีนในจีวรผ้าฝ้ายสีน้ำตาลเข้มนั้นได้ฝังใจ เพราะมันหวาดกลัวสุดขีดจึงจำไม่ลืม และหลวงจีนรูปนั้นก็มาจากวัดเสวียนคง ตามความเห็นของมัน หลวงจีนรูปใดก็ตามที่มาจากวัดเสวียนคงน่ากลัวอย่างนี้ทุกรูป ตอนนี้มันกลับวิ่งมาที่วัดเสวียนคง นี่ต่างจากรนหาที่ตายตรงไหน!

    เจ้าดำพยายามข่มกลั้นความกลัว ทั้งไม่กล้าร้องฮี้ ลอบหันหน้า เตรียมจะวิ่งหนีกลับไปทางที่วิ่งมา แต่พอหันกลับไปได้ก็ต้องตะลึงงันเมื่อพบว่าภาพทิวทัศน์ทางเหนือใต้ออกตกทั้งสี่ทิศแทบจะเหมือนกันโดยสมบูรณ์ มันไม่รู้ว่าวัดเสวียนคงอยู่ทางไหน เช่นนั้นแล้วควรหนีไปทิศใด

    หนิงเชวียวางซังซังลงบนฟูกอย่างระมัดระวัง แล้วเดินออกไปนอกประทุนรถ ยืนบนเพลารถ เอามือป้องตาแหงนมองท้องฟ้า มองอย่างจริงจังอยู่นานมาก ไม่พูดจาแม้สักคำ

    เจ้าดำร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง คิดในใจว่านี่มันเวลาไหนแล้ว ยังมีกะจิตกะใจมามองฟ้าหาดาวอีกหรือ ดูจากดวงอาทิตย์เย็นยะเยือกดวงนั้นก็รู้แล้ว ตอนนี้มันเวลาเช้าชัดๆ ยังมีดาวที่ไหนกัน

    “ทำไมมองไม่เห็นอะไรเลย” หนิงเชวียพูดอย่างไม่ค่อยเข้าใจ “หรือจะบอกว่าค่ายกลนั้นไม่ได้เชื่อมถึงวัดเสวียนคง? แต่เห็นอยู่ชัดๆ ว่าต้นโพธิ์ต้นนั้นมีปัญหา”

    เจ้าดำตาเป็นประกาย คิดว่าไม่เสียทีที่เป็นเจ้านาย สุดท้ายก็คิดได้ว่าวัดเสวียนคงต้องอยู่บนเกาะกลางเวหาแบบในนิทานปรัมปราอย่างแน่นอน เช่นนั้นขอเพียงอาศัยท้องฟ้านำทาง ไยมิใช่ไม่ต้องกังวลใจแล้ว

    หนิงเชวียมองเห็นว่าไกลออกไปมีเนินดินที่เล็กมากอยู่ มองเห็นได้รำไรว่าบนนั้นมีสีเขียวอยู่หลายหย่อม จึงเตะสะโพกเจ้าดำเบาๆ บอกเป็นนัยว่าให้วิ่งไปดูสักหน่อย

    เจ้าดำสะบัดก้นอย่างขุ่นเคือง ไม่ใช่ว่ามันไม่พอใจที่ถูกหนิงเชวียเตะสะโพก เรื่องนี้มันชินแล้ว แต่มันรู้สึกว่าหนิงเชวียตัดสินใจอย่างลวกหยาบ สถานที่อย่างทุ่งร้างนี้ ที่ใดมีสีเขียวที่นั่นต้องมีอันตรายอย่างแน่นอน ได้ยินว่าเมื่อก่อนเจ้านายมันบั่นคอโจรขี่ม้าในทุ่งร้างมาไม่รู้กี่มากน้อย หรือว่าแม้แต่เรื่องแค่นี้ก็ยังไม่รู้

    หนิงเชวียรู้ว่าเจ้าม้าไร้สมองนี่กำลังคิดอะไร จึงพูดอย่างหงุดหงิดว่า

    “เจ้าคงคิดว่าวัดเสวียนคงอยู่บนกองดินนั่นสินะ กองดินเล็กขนาดนั้น แม้แต่กระถางธูปยังตั้งไม่ได้ เจ้ากลับจะให้ข้าเห็นมันเป็นวัด”

    เจ้าดำคิดว่าคำพูดนี้มีเหตุผล มันคงโดนความกลัวครอบงำจนเลอะเลือน ไม่เสียทีที่หนิงเชวียเป็นเจ้านาย เพิ่งผ่านเหตุการณ์เฉียดตายมา ยังสุขุมเยือกเย็นเช่นนี้ได้

    ล้อรถหมุนไป รถม้าสีดำแล่นไปทางเนินดินที่มีสีเขียวหลายหย่อมขึ้นอยู่ไกลๆ นั่น

    ตอนแรกสุดใบหน้าของหนิงเชวียยังคงสงบนิ่ง แต่ต่อมาก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เพราะมันพบเห็นเรื่องที่ประหลาดมากเรื่องหนึ่ง

    ด้วยความเร็วของเจ้าดำ แม้เนินดินจะดูเหมือนอยู่ไกลมาก แต่สมควรใช้เวลาไม่นานก็น่าจะถึง ทว่าวิ่งมาได้สักพักหนึ่งแล้ว เนินดินนั่นกลับยังคงดูห่างไกลเหมือนอยู่สุดขอบฟ้า

    หนิงเชวียเริ่มระวังตัว เลิกม่านรถม้าขึ้น สั่งให้เจ้าดำหยุดวิ่ง

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook