• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอดับจิต บทที่ 2

    5 of 5หน้าถัดไป

    ผมขมวดคิ้ว ท่าทางของฟู่เสี่ยวทำให้ผมเริ่มสงสัยในตัวเขา โดยปกติแล้วหากคนเราทำผิด หลังจากนั้นจะอยู่ในอาการที่ไม่สงบ ตั้งแต่ผมโทรศัพท์ไปหาเขาในตอนเช้าจนถึงตอนนี้ ผมรู้สึกว่าฟู่เสี่ยวพูดมากกว่าปกติและดูไม่นิ่งเท่าที่ควร ผมกับฟู่เสี่ยวเรียนจบคณะจิตวิทยามา ต่อให้ฟู่เสี่ยวไม่ได้ตั้งใจเรียนแต่ก็ไม่น่าจะถึงขั้นลืมพื้นฐานจนแสดงอาการน่าสงสัยได้ขนาดนี้ หรืออาจเพราะยังมีอาการเมาค้างอยู่ แต่ก็เป็นไปได้ว่าเขายังตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้ควบคุมสภาพอารมณ์ของตัวเองได้ยาก

    ผมบันทึกคำให้การจากฟู่เสี่ยวโดยพยายามไม่ให้เรื่องส่วนตัวและความสัมพันธ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ฟังจากที่เขาเล่านั้นรายละเอียดไม่ต่างจากเจ้าของอพาร์ตเมนต์มากนัก นอกจากนี้ผมยังขอเบอร์โทรศัพท์ของผู้จัดการคนก่อนของเขาอีกด้วย ฟู่เสี่ยวยื่นนามบัตรของผู้จัดการคนก่อนให้ บอกว่าชื่อไป่ฉี

    หลังจากบันทึกคำให้การทั้งหมด ผมก็เตรียมตัวที่จะไปแจ้งให้ผู้กำกับซ่งทราบเกี่ยวกับความคืบหน้า ขณะที่เดินไปบนทางที่ถูกฉายด้วยแบล็กไลต์ทำให้เห็นคราบสีฟ้าสะท้อนแสงอยู่เต็มพื้น และกำลังจะเดินผ่านหน้าห้อง 304 ผมก็รู้สึกได้ว่าไม่ว่ายังไงคดีนี้ก็ต้องเกี่ยวข้องกับห้อง 304 แน่ เพื่อนตำรวจของผมกำลังช่วยเหลือฝ่ายนิติเวชอยู่ ผมเลยเดินเข้าไปถามเบาะแส พวกเขาบอกว่าห้อง 304 คือสถานที่เกิดเหตุ ส่วนผู้กำกับซ่งก็อยู่ด้วยกันตรงนั้น พอเขาเห็นว่าผมกำลังจะไปที่ห้อง 304 โดยมีฟู่เสี่ยวตามไปด้วยจึงห้ามพวกผมไว้ก่อน และบอกให้ฟู่เสี่ยวกลับไปรอที่ห้องของตัวเอง ห้ามออกมาเดินเล่นด้านนอกเด็ดขาด

    พอผมเดินเข้ามาในห้อง 304 ผู้กำกับซ่งและเพื่อนตำรวจอีกสองนายก็ตามเข้ามา กลิ่นคาวเลือดกระจายคละคลุ้งไปทั่ว ข้างประตูมีรอยสาดของเลือดจางๆ อยู่ ส่วนรอยที่เปื้อนอยู่ตามผนังสีขาวนั้นชวนให้คนที่มองมันรู้สึกหวั่นกลัว ดูจากลักษณะการพุ่งของเลือดทำให้รู้ว่าผู้ตายถูกตีเข้าอย่างแรงบริเวณประตูห้องก่อนจะถูกลากเข้าไปด้านใน บนพื้นมีรอยเลือดที่ถูกคนเช็ดออกแล้วอยู่หลายจุดเพื่อต้องการทำลายหลักฐาน พอสายตาของผมเบนไปยังเตียงนอน สิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้ผมอยากจะอ้วกจนต้องรีบยกมือขึ้นมาปิดปากเพื่อไม่ให้มันพุ่งออกมา

    บนเตียงมีผ้าห่มและเสื้อผ้าที่มีคราบสีแดงเข้มซ้อนทับอยู่หลายชั้น ตรงกลางมีมีดหั่นผักวางอยู่ ที่ปลายมีดมีเศษผิวหนังของมนุษย์เกี่ยวติดอยู่ด้วย

    “บันทึกคำให้การของฟู่เสี่ยวเสร็จหรือยัง” ผู้กำกับซ่งถาม

    ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ พยายามควบคุมความรู้สึกเอาไว้ แอบด่าตนเองในใจว่ากะอีเรื่องแค่นี้ก็ทนแทบไม่ไหว ก่อนตอบ

    “ไม่เจออะไรน่าสงสัยครับ เขาให้ผมดูหลักฐานว่าเขาไม่อยู่ในเหตุการณ์ แต่ยังไงก็ต้องตรวจสอบอีกที ว่าแต่ที่นี่คือสถานที่เกิดเหตุใช่ไหมครับ”

    ผู้กำกับซ่งพยักหน้า “ที่นี่คือสถานที่แรกที่คนร้ายทำการหั่นศพ ชิ้นส่วนที่หั่นถูกทิ้งไว้บนเตียง จากที่ฝ่ายนิติเวชวินิจฉัยคาดว่าผู้ตายเสียชีวิตมาแล้วประมาณสี่ถึงห้าชั่วโมง แต่ถึงยังไงก็ต้องรอชันสูตรอีกครั้ง ส่วนที่อยู่บนเตียงนั่นพอมองออกว่าเพิ่งถูกกองรวมไว้ภายหลัง เสื้อผ้าพวกนี้ช่วยเก็บเสียงไม่ให้ห้องรอบๆ ได้ยิน คนร้ายคงกลัวว่าจะมีใครได้ยิน แต่เมื่อกี้ฉันลงไปถามเจ้าของอพาร์ตเมนต์แล้ว ปรากฏว่าห้องข้างล่างไม่มีคนอยู่ เมื่อคืนฟู่เสี่ยวก็ไม่ได้อยู่ที่ห้อง ฉะนั้นคนร้ายก็ระวังเกินไปเอง ส่วนมีดหั่นผักนี่ก็เป็นมีดจากห้องนี้นี่แหละ เพราะในครัวไม่พบมีดขนาดใหญ่เล่มอื่นเลย แต่ยังไม่รู้ว่าจะมีอาวุธอื่นอีกหรือเปล่า จึงพอสรุปได้ว่าคนร้ายใช้มีดเล่มนี้หั่นศพ อ้อ นอกจากบริเวณลำคอของศพที่ถูกตัดออก ฝ่ายนิติเวชก็หาแผลบริเวณอื่นไม่พบ”

    ผมพยายามใช้ความคิดอย่างหนักเพื่อจะจับเส้นทางการวิเคราะห์ของผู้กำกับซ่งให้ทัน “แล้วกะโหลกศีรษะล่ะครับ”

    ผู้กำกับซ่งถอนหายใจ “หัวกะโหลกนั่น…เรายังไม่รู้ว่าคนร้ายใช้อะไรทำให้เป็นอย่างนั้น อีกอย่างเราไม่พบส่วนสมองเลย ไม่รู้ว่ามันหายไปไหน ฉันว่าเดี๋ยวฝ่ายนิติเวชคงกลับไปวินิจฉัยแล้วสรุปมาได้แหละ จากที่ดูตอนนี้ผู้ตายต้องเป็นคนที่เช่าห้อง 304 แน่ๆ แต่ถึงยังไงเราก็ยังด่วนสรุปไม่ได้ จำเป็นต้องรอผลจากการตรวจ DNA ก่อน แต่ถ้าใช่ล่ะก็ฉันว่าน่าจะเป็นฝีมือคนรู้จักของผู้ตาย เพราะไม่มีร่องรอยการงัดแงะเลยสักนิด ผู้ตายใส่แค่ชุดนอน แถมกุญแจกับมือถือก็อยู่ในห้อง ดังนั้นสรุปได้ว่าผู้ตายอยู่ในสภาพปกติและไม่มีร่องรอยการต่อสู้ก่อนเสียชีวิต แม้ว่าการฆ่าคนโดยการตัดหัวถือเป็นการฆ่าที่โหดเหี้ยม แต่คาดว่าน่าจะเป็นการแก้แค้นมากกว่า ตอนนี้สภาพภายในห้องรกไปหมดเลยบอกไม่ได้ว่ามีของหายหรือเปล่า ทุกอย่างต้องรอผลพิสูจน์หลักฐานเท่านั้น เมื่อครู่ฉันติดต่อเพื่อนเจ้าของห้อง 304 ผ่านทางโทรศัพท์ของผู้ตายได้แล้ว เดี๋ยวเขาจะไปที่สถานีเพื่อชี้ตัวผู้เสียชีวิต เราเอาศพกลับไปที่นั่นก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยมาว่ากันต่อละกัน”

    ขณะที่ผมกำลังคุยอยู่กับผู้กำกับซ่ง ฝ่ายพิสูจน์หลักฐานก็ได้เก็บหลักฐานทั้งหมดไป เช่น มีดหั่นผักเล่มนั้น และมือถือ เป็นต้น หลังจากที่ศพถูกเคลื่อนย้ายออกไป ผมกับเสี่ยวหลี่ก็เอาเทปมาปิดตรงประตู และเอาป้ายเตือนไปแปะไว้หน้าห้อง 303 และ 306 โดยไม่ให้ป้ายนั้นสร้างความลำบากให้กับฟู่เสี่ยวและคู่สามีภรรยา พวกผมบอกกับผู้เช่าทั้งหมดบนชั้นสามไม่ให้พวกเขาออกจากพื้นที่ก่อนที่คดีจะเสร็จสิ้นเพราะยังต้องมีการสอบปากคำอีก

    ก่อนที่จะกลับ ผมบอกฟู่เสี่ยวว่าคืนนี้เหม่ยซินจะพาเขาไปกินมื้อค่ำและนำของใช้มาให้ ส่วนผมคงไปด้วยไม่ได้เพราะคดีครั้งนี้รุนแรงมาก จำเป็นต้องทำงานล่วงเวลา ผมจึงให้พวกเขาไปฉลองวันเกิดกันเองสองคน ฟู่เสี่ยวตบบ่าผมก่อนพูด “ไม่ต้องเป็นห่วงพวกฉันหรอก แกตั้งใจทำงานเถอะ”

    ผมพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรต่อ

     

    โปรดติดตามตอนต่อไป…

    สามารถติดตามทดลองอ่านบทอื่นๆได้ที่ >> หอดับจิต บทนำ และบทที่ 1 | หอดับจิต บทที่ 2 | หอดับจิต บทที่ 3

    5 of 5หน้าถัดไป

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook