• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน รหัสลับเสวียนจีถู บทที่ 2

    (3)

     

    พระราชวังต้าหมิงใหญ่โตเกินไปจริงๆ

    จากประตูจิ่วเซียนที่กองกำลังเสินเช่อหน่วยซ้ายตั้งค่ายอยู่ไปยังตำหนักบรรทมของจักรพรรดิ แม้ขี่ม้าก็ต้องใช้เวลาหนึ่งเค่อ* กว่า ยามกลางคืนนอกจากเรื่องเร่งด่วนแล้ว ต่อให้เป็นขันทีขั้นสูงสุดอย่างถู่ทูเฉิงฉุ่ยก็ทำได้เพียงเดินกว่าครึ่งค่อนชั่วยาม ต้องได้รับพระราชานุญาตเป็นพิเศษเช่นขันทีอาวุโสจึงจะนั่งรถได้

    ถู่ทูเฉิงฉุ่ยยังไม่ต้องการการดูแลพิเศษชนิดนี้ ยามเมื่อออกนอกพระราชวังต้าหมิง ความองอาจกับท่วงท่าใหญ่โตของเขาเหมือนเด่นล้ำเกินอัครเสนาบดีทุกผู้คน ทว่ายามอยู่ในวัง ใต้พระเนตรพระกรรณขององค์จักรพรรดิ ถู่ทูเฉิงฉุ่ยก็เป็นข้าทาสบริวารที่ต่ำต้อยที่สุด

    ในเวลานี้เขากำลังก้าวเท้าเร็วรี่ดุจโบยบิน เพราะมีราชโองการเรียกตัวให้ไปตำหนักชิงซือ ยามบ่ายหิมะโปรยปรายเล็กน้อย ส่วนใหญ่ตกถึงพื้นก็ละลายไป มีเพียงเส้นทางลัดที่ถู่ทูเฉิงฉุ่ยเดินอยู่สายนี้ที่มีหิมะทับซ้อนบางๆ ดั่งปูด้วยพรมขนสัตว์ เนื่องจากยามปกติมีคนเดินน้อย เหยียบลงไปบนนั้นรู้สึกสบายยิ่งนัก แสงจันทร์หลังหิมะกระจ่างใสเป็นพิเศษ หมู่ไม้ที่ด้านหน้าด้านหลังร่ายระบำเล่นเงา ระหว่างทางหากเงยหน้ามองไปทิศเหนือก็จะเห็นแสงกระจ่างชั้นหนึ่งลอยอยู่กลางฟ้า นั่นคือแสงสะท้อนจากหมู่ดาวในผิวน้ำของสระไท่เยี่ย

    ถู่ทูเฉิงฉุ่ยคุ้นเคยกับทุกสิ่งนี้มากเหลือเกิน แม้หลับตาก็ตรงไปถึงเป้าหมายได้ ฝีเท้าของเขามิได้ชะลอช้าเพราะชั้นหิมะแม้แต่น้อย ทว่าขณะกำลังจะเดินพ้นออกจากป่าไผ่ผืนนี้ แสงโคมระยิบระยับของตำหนักชิงซือวับไหวอยู่ด้านหน้าแล้วนั้น…ทันใดนั้นเงาร่างคนหลายคนก็พุ่งออกมาจากปลายสุดของเส้นทางน้อย

    “ผู้ใด” ถู่ทูเฉิงฉุ่ยแตะกระบี่ประจำกายที่เอว เพราะว่าครั้งนี้จักรพรรดิทรงเรียกตัวเขาเป็นการลับ อีกทั้งตนมิได้นำผู้ติดตามใดมาด้วย แต่ว่าสำหรับถู่ทูเฉิงฉุ่ย ผู้บัญชาการใหญ่ของกองทหารราชองครักษ์ผู้นี้แล้ว พระราชวังต้าหมิงแม้เป็นของจักรพรรดิ แต่ว่าก็เกือบเป็นเสมือนอาณาเขตของเขาเช่นกัน แต่ไรมามีเพียงผู้อื่นหวาดกลัวเขาเท่านั้น

    จริงดังคาด หลายคนนั้นเดิมลับๆ ล่อๆ ได้ยินเสียงถู่ทูเฉิงฉุ่ยก็หยุดในทันใด ตะลึงค้างเสียแล้ว

    ผู้เป็นหัวหน้าเดินตัวสั่นงันงกเข้ามากล่าวว่า “ขุนพลถู่ทู เป็น…เป็นพวกข้าเอง…”

    ที่แท้เป็นพวกขันทีข้างกายจักรพรรดิ ล้วนยังคุ้นหน้าตาอยู่บ้าง

    ถู่ทูเฉิงฉุ่ยขมวดคิ้ว “พวกเจ้ากำลังทำอะไรกัน เหตุใดใช้เส้นทางนี้ ไม่คิดมีชีวิตแล้วหรือ” ในวังมีกฎการใช้เส้นทางสัญจรเข้มงวดมาก โดยทั่วไปแล้วห้ามขันทีใช้เส้นทางลัดนี้ กองกำลังเสินเช่อที่ออกลาดตระเวนหากพบผู้เดินตามอำเภอใจล้วนสังหารได้ทันที

    “ผู้บัญชาการถู่ทูไว้ชีวิตด้วย!” ขันทีหลายคนนี้รู้ความร้ายกาจของเขา รีบคุกเข่ากับพื้นขอชีวิต ผู้เป็นหัวหน้ารีบอธิบายร้อนรน “เป็น…เป็นฝ่าบาทสั่งให้หลบเลี่ยงสายตาผู้คน”

    ถึงเวลานี้ถู่ทูเฉิงฉุ่ยจึงพบว่าพวกเขายังแบกคนอีกหนึ่งคน

    เมื่อเพ่งมองก็พลันตกตะลึง

    เห็นคนผู้นี้ทั่วร่างเลือดเนื้อเลอะเปื้อน เสื้อผ้าอาบย้อมด้วยโลหิตจนไม่เห็นสีเดิม แขนขาแข็งทื่อ

    ถู่ทูเฉิงฉุ่ยจำได้แล้ว “นี่ไม่ใช่…เว่ยเต๋อไฉหรอกหรือ”

    “ก็คือเว่ยกงกง…”

    “นี่เรื่องอันใดกัน!” ถู่ทูเฉิงฉุ่ยตวาดเสียงเคร่งเครียด

    เว่ยเต๋อไฉผู้นี้เป็นถึงขันทีคนโปรดประจำพระองค์ เพราะว่าฝีมือนวดเลิศล้ำ คลายความเมื่อยล้าให้องค์จักรพรรดิมาเป็นเวลายาวนาน หลายปีนี้อาการบรรทมไม่หลับของพระองค์รุนแรงมากขึ้น หมอหลวงก็ไร้วิธีแก้ไข กลับเป็นการนวดของเว่ยเต๋อไฉช่วยให้บรรทมได้ จึงไม่อาจอยู่ห่างพระวรกาย เว่ยกงกงเป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิอย่างมาก ยามปกติกระทั่งถู่ทูเฉิงฉุ่ยยังต้องอ่อนข้อให้เขาสามส่วน

    คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าวันนี้เขาจะพบกับสภาพเช่นนี้

    “ทรงลงมือเองหรือ” แม้ปากถามเช่นนี้ แต่ในใจถู่ทูเฉิงฉุ่ยยังไม่กล้ายืนยัน ผู้ใดจะกล้าลงทัณฑ์คนโปรดข้างกายจักรพรรดิ นอกจากทรงมีบัญชาด้วยตนเอง ทว่า…เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้

    ขันทีคนหนึ่งประชิดเข้ามากระซิบข้างหูถู่ทูเฉิงฉุ่ย “วันนี้ไม่รู้เพราะเหตุใดเว่ยกงกงถึงกับดูโมงยามผิด ยังไม่ถึงเวลาก็ไปปลุกพระองค์ ท่านก็รู้ว่านี่เป็นข้อห้ามใหญ่หลวง! จึงพิโรธรุนแรง ฟาดเว่ยกงกงทันทีหลายแส้แล้วสั่งให้ลากไปโบยข้างนอกอีก โบยเสร็จให้คุกเข่าบนพื้นหิมะ นี่เท่ากับ…”

    ถู่ทูเฉิงฉุ่ยยื่นมืออังใต้จมูกเว่ยเต๋อไฉ ลอบสูดลมหายใจหนาวเหน็บครั้งหนึ่ง

    ตายแล้ว

    เขาขมวดสองคิ้วแน่น ความรู้สึกในใจสับสนปนเปกะทันหัน

    * เค่อ หน่วยนับเวลาของจีนที่มีมาตั้งแต่ในสมัยโบราณ เทียบเวลาประมาณ 15 นาที ชาวจีนถือว่าเวลาหนึ่งวันมี 100 เค่อ

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook