• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านนิยาย เพลงกลอนคลั่งยุทธ์ เล่ม 4 บทที่ 3

    “มันฆ่าข้าได้ ข้าก็จะให้มันฆ่า” หยวนซิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงปกติ ใบหน้าครึ่งซีกมิได้แสดงความโกรธและไม่มีความฮึกเหิมที่จะพุ่งหาความตาย “ขอเพียงให้ข้าสู้ก็พอ”

    “เจ้าสวมเกราะต่อสู้ครบชุดแล้ว ดูเหมือนข้าจะขวางก็ขวางมิได้” อิ่นอิงชวนเก็บรอยยิ้มพยักหน้า มันสงสัยในใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลวงจีนหยวนซิ่งผู้นี้กันแน่ ที่ผ่านมาไม่เคยได้ยินว่าเส้าหลินและอู่ตังสองสำนักผูกแค้นอะไรต่อกัน แม้ได้ยินข่าวที่เหยาเหลียนโจวประกาศที่เขาฮว่าซานว่าจะหาเรื่องวัดเส้าหลิน แต่อย่างไรก็เป็นเพียงคำพูดลอยๆ ยังไม่มีความเคลื่อนไหว เหตุใดหยวนซิ่งจึงยืนหยัดจะสัประยุทธ์สำนักอู่ตังแม้ต้องสู้ตายก็ตามเช่นนี้ หรือว่าก่อนมันออกบวชมีความแค้นส่วนตัวกับสำนักอู่ตัง? หรือเป็นเรื่องของคนรุ่นก่อน?…

    “ไต้ซือ…” หยวนซิ่งแม้เยาว์วัยกว่าอิ่นอิงชวนมาก แต่อย่างไรก็โกนผมบวชที่วัดเส้าหลินอันโด่งดังทั่วหล้า อิ่นอิงชวนเองย่อมต้องเคารพ “ข้าคิดมาตลอดว่าหากสำนักเจ้าเข้าร่วมขบวนยาตราปราบอู่ตังครั้งนี้จริง คงไม่ส่งเพียงเจ้ามาคนเดียวเด็ดขาด…หากข้าเดาไม่ผิด ไต้ซือลงเขาโดยพลการกระมัง”

    หยวนซิ่งหน้ามิได้เปลี่ยนสีแม้แต่น้อย แต่ก็มิได้ตอบอิ่นอิงชวน

    กองกำลังใหญ่ผ่านตลาดจู๋ปาแล้ว ยาตราไปตามถนนใหญ่ตะวันตกต่อ เข้าใกล้ถนนเฉียวจื่อโข่ว

    นี่คือสะพานหินอันกว้างขวางแห่งหนึ่งของถนนใหญ่ตะวันตก ใต้สะพานมีคลองน้ำใสสายหนึ่งชื่อว่าคลองทงจี่ น้ำคลองเข้ามาจากนอกประตูเมืองทางตะวันตก ใช้บริโภคร่วมกันกับวังหลวงโบราณและบ้านเรือนแถบใกล้เคียง ถนนเหนือใต้ตามสองฝั่งคลอง ห่างกันทุกสิบกว่าหลังคาเรือนจะมีบ่อน้ำหนึ่งบ่อ

    ดังเช่นก่อนหน้า คนโดยรอบถนนเฉียวจื่อโข่วถอยหนีไปก่อนแล้ว ทั่วบริเวณล้วนเงียบเหงา แต่กลับมีคนผู้หนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่กลางสะพานหินนั้นโต้งๆ ในมือถือไม้พายด้ามยาวด้ามหนึ่งเอาไว้ ผู้คุ้มภัยที่นำทางพอเห็นเงาร่างนี้ก็หยุดฝีเท้าทันที

    เป็นอิ่นอิงชวนและหยวนซิ่งเดินเข้าไปก่อน

    ผู้ที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนสะพานมิใช่ใครอื่น หากแต่เป็นจิงเลี่ย มือมันจับไม้พายที่สูงกว่าตนด้ามนั้นเอาไว้

    “เจ้าอีกแล้ว!” อิ่นอิงชวนขมวดคิ้วตะโกน “เจ้าถอนตัวไปแล้วมิใช่หรือ เหตุใดจึงตามมาอีก”

    หยวนซิ่งมองเห็นจิงเลี่ยกลับเผยรอยยิ้มครึ่งปากเป็นครั้งแรกนับแต่ออกมาจากโรงเตี๊ยมหลินเหมิน

    จิงเลี่ยยืนขึ้นเดินไปยังรั้วหินของสะพาน ยืนกึ่งพิงพลางกล่าวอย่างผ่อนคลาย “ข้าอยู่หน้าพวกท่านชัดๆ เหตุใดบอกว่าข้าตามพวกท่าน”

    อิ่นอิงชวนไม่ว่างสนใจคำพูดไร้สาระพรรค์นี้จึงไม่ต่อล้อต่อเถียงกับจิงเลี่ยอีก เพียงถามว่า “เจ้าจะเข้าร่วมก็มา หาไม่ก็อย่าขวางทาง” ก่อนหน้ามันเคยเปิดหูเปิดตาว่าจิงเลี่ยเอาชนะไต้ขุยอย่างไร รู้ว่าจิงเลี่ยคือยอดฝีมือ ในใจก็หวังว่ามันจะเข้าร่วมพันธมิตร

    “ท่านบอกว่าข้า ‘ขวางทาง’ ” จิงเลี่ยยิ้มพลางจัดเปียบนศีรษะ “แปลว่ายอมรับว่าข้ามาถึงก่อน มิได้ตามพวกท่านอย่างแน่นอน”

    จิงเลี่ยพูดจาเลื่อนเปื้อนเช่นนี้ เหล่านักสู้จำนวนมากด้านหลังอิ่นอิงชวนล้วนกลั้นหัวเราะไว้มิได้ อิ่นอิงชวนกลับโมโหจนสีหน้าซีดเผือด

    “พี่จิงท่านนี้” ติงจวิ้นฉีออกหน้าแทนอาจารย์อา “ดูจากการแต่งกายของท่านคงจะเป็นคนอาจหาญ ไม่คิดว่าจะพูดจาวกวนเช่นนี้ พวกเรา…”

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook