• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านนิยาย เพลงกลอนคลั่งยุทธ์ เล่ม 5 บทที่ 1

    เผยซื่ออิงอยู่ร่วมกันกับศิษย์หลานผู้นี้ทุกเช้าค่ำ จะไม่รู้นิสัยมันได้อย่างไร ทุกครั้งที่มันเผยรอยยิ้มประเภทนี้คือเวลาที่กำลังมีความคิดแผลงๆ

    ดังคาด หมัดขวาที่พันแถบผ้าของจิงเลี่ยพุ่งเข้ามาทักทายใบหน้าของเผยซื่ออิง!

    เผยซื่ออิงรูปร่างผ่ายผอม ขาดปัจจัยฝึกยุทธ์อันดีเยี่ยมแต่กำเนิดเช่นจิงเจ้าพยัคฆ์วชิระคำรนผู้เป็นศิษย์พี่ มันมิได้ฝืนรับหมัดนี้ของจิงเลี่ย เพียงหลบเฉียงและแกว่งดาบไม้ในมือตวัดไปยังหน้าแขนที่ออกหมัดของจิงเลี่ย รุกรับรวมหนึ่ง

    จิงเลี่ยรู้ก่อนแล้วว่าอาจารย์อาชอบใช้กระบวนท่านี้จึงมิได้หดแขนกลับมา เพียงกรีดโค้งเปลี่ยนกระบวนท่า สำแดง ‘มือเปล่าฝ่าคมดาบ’ และใช้กรงเล็บพยัคฆ์จับข้อมือที่ถือดาบของเผยซื่ออิงเอาไว้

    กรงเล็บพยัคฆ์ของจิงเลี่ยเข้าคว้าข้อมือเผยซื่ออิง เผยซื่ออิงตอบโต้ ใช้หัวด้ามของดาบไม้กระแทกกลับใส่นิ้วมือมัน แต่การกระแทกกลับนี้ออกไปยังไม่ทันถึงครึ่งหนึ่ง จิงเลี่ยก็เปลี่ยนกรงเล็บพยัคฆ์เป็นฝ่ามือ ตบไปยังหัวด้ามนั้นจากด้านข้าง ทำให้ดาบของเผยซื่ออิงหลุดมือ

    พวกมันประมือกันไปมาเช่นนี้ หากจะกล่าวว่าเป็นการประลอง มิสู้กล่าวว่าเป็นการละเล่นจะตรงยิ่งกว่า คนทั้งสองล้วนสู้ไปพลางยิ้มน้อยๆ ไปพลาง เนื่องเพราะคุ้นเคยกับนิสัยและจังหวะของอีกฝ่ายเกินไป หลายกระบวนท่ายังใช้ไม่ถึงครึ่งหนึ่ง หรือเพียงขยับหัวไหล่สะบัดเอว อีกฝ่ายก็รู้ว่าเป็นกระบวนท่าใด เตรียมการตอบสนองและวิธีตีโต้ไว้ก่อนแล้ว ผลสุดท้ายแม้ผ่านไปนานเท่าใดกระทั่งร่างกายก็มิได้กระทบถูกกัน เหมือนต่างฝ่ายต่างแก้กระบวนกันอยู่โดยมีอากาศกั้นกลางอย่างไรอย่างนั้น

    แม้ว่ามิได้ส่งผ่านแรงจริงจัง แต่ท่วงท่าการรุกรับของคนทั้งสองล้วนไม่ช้า เผยซื่ออิงเริ่มตามไม่ทันแล้ว จิงเลี่ยรู้ถึงขอบเขตของอาจารย์อา จึงควบคุมความเร็วคล้อยตามอยู่

    วรยุทธ์ของจิงเลี่ยเหนือกว่าเผยซื่ออิง คือความเป็นจริงที่เกิดขึ้นมานานเนิ่นแล้ว

    เผยซื่ออิงย่อมรู้สึกได้ว่าศิษย์หลานกำลังออมกำลังให้มันอยู่ จึงเปลี่ยนวิธีการต่อสู้ พยายามออกกระบวนท่าประหลาดที่ใช้ไม่บ่อยในยามปกติจำนวนหนึ่ง บางครั้งถึงขนาดแทบจะเอาจริงเพื่อทดสอบการตอบสนองของจิงเลี่ย จิงเลี่ยตื่นเต้นขึ้นเป็นลำดับ การฝึกซ้อมของคนทั้งสองเปลี่ยนจากรุกหากันเป็นป้อนกระบวนและรับกระบวน

    วิธีการต่อสู้ของเผยซื่ออิงดุดันขึ้นเรื่อยๆ จิงเลี่ยจึงออมมือให้มิได้อีกแล้ว มันก้มตัวพุ่งไปใต้รักแร้เผยซื่ออิงในอึดใจ มือข้างหนึ่งกอดเอว อีกข้างหนึ่งกอดขา โถมทั้งตัวใส่จนอาจารย์อาที่ผอมสูงศูนย์ถ่วงเคลื่อนหงายหลังล้ม

    บนหินผาสูงที่นูนเว้าไม่เท่ากันนี้ เดิมทีก็ยืนไม่ง่ายอยู่แล้ว เผยซื่ออิงพอตกใจก็กอดคอจิงเลี่ยไว้พลางตะโกน “พอแล้ว! ตัวโง่งม จะล้มแล้ว” จิงเลี่ยกอดรั้งร่างอาจารย์อาไว้ให้เกือบติดพื้น กระทั่งอาจารย์อาตะโกนด่าจึงยิ้มพลางวางกลับบนหินผาเบาๆ หลังหยอกเล่นกันรอบนี้ ใบหน้าอ่อนเยาว์ซึ่งมีเค้าโครงคมชัดนั้นของจิงเลี่ยแผ่กระจายสีแดงเรื่อ แสงตะวันที่คลื่นส่องสะท้อนกลับเข้าในดวงตาทั้งสองอันใสสกาวของมัน แม้มันยังมิได้ออกท่องยุทธภพ แต่ใครก็มองออกว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะโตเป็นชายฉกรรจ์อาจหาญคนหนึ่ง

    ผู้ที่ดีใจที่สุดย่อมไม่พ้นเผยซื่ออิงที่ชุบเลี้ยงมันมากับมือจนถึงตอนนี้

    ในปีนั้นจิงเจ้ามองไม่ผิดว่าพรสวรรค์ของจิงเลี่ยบุตรบุญธรรมไม่ธรรมดาจริงๆ แต่ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือพลังดูดซับความรู้และวิชาใหม่ที่มันได้เรียนนั้น เร็วยิ่งกว่ากระดาษดูดซับน้ำเสียอีก

    ทว่าต่อให้พรสวรรค์ร้ายกาจกว่านี้ แต่มิได้พบพานอาจารย์ที่เหมาะสม ที่สุดก็ย่อมถูกฝังกลบได้ตลอดเวลา

    เผยซื่ออิงหอบหายใจอย่างอ่อนล้า นั่งขัดสมาธิอยู่บนหินผา วางดาบปีกปักษาที่ห้อยตรงบั้นเอวไว้บนตัก

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook