• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านนิยาย เพลงกลอนคลั่งยุทธ์ เล่ม 6 บทที่ 2

    “เสี่ยวอิง เจ้าอยู่ที่ใดกัน” เด็กหนุ่มย่ำเท้า พ่ายให้กับพวกพ้องในการแข่งวิ่งที่ป่าเขาแห่งนี้ เดิมมันไม่พอใจอย่างยิ่ง ตอนนี้พบว่าแพ้จนแม้แต่เงาของฝ่ายตรงข้ามก็มองไม่เห็นก็ยิ่งโกรธจนหน้าแดง

    “ไม่เล่นแล้ว! รีบออกมานะ!” เด็กหนุ่มใช้ฝ่ามือป้องปากตะโกนเสียงดังขึ้นฟ้า

    “อยู่ตรงนี้”

    เด็กหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยสุ้มเสียงที่น้ำเสียงเป็นผู้ใหญ่อย่างยิ่งมาจากด้านบน เด็กหนุ่มคนแรกพอเงยหน้าก็มองเห็นเงาร่างของโหวอิงจื้อบนกิ่งขวางของคาคบไม้อันหนึ่ง

    “เจ้าห้ามลงมา!” เด็กหนุ่มทำแก้มป่อง จากนั้นค่อยปีนขึ้นไปจากลำต้น แขนขาที่ฝึกยุทธ์ได้หกปีแล้วคล่องแคล่วประหนึ่งลิงค่าง ปีนป่ายและกระโดดไม่กี่ครั้งก็ขึ้นไปนั่งเคียงไหล่อยู่ข้างๆ โหวอิงจื้อ

    “เหตุใดข้าจึงแพ้…” เด็กหนุ่มยังคงค้างคาใจ “ข้ารู้ เพราะเจ้าไปทางลัดเป็นแน่! ข้าเดาถูกหรือไม่” ขณะมันกล่าวก็ชี้ไปที่จมูกของโหวอิงจื้อ

    โหวอิงจื้อยิ้มน้อยๆ ใช้มือตีนิ้วมือของเด็กหนุ่มออกไป กัดริมฝีปากล่างไม่ยอมกล่าวคำ เด็กหนุ่มใช้นิ้วมือแปรเป็นกำปั้น ชกไปยังหัวไหล่โหวอิงจื้ออย่างหยอกล้อ แต่ถูกโหวอิงจื้อยื่นแขนสกัดผ่าน ถือโอกาสหนีบลำคอของเด็กหนุ่มเอาไว้ คนทั้งสองออกแรงดิ้นรนจนเกือบจะตกลงจากต้นไปด้วยกันจึงหยุดมือทั้งคู่ มองดูซึ่งกันและกันพลางหัวเราะ

    โหวอิงจื้อหัวเราะเสร็จก็ถอนหายใจ เอนกายพิงลำต้นเอาไว้ มองทอดทิวทัศน์ยอดเขาประหลาดสูงชันของเขาอู่ตังนอกหน้าผา

    เด็กหนุ่มเห็นโหวอิงจื้อเก็บรอยยิ้มก็ถามมันอย่างประหลาดใจ “เจ้าถอนหายใจเรื่องอะไร”

    “ไม่มีอะไร…” โหวอิงจื้อแหงนมองยอดทองเสียดเมฆที่มองไม่เห็น “ข้าเพียงคิดว่า มาเขาอู่ตังแล้ว ช่างโชคดีเหลือเกิน”

    เดิมทีคิดว่าเข้าฝึกฝนที่สำนักอู่ตังจะตกนรกทั้งเป็นวันแล้ววันเล่า แต่หาใช่เช่นนั้นไม่ ศิษย์พี่จำนวนมากของสำนักอู่ตังที่มาขอรับการสั่งสอนจากอาจารย์ นับจากวันแรกมาก็เหมือนเห็นมันเป็นคนในครอบครัว บนลานยุทธ์ไม่มีใครจงใจเป็นปฏิปักษ์เพราะอยากจะลองเพลงกระบี่สำนักชิงเฉิงของมัน ศิษย์พี่ที่ถ่ายทอดวรยุทธ์เองก็มิได้ไม่ยอมตั้งใจสั่งสอนเพราะมันมีภูมิหลังจากสำนักอื่น ศิษย์พี่สายเต่าพิทักษ์มากมายยิ่งไม่สนใจลำดับอาวุโสอะไร ตั้งใจมาขอให้มันสาธิตเคล็ดลับของเพลงกระบี่ชิงเฉิงโดยเฉพาะ เพื่อศึกษาและปรับปรุงวิทยายุทธ์อู่ตังของตนเอง คาบฝึกยุทธ์เช้าบ่ายของทุกวัน แม้เข้มงวดจริงจังจนชวนให้นึกอยากอาเจียน แต่นอกเวลาเรียนและในชีวิตประจำวัน ทั่วทั้งสำนักล้วนมีการคุยเล่น หลายเดือนที่ผ่านมาโหวอิงจื้อเคยเห็นเพียงสหายร่วมสำนักหน้าแดงหูร้อนเพราะถกเถียงความเห็นเรื่องวิทยายุทธ์ แต่กลับไม่เคยเห็นผู้ใดทะเลาะกันเพราะเรื่องส่วนตัวสักครั้งเดียว

    …เนื่องเพราะทุกคนล้วนเป็นพวกพ้องที่ร่วมกันแสวงหาปณิธานอันเรียบง่าย

    ดังเช่นเด็กหนุ่มผู้ที่อยู่ข้างกายมันขณะนี้ มิใช่ผู้อื่น เป็นเยี่ยเทียนหยางบุตรชายของเยี่ยเฉินยวนรองเจ้าสำนัก โหวอิงจื้อเพิ่งพบเรื่องนี้หลังคบเป็นเพื่อนกับมันสักพัก…บนร่างของเด็กหนุ่มผู้นี้ไม่เคยพบเห็นมาดของบุตรชายรองเจ้าสำนักเลย คนรอบข้างเองก็ไม่เคยปฏิบัติกับมันเป็นพิเศษใดๆ ด้วยเหตุนี้

    อย่างไรโหวอิงจื้อก็มีพื้นฐานมรรคากระบี่ชิงเฉิงหกปีกว่า หลังเข้าสำนักอู่ตัง มันใช้เวลาเพียงครึ่งเดือนก็ผ่านการทดสอบของศิษย์พี่ ออกจากลานยุทธ์ชางอวิ๋นขั้นแรกสุด เลื่อนสู่ลานยุทธ์เสวียนสือ (หินดำ) ที่สูงขึ้นอีกขั้นหนึ่ง วันแรกในที่แห่งนั้นเอง คู่ต่อสู้ประกระบี่คนแรกของโหวอิงจื้อก็คือเยี่ยเทียนหยาง พวกมันจึงกลายเป็นสหายรักกันนับแต่นั้นมา

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook