• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านนิยายสยบฟ้า พิชิตปฐพี เล่ม 15 ตอนที่ 3

    บนหน้าผาขาดแห่งนี้ เสียงก่นด่าสาปแช่งใดๆ ล้วนต้องจางหายไปกับท้องฟ้าและสายลม ไม่มีเสียงสะท้อนกลับมาให้ได้ยิน ด้วยเหตุนี้ พอลับหลังสหายหนิงเชวียก็อดรู้สึกเงียบเหงาวังเวงขึ้นมามิได้ทันที

    ทว่ามันไม่ยอมให้ความรู้สึกนี้มาทำให้ตัวเองหมดกำลังใจ รีบเดินกลับไปนั่งขัดสมาธิหลับตาเข้าฌาน เพาะเลี้ยงลมปราณสุดไพศาลในร่างตามวิธีที่เขียนไว้ในตำราอีกครั้ง

    ปุยเมฆบนหน้าผาไหลเลื่อนเชื่องช้า คล้ายไม่สัมผัสรับรู้ถึงสิ่งใด แต่ซังซังที่นั่งล้างชามอยู่ริมหน้าผากลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงการเปลี่ยนแปลงภายในถ้ำ เสียดายที่ตอนนี้มิใช่ยามเช้า จึงไม่เห็นภาพไอหมอกเข้าปกคลุมร่างของหนิงเชวียอีก

    ม่านราตรีแผ่ปกคลุมลงมา หนิงเชวียจึงค่อยลืมตาขึ้นอีกครั้ง ยุติการเพาะเลี้ยงลมปราณสำหรับวันนี้ มันส่ายหน้าให้ซังซังซึ่งยกถาดอาหารมายืนอยู่หน้าถ้ำ กล่าวว่า

    “ข้ายังไม่หิว เจ้าวางไว้ก่อน หากเหนื่อยก็ไปนอน แต่ถ้าเบื่อก็มานั่งเป็นเพื่อนคุยกับข้า”

    ซังซังรู้ว่ามันกลัวตนจะเบื่อหน่าย และรู้ว่าด้วยนิสัยของมันหากยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาค้างคาใจได้ จะต้องไม่มีอารมณ์คุยเล่น จึงยิ้มแล้วส่ายหน้าก่อนวางถาดอาหารไว้ข้างกายมัน จากนั้นค่อยเดินกลับกระท่อมไป

    หนิงเชวียยังคงนั่งอยู่ท่าเดิม แต่ในมือซ้ายกลับปรากฏยันต์ขึ้นแผ่นหนึ่งซึ่งกำลังสลายตัวอย่างช้าๆ ขณะปลดปล่อยเจตนารมณ์แห่งยันต์ออกมา มือขวาของมันแม้จะว่างเปล่า ทว่าแสงตะเกียงรอบมือกลับดูวูบๆ วาบๆ

    พลังที่แผ่กระจายออกจากฝ่ามือทั้งสองแตกต่างกัน เหนือมือซ้ายคือพลังปฐมแห่งฟ้าดินซึ่งถูกผนึกขึ้นจากยันต์ เหนือมือขวาคือลมปราณสุดไพศาลอันบริสุทธิ์ที่แผ่ออกจากร่าง

    มันจ้องมองมือทั้งสองด้วยสมาธิจดจ่อ ใช้พลังจิตอันแกร่งกล้าลูบคลำพลังทั้งสองขุมอย่างเชื่องช้า พยายามค้นหาอะไรบางอย่างจากในนั้น

    พลังปฐมแห่งฟ้าดินที่ผนึกขึ้นในมือซ้าย กับพลังลมปราณสุดไพศาลในมือขวา ล้วนไร้ตัวตนดุจอากาศธาตุ แต่ภายใต้การสัมผัสรับรู้ด้วยพลังจิต มันกลับสามารถแยกแยะความแตกต่างได้อย่างชัดเจน

    นับตั้งแต่ถูกกักขังมาจนถึงบัดนี้ หนิงเชวียอ่านตำราไปแล้วสองเล่ม ทั้งยังคร่ำเคร่งฝึกฝนอย่างหนักทั้งวันทั้งคืน จนสามารถแยกแยะพลังทั้งสองที่ดูเผินๆ เหมือนกันแต่แท้จริงมีความแตกต่างกันเล็กน้อยได้อย่างแม่นยำ ทว่ามันก็ยังไม่สามารถทำให้พลังทั้งสองนี้รวมเป็นหนึ่งได้ แม้แต่จะทำให้คล้ายคลึงกันที่สุดก็ยังจนปัญญา กระทั่งว่าวิธีที่น่าจะลองดูและเป็นไปได้ก็ยังคิดไม่ออก

    ตามแนวคิดของตำรา ‘ต้นกำเนิดลมหายใจแห่งฟ้าดิน’ ลมปราณในร่างของผู้ฝึกฌานพรรคมารกับลมปราณสุดไพศาลในร่างของมัน อันที่จริงล้วนเป็นพลังปฐมแห่งฟ้าดินชนิดหนึ่ง หากมันสามารถเปลี่ยนสภาพปัจจุบันให้กลับไปเหมือนสภาพดั้งเดิมเมื่อนานมาแล้ว ให้ลมปราณสุดไพศาลกลับคืนสู่สภาพเริ่มแรก เช่นนั้นปราการกีดขวางตรงปากถ้ำก็จะสูญสลายทันที ปัญหาที่จอมปราชญ์ตั้งไว้ก็จะมีคำตอบอย่างสมบูรณ์

    ทว่าน่าเสียดาย ตอนนี้มันตกอยู่ในภาวะที่เรียกว่า รู้ว่าเป็นเช่นนี้ แต่มิรู้ว่าเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร จึงมิต้องพูดถึงเรื่องวิธีการและขั้นตอน

    ตอนแรกที่ถูกกวนไห่ท้าสู้ มันยืนขบคิดอยู่ที่ริมทะเลสาบเยี่ยนหมิงอยู่ครึ่งวัน จึงค่อยคิดวิธีใช้เจตนารมณ์แห่งยันต์เคลื่อนย้ายลมปราณสุดไพศาลได้ ซึ่งก็ได้ผลดี สามารถอาศัยเจตนารมณ์แห่งยันต์กระตุ้นให้พลังปฐมเกิดความปั่นป่วน อำพรางกลิ่นอายของลมปราณสุดไพศาลได้สำเร็จ แต่หากพบกับยอดคนผู้ฝึกฌานอย่างแท้จริง วิธีการนี้คงถูกจับได้แต่แรกแล้ว

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook