• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านนิยาย เพลงกลอนคลั่งยุทธ์ เล่ม 3 บทที่ 1

    โหวอิงจื้อเข้าใจความหมายในคำของมัน ฝ่ายตรงข้ามลอบพินิจท่าทางการเดินเพื่อประเมินระดับวรยุทธ์และที่มาของตน โหวอิงจื้อเองย่อมมิได้บรรลุถึงภาวะนี้ แต่มันเคยได้ยินอาจารย์ของสำนักชิงเฉิงกล่าว นักสู้ขอเพียงพลังและประสบการณ์ลึกพอ ย่อมมีทักษะสังเกตศัตรูเล็กน้อย

    “เช่นนั้นท่านต้องรู้แน่ว่า…” มือทั้งสองของโหวอิงจื้อยกกระบี่ในมือขึ้นด้วยความเคารพ “กระบี่อู่ตังเล่มนี้ของข้า มิใช่ช่วงชิงมา”

    มุมปากของบุรุษผู้นั้นแสยะออกเล็กน้อย หน้าตามันแม้เย็นชาแต่รอยยิ้มกลับจริงใจ “ฉะนั้นข้าจึงบอกว่าเจ้าเด็กคนนี้ น่าสนใจ”

    โหวอิงจื้อยังคงยกกระบี่ค้างไว้แล้วคุกเข่าลงให้บุรุษผู้นั้น

    “เจ้าทำอะไร” มันยักคิ้ว

    “รองเจ้าสำนักเยี่ยมีคำสั่ง เมื่อข้าถึงเขาอู่ตังต้องมอบกระบี่เล่มนี้คืนผู้อาวุโสร่วมสำนัก” ใบหน้าหล่อเหลาของโหวอิงจื้อระงับความโอหังในยามปกติ มองตรงไปยังบุรุษผู้นั้นอย่างเคร่งขรึม

    “โหวอิงจื้อศิษย์เข้าสำนักใหม่ คารวะศิษย์พี่”

     

    โหวอิงจื้อติดตามฝานจงศิษย์พี่ผอมสูงผู้นี้ เดินหน้าไปยังตำหนักเคียงด้านตะวันตกของลานจัตุรัส

    ขณะโหวอิงจื้ออยู่ที่เฉิงตู ได้ยินจากปากของศิษย์พี่ทัพเดินทางไกลซื่อชวน ศิษย์ชั้นยอดที่สุดของสำนักอู่ตังล้วนถูกจัดเข้าสู่สามหน่วยใหญ่ ทัพเดินทางไกลทั้งหมดสวมชุดสีดำ แทนว่าขึ้นกับสายพลอีกา

    มันไม่รู้ว่าอาภรณ์สีน้ำตาลบนร่างศิษย์พี่ฝานจงที่อยู่ข้างกายมันในยามนี้ก็คือสิ่งแสดงฐานะศิษย์อันเด่นล้ำของสายพญางู ศิษย์ที่อยู่ภายนอกของสายพญางูเช่นโจวไท่ขณะใช้ชีวิตอยู่ภายนอกย่อมสวมเพียงชุดลำลองเพื่อปกปิดสถานะ แต่ศิษย์สายพญางูซึ่งรับหน้าที่ระวังภัยเขาอู่ตังเหมือนฝานจงผู้นี้จะสวมอาภรณ์สีน้ำตาลเพื่อให้แยกออก และบ่งบอกตำแหน่งอยู่ในขั้นสูงกว่า

    “เจ้าแปลกใจใช่หรือไม่ ว่าเหตุใดในอารามอวี้เจินไม่มีคน สหายร่วมสำนักต่างไปไหนกันหมด” ฝานจงถามระหว่างทาง

    โหวอิงจื้อพยักหน้าหงึกๆ เพื่อที่จะสังเกตมันฝานจงจึงหลบซ่อนอย่างมิดชิด นี่ยังพอเข้าใจได้ แต่คนของสำนักทั้งหมดล้วนหลบซ่อนจากมันที่ไม่มีบทบาทผู้นี้เช่นนั้นหรือ

    “เหตุผลง่ายมาก” ฝานจงยิ้มกล่าว “พวกมันล้วนไปฝึกทักษะอยู่ทุกแห่งในเขาแล้ว เดิมทีนี่คือเวลาที่เย็นสดชื่นที่สุดในทุกวันของอารามอวี้เจิน”

    “เพราะเหตุใดไม่ฝึกอยู่ในตำหนักล่ะ”

    “พื้นที่ไม่พอน่ะสิ” ฝานจงปล่อยหัวเราะออกมาพลางส่ายหน้า

    โหวอิงจื้อเลิกคิ้ว

    หากว่าแม้แต่อารามอวี้เจินอันไพศาลนี้ยังไม่พอ จำนวนคนของศิษย์สำนักอู่ตังต้องนอกเหนือกว่าที่มันจินตนาการมากเป็นแน่

    คนทั้งสองกล่าวพลางเดินมาถึงในตำหนัก แม้เป็นเพียงตำหนักเคียง แต่บรรยากาศโอ่อ่านั้นทำให้โหวอิงจื้อกัดลิ้นตนเองเอาไว้

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook