• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านนิยาย เพลงกลอนคลั่งยุทธ์ เล่ม 3 บทที่ 1

    ภายใต้การนำทางของฝานจง โหวอิงจื้อได้เข้าพบศิษย์พี่กุ้ยตันเหลยที่กำลังนั่งสมาธิฝึกปราณอยู่ในตำหนัก

    กุ้ยตันเหลยที่อายุสี่สิบกว่าปีมีโครงร่างภายนอกตรงข้ามกับฝานจงโดยสิ้นเชิง มันรูปร่างเตี้ยล่ำใหญ่หนา ชวนให้รู้สึกเหมือนลูกตุ้มเหล็กลูกหนึ่ง ร่างกลมๆ ห่มคลุมด้วยชุดถือพรตสีเขียวเข้มของสายเต่าพิทักษ์ ผมยุ่งทั้งศีรษะผุดขึ้นกระจายออกเหมือนแผงคอราชสีห์ เส้นผมหยักศกแห้งกร้านและมีสีน้ำตาล หน้าผากของมันสักอักขระคาถาเล็กละเอียดคดเคี้ยวประหลาดแนวนอนหนึ่งแถว บริเวณอกเสื้อซ้ายของชุดคลุมปักสัญลักษณ์ไท่จี๋ที่ทำให้เหล่าศิษย์อู่ตังชื่นชม

    รองเจ้าสำนักซือซิงเฮ่ายังปรนนิบัติจักรพรรดิอยู่ที่นครหลวง ภารกิจสำคัญในการปกปักเขาอู่ตังจึงมอบให้ศิษย์อาวุโสของสายเต่าพิทักษ์อย่างมันเป็นผู้รับผิดชอบชั่วคราว

    กุ้ยตันเหลยรับจดหมายผนึกครั่งที่โหวอิงจื้อส่งมา

    “เจ้าสำนักกำลังเก็บตัว อาจารย์รองเจ้าสำนักก็อยู่ต่างถิ่น จดหมายนี้ข้าต้องเปิดแทนแล้ว” มือทั้งสองของกุ้ยตันเหลยกอบจดหมายเหนือศีรษะ โค้งตัวเล็กน้อย จากนั้นเปิดผนึกจดหมาย

    หลังอ่านจดหมายทั้งหมดจบ ดวงตาอาจหาญประหนึ่งกระดิ่งทั้งสองของกุ้ยตันเหลยมองตรงไปยังโหวอิงจื้อที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้า

    ฝานจงที่ยืนอยู่ด้านข้างแม้มิได้เห็นเนื้อหาของจดหมายแต่ก็เดาได้คร่าวๆ เมื่อครู่มันลอบสังเกตท่วงท่าของโหวอิงจื้อ ประเมินวรยุทธ์ที่ฝึกปรือ แม้ไม่ถึงขั้นยอดฝีมือ แต่ก็ต้องฝึกฝนร่ำเรียนจากสำนักใหญ่เลื่องชื่ออย่างแน่นอน จดหมายเป็นของเยี่ยเฉินยวน เช่นนั้นโหวอิงจื้อต้องมาจากซื่อชวนเป็นแน่ เช่นนั้นหากมันมิใช่คนของสำนักชิงเฉิงก็ต้องเป็นคนของสำนักเอ๋อเหมย ฝานจงมองดูเพลงเท้าอันคล่องแคล่วว่องไวของมัน คล้ายฝึกกระบี่มากกว่าฝึกพลองทวน เป็นไปได้มากว่าคือศิษย์ที่หลงเหลือของสำนักชิงเฉิง

    กุ้ยตันเหลยยังมองโหวอิงจื้ออีกครู่หนึ่ง พลันลุกขึ้นยืนจากท่านั่งขัดสมาธิ มือข้างหนึ่งจับคอเสื้อของโหวอิงจื้อเอาไว้

    โหวอิงจื้อมิได้ต่อต้าน มิใช่เพราะรู้ตัวว่าสู้มิได้ แต่เพราะมันรู้ว่าตนเองแปรพักตร์มาอยู่สำนักอู่ตังคงมิอาจได้รับความเชื่อถือในทันที ก่อนเหยียบบนเส้นทางขึ้นเขามันเตรียมตัวรับการทดสอบหรือการทรมานทุกอย่างไว้แล้ว

    แต่กุ้ยตันเหลยกลับเพียงใช้ความคล่องแคล่วดึงร่างของโหวอิงจื้อที่คุกเข่าอยู่บนพื้นขึ้นมาเบาๆ

    “ไป!” กุ้ยตันเหลยหัวเราะเสียงดัง ดึงมือของโหวอิงจื้อเอาไว้ “ยังรออะไรอีก ในเมื่อกราบเข้าสำนัก เรื่องแรกก็คือไปโขกศีรษะกับปรมาจารย์ยังไงเล่า!”

     

    จะเข้าสู่ตำหนักเจินเซียนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของสำนักอู่ตังต้องถอดถุงเท้ารองเท้าไว้หน้าตำหนัก และล้างเท้าให้สะอาดเสียก่อน จึงเหยียบบนพื้นไม้สีน้ำตาลนั้นได้

    ตำหนักเจินเซียนเมื่อแรกปูพื้นด้วยอิฐดำ แต่นับจากอดีตเจ้าสำนักกงซุนชิงคืนสู่ฆราวาส เปลี่ยนพลิกสำนักอู่ตังใหม่ แปลงตำหนักเจินเซียนเป็นอาศรมฝึกฝนวิถียุทธ์จึงปูพื้นด้วยแผ่นไม้

    โหวอิงจื้อเหยียบเข้าตำหนักเจินเซียน อันดับแรกย่อมถูกรูปเคารพของปรมาจารย์จางซานเฟิงซึ่งเลียนแบบภาพเทพสงครามเจินอู่อันใหญ่โตโอ่อ่าองค์นั้นเขย่าขวัญ รูปหล่อทองสำริดสูงหลายจั้งนั้นชุบทองทั้งองค์ ฝีมือละเอียดประณีต เทพเจินอู่หรือก็คือปรมาจารย์จางซานเฟิงถือกระบี่ในท่ายืน เท้าเหยียบสัตว์เทพเสวียนอู่ ดูน่าเกรงขามเหมือนมีชีวิต โหวอิงจื้อที่อยู่แต่อารามเต๋าบนเขาชิงเฉิงไม่เคยพบเคยเห็น

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook