• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านนิยาย เพลงกลอนคลั่งยุทธ์ เล่ม 3 บทที่ 2

    ฝึกไปครู่หนึ่ง เยียนเหิงก็หยุดมือลง ในใจครุ่นคิดถึงกระบวนท่ากระบี่ กระนั้นมันก็อดมิได้ที่จะมองดูถงจิ้งที่อยู่ไกลออกไป

    มันมิชอบคุณหนูใหญ่นิสัยเอาแต่ใจนางนี้อย่างยิ่ง รู้สึกว่านางต่างจากเสี่ยวหลีมากนัก เสี่ยวหลีแม้บางครั้งจะแง่งอน แต่หลังจากเหตุการณ์ต่างๆ ก็มักจะหาโอกาสหยอกล้อให้มันสบายใจ ที่สุดแล้วยังคงรู้จักเอาอกเอาใจคน

    ครั้นนึกขึ้นมา…มันไม่รู้ว่าตอนนี้เสี่ยวหลีที่อยู่ตำบลเว่ยเจียงสบายดีหรือไม่…จิตใจของนางฟื้นคืนเป็นปกติแล้วหรือยัง

    แต่ว่าเยียนเหิงรู้สึกอีกว่าหลังจากเริ่มสอนเพลงกระบี่ให้ถงจิ้ง ในใจของมันจะคิดถึงระดับความก้าวหน้าอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าทีแรกจะไม่ยินยอมอยู่บ้าง แต่ในเมื่อเริ่มสอนแล้วก็อยากสอนอย่างจริงจังสักนิด หวังว่าถงจิ้งจะเรียนได้ดีสักหน่อย

    เยียนเหิงมองเห็นว่าแม้เมื่อครู่ถงจิ้งจะมิเชื่อฟัง แต่ตอนนี้ก็กำลังฝึกปรือกระบี่เพลิงวายุแปดกระบวนท่านั้นต่อโดยลำพัง เห็นนางตั้งใจเรียนเพลงกระบี่สำนักชิงเฉิงเช่นนี้ เยียนเหิงรู้สึกพอใจอย่างเลี่ยงมิได้

    ขอเพียงแสวงหาเกี่ยวกับวิถียุทธ์ ความชอบหรือชังส่วนตัวย่อมโยนทิ้งไว้ข้างทาง นี่แหละคือสันดานของนักสู้

    มันมองดูข้อผิดพลาดกระบวนท่ากระบี่ของถงจิ้งจากไกลๆ พลางขมวดคิ้วเครียด แต่เพิ่งจะทะเลาะกันมาจึงกระดากอายที่จะไปสอนอีก ได้แต่ให้นางฝึกต่อไปเอง

    เยียนเหิงฝึกกระบี่มือซ้ายอีกพักหนึ่งแล้วจึงเสียบเจ้าพยัคฆ์กลับไปในฝักตรงบั้นเอว ยกกระบี่คมสีเทาดำเล่มนั้นขึ้นมาอีกครั้ง กระบี่เล่มนี้คือ ‘กระบี่สงัดนิ่ง’ สิ่งต่างหน้าของฮูเหยียนต๋าศิษย์อู่ตังสายพลอีกาที่คนของพรรคหมินเจียงเก็บกลับมาหลังศึกเฉิงตู กระบี่หนามมังกรสี่ฉื่อนั้นยาวเกินไป มันในตอนนี้ยังไม่อาจควบคุมได้ดั่งใจ จึงหยิบกระบี่เล่มนี้มาเป็นอาวุธชั่วคราวก่อน

    ‘กระบี่สงัดนิ่ง’ คือกระบี่คู่ เล่มหนึ่งถืออยู่ในมือมันตอนนี้ สลักอักษร ‘โย่ว (ขวา)’ ตัวเล็กๆ ตรงส่วนโคนกระบี่ไว้ตัวหนึ่ง ใช้เพื่อแยกแยะว่าใช้กับมือขวา ‘กระบี่ซ้ายสงัดนิ่ง’ อีกเล่มหนึ่งห้อยไว้ตรงข้างเอวมัน

    มันยกกระบี่จ้องมองส่วนคม ในวันที่สำนักชิงเฉิงถูกฆ่าล้าง เหตุการณ์ล้วนโกลาหล มันมิได้มองศัตรูทุกคนให้ชัด แต่ฮูเหยียนต๋าผู้นี้ก็อยู่ที่นั่นด้วย กระบี่คู่สงัดนิ่งนี้ไม่รู้ว่าเปรอะเปื้อนโลหิตของศิษย์ชิงเฉิงมาเท่าใด พอนึกถึงขั้นนี้เยียนเหิงก็รันทดสลดใจ

    ข้าจะต้องแข็งแกร่งให้เร็วที่สุดให้จงได้

    มันลดกระบี่ลง มองไปยังจิงเลี่ยและหู่หลิงหลันด้านโน้น ดาบไม้ของคนทั้งสองยังคงปะทะกันอยู่ สุ้มเสียงคล้ายแฝงไว้ด้วยจังหวะประหลาดประเภทหนึ่ง ฟังไพเราะอย่างยิ่ง

    เยียนเหิงรู้จักมือดาบสตรีจากแคว้นวอนางนี้ไม่มาก รู้เพียงวรยุทธ์นางฝึกฝนตามติดจิงเลี่ยและแกร่งกว่าตนเองมาก เมื่อหวนคิดว่าพี่สาวที่งดงามอ่อนโยนเช่นนี้ยังเก่งกาจกว่าตนเอง เยียนเหิงก็รู้สึกว่าใต้หล้าช่างกว้างใหญ่ มากด้วยยอดฝีมือ และตนเองกระจ้อยร่อยเหลือเกินจริงๆ…

    ระยะห่างระดับนี้ เยียนเหิงมิอาจมองเห็นสีหน้าของทั้งสองคน แต่กลับรู้สึกได้ว่าพวกมันคล้ายกำลังยิ้มอยู่

    และเป็นความจริง ขณะดาบไม้และดาบไม้ปะทะกัน จิงเลี่ยและหู่หลิงหลันกำลังยิ้มอย่างชอบใจอยู่

    รอยยิ้มนั้นดุจดั่งนักดนตรีหาสหายรู้ใจร่วมบรรเลงพบ

    พวกมันตีกันนานมากแล้ว กำลังแขนหู่หลิงหลันอย่างไรก็มิสู้จิงเลี่ย แรงของดาบไม้เริ่มอ่อนกำลังลง จิงเลี่ยรู้สึกได้จึงยับยั้งความแรงของการโจมตี แต่หู่หลิงหลันไม่ประสงค์ถูกอ่อนข้อให้ รีบกระโดดถอยหลังเก็บดาบ

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook