• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านนิยาย เพลงกลอนคลั่งยุทธ์ เล่ม 5 บทที่ 1

    จิงเยวี่ยยังคงยืนอยู่บนเวทีรับการโห่ร้องยินดีจากกลุ่มผู้ชมสี่ด้าน อีกสองสำนักที่ออกศึกต่อสู้ประลองฝีมือในครั้งนี้คือสำนักหลิงซานและสำนักตี้ถังแห่งฝูเจี้ยน ทั้งสองสำนักต่างก็ปรบมือแสดงมารยาทให้จิงเยวี่ยที่อยู่บนเวที

    ประเพณีการประชันบนสังเวียนของสี่สำนักใหญ่แห่งเฉวียนโจวนี้มีมาแล้วสามสิบกว่าปีเป็นอย่างน้อย สี่สำนักผลัดกันแพ้ชนะมาโดยตลอด แต่ในหลายปีที่ผ่านมาสำนักหู่จุนแห่งหนานไห่คล้ายเสียเปรียบเล็กน้อย ดูเช่นวันนี้ศิษย์สำนักที่มารวมตัวกัน ณ สนามประลองมีเพียงสิบกว่าคน หากเทียบกับขบวนรบของสำนักอื่นที่เหลือซึ่งต่างมีศิษย์ห้าหกสิบคนก็สู้มิได้อย่างแท้จริง

    จิงเยวี่ยยามนี้เดินลงเวทีประลอง ศิษย์สำนักหลิงซานและสำนักตี้ถังที่เตรียมตัวขึ้นเวทีในรอบต่อไปกำลังยืนยืดเส้นยืดสายอยู่ล่างเวที การประลองรอบนี้พวกมันใช้อาวุธ คนหนึ่งถือพลองหวายที่ห่อด้วยผ้าหนา คนหนึ่งถือโล่หวายและดาบไม้

    จิงเยวี่ยลงเวทีแล้วหาได้กลับไปหาสำนักหู่จุนทันทีไม่ แต่เดินไปทักทายผู้ชมที่อยู่ข้างเวที ผู้ที่นั่งอยู่ตรงนั้นล้วนเป็นพ่อค้าและผู้หลักผู้ใหญ่แถบเฉวียนโจว ทั้งยังมีข้าราชการท้องถิ่นหลายคนอยู่ในนั้น

    พ่อค้ารุ่มรวยในงานล้วนชมเชยว่าจิงเยวี่ยต่อสู้ได้อย่างงดงาม ซ้ำยังยัดซองแดงที่เตรียมไว้ก่อนแล้วใส่ในมือมัน สี่ด้านของเวทีประลองจัดวางป้ายดอกไม้ที่พวกมันใช้แสดงความยินดีอยู่เต็มไปหมด ยังมีของขวัญจำพวกสุราอาหารและผ้าเป็นต้น

    “ยังมีอีกกี่รอบ…ค่อยถึงตาไอ้เด็กเวรนั่น” จิงเจ้าพอนึกถึงคนผู้นั้นที่ไม่เห็นแม้แต่เงาขณะนี้ ใบหน้ายิ้มแย้มที่ผ่อนคลายลงเล็กน้อยแต่เดิมก็เดือดดาลตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง

    “ยังมีอีก…สี่รอบ” กัวฉงอี้ศิษย์เอกที่อยู่ข้างกายปาดเหงื่อกล่าว “อาจารย์อาเผยไปตามหามันแล้ว…อาจารย์มิต้องเป็นห่วง ข้าว่าศิษย์น้องมิได้หนีไปเพราะเกรงกลัว…แต่คงจะงีบหลับอีกแล้ว…”

    “พวกเจ้ายังตะลึงงันอยู่ที่นี่ทำไม” ดวงตาแดงก่ำของจิงเจ้าถลึงมอง แก้มที่ก็แดงก่ำเช่นกันเพราะฤทธิ์สุราสั่นกระเพื่อมด้วยความโกรธ “จะให้สำนักหู่จุนเราเสียหน้าย่อยยับเพราะเจ้าเด็กนั่นหรือ ยังไม่รีบออกไปหาให้ทั่วอีก!”

    กัวฉงอี้รู้ถึงนิสัยของอาจารย์ดี มันพยักหน้าอย่างตื่นตระหนกและนำศิษย์น้องสามคนวิ่งออกไปจากที่แห่งนั้น

    ในชั่วขณะเดือดดาลที่แสนสั้นนี้ จิงเจ้าคล้ายคืนสู่อำนาจขณะได้ฉายาว่า ‘พยัคฆ์วชิระคำรน’ เมื่อสิบกว่าปีก่อน แต่ก็เพียงชั่วขณะเดียวเท่านั้น พอดื่มสุราอีกอึกหนึ่ง ใบหน้าทรงอำนาจนั้นก็อ่อนลง

    “ต่อให้ต้องตีขาทั้งสองของไอ้เด็กเวรนั่นจนหัก” จิงเจ้าเช็ดมุมปาก กัดฟันกล่าวกับตัวเองอีกครั้ง “ก็ต้องลากมาขึ้นเวทีประลองนี้ให้จงได้…”

     

    “เลี่ย! เจ้าอยู่หรือไม่” เกลียวคลื่นยักษ์ที่พกพาพลังอันน่าสะพรึงซัดมากระทบบนหินผาประหลาดที่ตั้งตระหง่านยื่นออกมาจากชายฝั่งทะเล ฟองขาวซ่ากระเซ็นถูกกางเกงและรองเท้าฟางของเผยซื่ออิง

    มันตะโกนพลางก้าวกระโดดไปบนชะง่อนหินผา ดาบปีกปักษาฝักหนังขาดรุ่ยเล่มนั้นตรงบั้นเอวแกว่งไปมาตามจังหวะการก้าว

    “อยู่หรือไม่ เลิกเล่นได้แล้ว เจ้าไม่ออกมาคราวนี้จะแย่เอานะ…” เผยซื่ออิงเปล่งเสียงตะโกน ดวงตากวาดมองรอบด้าน ใบหน้าซูบผอมกลัดกลุ้มอย่างเห็นได้ชัด

    ต้องอยู่ที่นี่แน่นอน…ยามปกติมีเรื่องอะไรที่ดีใจมากหรือเศร้ามาก มันก็ชอบมาหลับอยู่ที่นี่…ในที่สุด บนยอดหินผาก้อนหนึ่ง เผยซื่ออิงพบดาบไม้หยาบที่เต็มไปด้วยรอยยุบเล่มหนึ่ง ตรงด้ามดาบย้อมด้วยคราบโลหิตที่ยังไม่แห้งสนิท

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook