• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านนิยายสยบฟ้า พิชิตปฐพี เล่ม 12 ตอนที่ 3

    มันหันไปมองเหยียนเซ่อ แล้วกล่าวต่อว่า

    “ข้าขบคิดปัญหานี้อยู่ทุกลมหายใจเข้าออก แม้แต่ตอนเดินขึ้นเขาอยู่นี่ ข้าก็ยังขบคิดอยู่ทุกฝีก้าว จวบจนบัดนี้เมื่อเห็นดวงอาทิตย์ลอยพ้นทะเลเมฆ เห็นแสงสีแดงอันอบอุ่น ข้าจึงค่อยเข้าใจ ที่แท้นั่นเป็นเพราะสิ่งที่ผู้นั่งบัลลังก์แสงสว่างเชื่อมั่นศรัทธา…ก็คือแสงสว่าง”

    เหยียนเซ่อเงียบงันไป มันเข้าใจความหมายในวาจาของต้าเสินกวนหน่วยแสงสว่าง

    เชื่อมั่นศรัทธาในแสงสว่าง แต่เฮ่าเทียนไม่แน่ว่าจะใช่ตัวแทนของแสงสว่าง

    ยามนี้พวกมันต่างก็ขึ้นมาถึงยอดเขาแล้ว ซังซังนั้นยืนพักอยู่ใต้ต้นไป๋หยางที่ตรงแหน่วต้นหนึ่ง โถใหม่และเก่ารวมถึงใบหน้าค่อนข้างคล้ำของนางถูกแสงอรุณอาบไล้จนแดงระเรื่อ ดูแล้วให้ความรู้สึกว่าอบอุ่นยิ่ง

    สุดขอบทะเลเมฆตรงทิศตะวันออก ดวงตะวันยามเช้าได้ลอยขึ้นเต็มที่แล้ว เปล่งแสงสีแดงสดตลอดทั้งดวง

    ทว่าบนหน้าผากลับยังมีหิมะโปรย การได้ชมตะวันกลางหิมะ นับเป็นภาพที่แปลกตาจริงๆ

    เหยียนเซ่อเดินไปหยุดยืนตรงริมผา โบกมือไล่เกล็ดหิมะซึ่งปลิวเข้ามาที่ใบหน้าขณะมองตะวันสีแดงฉาน พร้อมกับถามว่า

    “ความรู้สึกตอนก้าวออกไปเป็นอย่างไรบ้าง”

    หากเดินขึ้นหน้าอีกก้าว มันก็จะตกลงสู่ทะเลเมฆที่ลอยอ้อยอิ่งอยู่กลางหุบเขา เข้าสู่อ้อมอกอันอบอุ่นของแสงเจิดจรัส

    เว่ยกวงหมิงเดินมาหยุดยืนเคียงข้าง ตอบว่า

    “ตอนนั้น หลังจากดูเจ้าต่อสู้กับหลิ่วไป๋ที่ริมเขื่อนแคว้นซ่ง ข้าก็ยืนมองพระอาทิตย์ตก ในใจสามารถสัมผัสได้ถึงบางอย่าง แต่ก็เพียงก้าวออกไปได้แค่ครึ่งก้าว”

    “ไม่ว่าจะหนึ่งก้าวหรือครึ่งก้าวก็ถือว่าได้ก้าวออกไปแล้ว ข้าอิจฉาเจ้าจริงๆ”

    สายตาเหยียนเซ่อมีแววชื่นชม

    “มิน่าเล่า สายตาที่หลิ่วไป๋มองเจ้าถึงได้ดูแปลกๆ ข้าเองกลับรู้เป็นคนสุดท้าย”

    เว่ยกวงหมิงหวนนึกถึงกระบี่ทะลวงเวหาที่พุ่งฝ่าท้องนภาราวกับแล่นละลิ่วมาจากที่ห่างไกลเป็นหมื่นลี้ กับยันต์สะท้านมหาสมุทรที่เขย่าท้องทะเลจนเกิดคลื่นกระฉอกฉานของสหายเฒ่าที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็อดยิ้มขึ้นมามิได้ กล่าวว่า

    “พูดกันตามเหตุผล หลิ่วไป๋ก็สมควรที่จะก้าวก้าวนั้นออกไปได้แล้ว แต่มิทราบว่าทำไม ผ่านมานานหลายปีกลับไม่มีข่าวคราวของมัน หรือจะเป็นเพราะว่ามันกลัว”

    เหยียนเซ่อขมวดคิ้ว นึกถึงคู่ต่อสู้ที่ร้ายกาจที่สุดเท่าที่มันเคยได้พบเจอ แต่มิได้เอื้อนเอ่ยอะไรออกมา

    เว่ยกวงหมิงอมยิ้มกล่าวต่อ

    “ผู้คนมากมายล้วนเข้าใจว่าเจ้าเข้าสู่มรรคด้วยหยางที่บริสุทธิ์ จึงตัดความเป็นไปได้ที่จะฝ่าทะลุห้าด่าน แต่ข้ากลับคิดถึงคำที่ว่า ‘เข้าสู่สภาวะอับจนเพื่อก่อกำเนิดอีกครา’ หลิ่วไป๋คือผู้เข้มแข็งที่สุดในแผ่นดิน เจ้ากลับสามารถเผชิญหน้ากับมันโดยไม่พ่ายแพ้ หากมันสามารถก้าวข้ามไปได้ก็ไม่มีเหตุผลใดที่เจ้าจะก้าวข้ามไปไม่ได้ ดังนั้น…เจ้าเล่า”

    ลมหอบหนึ่งโบกโบยมา เสื้อคลุมนักพรตตัวหลวมโพรกปลิวสะบัดเสียงดังพึ่บพั่บ เหยียนเซ่อมองท้องนภาตรงหน้า ตอบเสียงเฉื่อยชาว่า

    “ปีก่อนตอนได้หนิงเชวียเป็นศิษย์ ความดื้อรั้นถือทิฐิในตัวข้าก็อันตรธานหายไป จิตใจมีแต่ความสงบปลอดโล่ง ตอนนั้นข้ารู้สึกได้อย่างเลือนรางว่าต้องก้าวก้าวนั้นออกไป แต่มิรู้ทำไม ข้ากลับไม่ยินยอม”

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook