• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน แฟ้มคดีพิศวงของนักประเมินอัจฉริยะ Q 9 ตอนที่ 3

    “ผมกะแล้วว่าคุณต้องว่าอย่างนั้นถึงได้พาตัวไปแบบมัดมือชกไง ผู้หญิงชอบใช้เวลาแต่งตัวนานซะด้วย”

    “ใจร้าย! ให้ฉันไปติดต่อราชการด้วยชุดแบบนี้เนี่ยนะ เดี๋ยวเขาก็หาว่าฉันไม่รู้จักมารยาทหรอก เสื้อโค้ตอาจจะพอดูได้แต่ชิ้นอื่นแค่เอาอิออนกับยูนิโคล่มาแมตช์กันเท่านั้นเองนะ…”

    “ไม่ต้องเฉลยซะละเอียดก็ได้ ฝันสลายหมด แต่แต่งแล้วขึ้นก็ดีแล้วนี่ เอ่อก็…เลือกมาแมตช์ได้เข้าท่าดีนะ ไม่บอกไม่รู้เลยล่ะว่าเป็นของถูก”

    “เฮ้อ” ริโกะถึงกับถอนหายใจแล้วพึมพำ “ควรลงทุนกับเสื้อผ้าให้มากกว่านี้หน่อยจริงๆ ด้วย…ดันชะล่าใจไปหน่อยเพราะนานๆ ทีจะมีลูกค้าเป็นคนใหญ่คนโต ปีหนึ่งๆ ก็ไม่ค่อยมีโอกาสต้องสวมชุดสูทอย่างดี”

    “ช่วงบ่ายวันนี้มีนัดงานแบบไหนบ้าง จะไปประเมินอะไรเหรอ”

    “เอ่อ…ก็มีแจกันดอกไม้กับไหที่ลูกค้าขุดเจอในสวนบ้าน แล้วก็แผ่นวงจรไฟฟ้าของเกมมือสอง”

    “นั่นปะไร อาจารย์ริโกะเน้นงานสายมวลชนเหมาะกับชุดน่ารักสไตล์เดียวกับที่ลงในนิตยสาร ‘มอร์’ มากกว่า”

    “งานสายมวลชนเหรอ…”

    รถแท็กซี่แล่นผ่านหน้ารัฐสภาแล้วหักเลี้ยวที่แยกกระทรวงการต่างประเทศ ตรงเข้าสู่สี่แยกท้องที่คาซึมิงาเซกิเขตหนึ่ง

    ผ่านหมู่อาคารอันสวยงามโอ่อ่าของกระทรวงการต่างประเทศหรือกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมแล้วลงใต้ไปตามถนนซากุราดะ อาคารหกชั้นสไตล์โบราณสีน้ำตาลอ่อนซึ่งเป็นจุดหมายตั้งตระหง่านเป็นรูปตัว L อยู่ตรงหัวมุม

    และแล้วก็มาถึงกรมวัฒนธรรมหรือชื่อเดิมคือกระทรวงวัฒนธรรม แท็กซี่เทียบจอดพอดิบพอดีหน้าประตูซึ่งดูราวกับทางเข้าโรงแรม

    นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาเยือนที่แห่งนี้ ทั้งที่นักประเมินมูลค่าควรได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับหน่วยงานที่สนับสนุนกิจกรรมด้านศิลปะและเก็บรักษาสมบัติทางวัฒนธรรมนี้ ทว่าเธอเป็นแค่นักประเมินอิสระต้อยต่ำแถมเพิ่งเปิดสำนักงานได้แค่สามปี มีหรือรัฐบาลจะสนใจติดต่อว่าจ้าง

    เหล่าเจ้าหน้าที่เดินกันขวักไขว่ภายในล็อบบี้สลัว ริโกะเดินไปทางประตูบานคู่ด้านในโดยมียูโตะเป็นผู้นำทาง พบสุภาพบุรุษผมสีดอกเลายืนอยู่ข้างประตูและหันมองมาพอดี

    อีกฝ่ายเป็นชาวต่างชาติ แถมยังเป็นคนที่เธอเคยเจอมาก่อน ยังอยู่ในชุดสูทสั่งตัดซาวิลโรว์ตามเคยแต่เป็นคนละตัวกับตอนเจอคราวก่อน

    ชายชาวอังกฤษซึ่งดูสูงวัยส่งยิ้มให้ “สวัสดี คุณรินดะ ริโกะ คราวก่อนขอบใจมากนะ โล่งอกไปที ฉันแอบกังวลอยู่ว่าเธออาจจะไม่ยอมมา”

    ริโกะอดตกใจไม่ได้ “คุณบราวน์…”

    “ผิดแล้วล่ะ มิสเตอร์บราวน์ พ่อค้างานศิลป์ชาวอเมริกันหมดหน้าที่ตั้งแต่วันนั้นแล้ว ขอโทษที่ฉันต้องปิดบังตัวตน ชื่อจริงของฉันคือเคเนสอัลลิงกัมเป็นอดีตภัณฑารักษ์แห่งพิพิธภัณฑ์ลูฟว์ ตอนนี้ก็ยังเป็นพนักงานของทางพิพิธภัณฑ์อยู่ แต่นานแล้วที่ไม่ได้รับมอบหมายให้เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ตรวจสอบและตัวแทนฝ่ายต่างประเทศ”

    “เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและตัวแทนฝ่ายต่างประเทศ…เหรอคะ”

    “ใช่แล้ว ฉันพูดภาษาอังกฤษได้เลยรับหน้าที่เป็นผู้เจรจาเวลาลูฟว์จะส่งผลงานศิลป์ให้ทางต่างประเทศยืมไปจัดนิทรรศการน่ะ สมัยก่อนฝรั่งเศสมองว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่สื่อสารภาษาอังกฤษได้แต่พอมาถึงจริงกลับสื่อสารกันไม่รู้เรื่องเลย เดือดร้อนถึงฉันต้องเรียนภาษาญี่ปุ่นตั้งแต่พื้นฐาน”

    “แต่พูดได้คล่องมากเลยนะคะ สมกับที่อยู่มายี่สิบกว่าปี”

    อัลลิงกัมได้ยินแล้วขมวดคิ้ว “หืม เธอรู้ได้ยังไงน่ะ ฉันว่าไม่เคยบอกว่าอยู่ที่นี่มานานนี่นา”

    “ตอนเจอกันครั้งแรก คุณเล่าให้ฟังว่าดื่มแต่กาแฟกระป๋อง เรื่องนี้ในญี่ปุ่นอาจไม่ทราบเท่าไรแต่กาแฟกระป๋องน่ะเริ่มวางจำหน่ายที่ต่างประเทศหลังจากยุคเก้าศูนย์ไปแล้วน่ะค่ะ”

    ยูโตะเบิกตาโพลง “อย่างนั้นเหรอ”

    “อ๋อ” อัลลิงกัมยิ้มหน้าบาน “อย่างนี้นี่เอง จริงด้วยสิ…กาแฟกระป๋องถือเป็นเครื่องดื่มที่ชาวยุโรปทั่วไปไม่คุ้นเคย ทุกวันนี้ที่ประเทศบ้านเกิดของฉันยังไม่ค่อยมีคนดื่มกันเท่าไร แต่เธอช่างมีความรู้รอบด้านจริงๆ นั่นแหละ สมแล้วที่เป็นหนึ่งในท็อปไฟว์ของคนที่ฉันเสนอชื่อ”

    ริโกะจับจ้องชายสูงวัย “เสนอชื่อ?”

    “หวังว่าเธอจะไม่ถือสาที่ฉันแอบตรวจสอบข้อมูลอย่างลับๆ มาตลอด ภารกิจครั้งนี้ทำให้ฉันต้องวิ่งวุ่นควานหานักประเมินมูลค่าชาวญี่ปุ่นที่เหมาะสมอยู่น่ะ นอกจากฉันแล้วยังมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอีกกลุ่มใหญ่ที่คอยคัดสรรบุคลากรที่น่าจะมีแวว…และนักประเมินที่เชิญมาในวันนี้ทุกคนก็คือผู้ที่ผ่านการทดสอบอีกหนึ่งอย่างของเราได้ ฉันหมายถึงบททดสอบที่ลูฟว์ขอความร่วมมือไปทางนิตยสารอิตาลีที่ชื่อ ‘เดลฟินา’น่ะ”

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook