• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอดับจิต บทที่ 3

    เคยเรียนผ่าตัด?

    พอฟังถึงจุดนี้ทำให้ผมนึกขึ้นมาได้ว่าเจ้าของอพาร์ตเมนต์และหญิงอ้วนห้อง 306 เคยเป็นพยาบาลมาก่อน แม้ว่าการตัดศีรษะจะไม่ได้เป็นไปอย่างรวดเร็วเหมือนคนชำนาญ แต่ก็ไม่อาจสรุปว่าคนร้ายไม่เคยเรียนผ่าตัด ในเมื่อวิธีการฆ่าแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ฆาตกรทั่วไปจะทำกันได้ ดังนั้นไม่ว่าคนร้ายจะเป็นใคร ยังไงก็ต้องแบกรับความเครียดและความกดดันอยู่มากพอสมควร

    หลังจากที่ผู้กำกับซ่งพูดจบก็ถึงตาพวกผมพูดเสริม เนื่องจากเราไม่มีประวัติแบบละเอียดของเฉินหย่วนจาง ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของผมกับคนอื่นๆ ที่ขึ้นไปสอบปากคำเพื่อนบ้านต้องเล่าประวัติของเขาให้ทุกคนฟัง คู่รักห้อง 301 ไม่ทราบเหตุการณ์ใดๆ ทั้งสิ้นและไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับผู้ตาย ผู้ที่สอบปากคำพวกเขาทั้งสองจึงไม่ได้ถามอะไรต่อ จากนั้นเป็นตาของผม ผมบอกไปว่าเจ้าของอพาร์ตเมนต์และผู้หญิงห้อง 306 เคยทำงานเป็นพยาบาลมาก่อน ทำให้ทุกคนในที่ประชุมเริ่มหันมาสนใจ แต่ผมกลับไม่คิดว่าเจ้าของอพาร์ตเมนต์จะเป็นคนร้าย ถ้าคดีนี้เป็นคดีที่คนร้ายไม่มีเจตนาที่จะฆ่าเฉินหย่วนจาง เจ้าของอพาร์ตเมนต์จะเป็นผู้ต้องสงสัยรายแรกแน่นอน แต่การฆ่าที่น่ากลัวขนาดนี้ยังไงก็ส่งผลเสียกับกิจการของเธอ จึงไม่น่าจะมีเจตนาฆ่าอื่นนอกเสียจากว่าทั้งสองมีความแค้นต่อกันอย่างมาก ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานว่าพวกเขาทั้งสองเคยบาดหมางกันเลยสรุปไม่ได้ ดังนั้นหากมองเพียงความรู้ด้านการผ่าตัด ทุกคนจึงพุ่งจุดสนใจไปที่เสี่ยวหลี่เพราะเขาเป็นคนที่ไปสอบปากคำผู้เช่าห้อง 306

    เสี่ยวหลี่กล่าวว่าขณะสอบปากคำมีข้อสงสัยอยู่มาก แต่ข้อสงสัยส่วนใหญ่กลับอยู่ที่ฝ่ายชายมากกว่า ผู้ชายที่อาศัยอยู่ที่ห้อง 306 ชื่อหูเอ๋อร์ฮุย ส่วนภรรยาของเขาชื่อสวีซาน ตอนที่หูเอ๋อร์ฮุยออกมาดูศพ นอกจากเขาจะตกใจแล้วยังดูตื่นตระหนก ตอนให้การก็มักพูดแทรกสวีซานอยู่เสมอ อย่างเช่นตอนที่เสี่ยวหลี่ถามสวีซานว่ารู้จักกับผู้เช่าห้อง 304 หรือไม่ พอสวีซานจะตอบหูเอ๋อร์ฮุยก็พูดแทรกว่าเขาไม่รู้จัก เสี่ยวหลี่ยังสังเกตอีกว่าหูเอ๋อร์ฮุยส่งสายตาไปให้สวีซานเช่นกัน จึงสันนิษฐานได้ว่าหูเอ๋อร์ฮุยน่าจะรู้แล้วว่าผู้ตายคือเฉินหย่วนจาง ทำให้ตัวเขาน่าสงสัยมากขึ้น

    ผมนึกขึ้นได้ถึงตอนที่เจ้าของอพาร์ตเมนต์บอกเกี่ยวกับเรื่องที่หูเอ๋อร์ฮุยชอบทำร้ายร่างกายภรรยาจึงรีบแจ้งทุกคนในที่ประชุมทันที ทำให้ผู้กำกับซ่งเริ่มสนใจเบาะแสนี้ หากหูเอ๋อร์ฮุยมีพฤติกรรมเสี่ยงจริงและพยายามปิดบังความสัมพันธ์ระหว่างตนกับผู้ตายไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบก็อาจชี้ได้ว่าเขาคือผู้ต้องสงสัยรายแรก ส่วนเรื่องที่เขาเคยมีประวัติเรียนการผ่าตัดหรือไม่ต้องสืบกันอีกที เนื่องจากตอนนี้ยังไม่อาจสรุปได้ว่าคนร้ายมีกี่คนกันแน่ ดังนั้นอาจเป็นไปได้ว่าภรรยาของเขาก็มีส่วนรู้เห็นในคดีนี้ด้วย หากสวีซานถูกทำร้ายร่างกายเป็นเวลานานจริง เธออาจถูกบังคับให้ทำตามคำสั่งหูเอ๋อร์ฮุยเพื่อให้แผนการของเขาสำเร็จก็เป็นได้

    ผู้กำกับซ่งตัดสินใจไปตามหูเอ๋อร์ฮุยและสวีซานมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจอีกรอบ ซึ่งครั้งนี้เขาออกโรงเองโดยให้ผมและเสี่ยวหลี่ติดตามไปด้วย ส่วนเจ้าหน้าที่คนอื่นทำการสืบค้นประวัติต่างๆ ของเฉินหย่วนจางและหาเงื่อนงำที่มีประโยชน์ต่อรูปคดีต่อ

    ระหว่างทางผู้กำกับซ่งสั่งผมให้ไปที่ร้านคาราโอเกะเพื่อสอบถามความจริงเกี่ยวกับการเข้าใช้บริการของฟู่เสี่ยว ส่วนเสี่ยวหลี่ให้สืบว่าเจ้าของอพาร์ตเมนต์ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุจริงหรือไม่ ผู้กำกับซ่งสั่งอีกว่าพยายามนำคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากกลุ่มผู้ต้องสงสัยให้เร็วที่สุดเพื่อไม่ให้รูปคดีผิดพลาด ผมรีบโทรศัพท์ไปหาไป่ฉีตามนามบัตรที่ฟู่เสี่ยวให้ไว้ ไป่ฉีรับสายแต่ไม่มีท่าทีตกใจ เป็นไปได้ว่าฟู่เสี่ยวได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขาหมดแล้ว จากที่ได้คุยกัน พรุ่งนี้เขาต้องออกไปทำงานต่างจังหวัดจึงจำเป็นต้องนัดเขาสอบปากคำในคืนวันนี้ ผมบอกผู้กำกับซ่งว่าจะรีบจัดการเรื่องหูเอ๋อร์ฮุ่ยให้จบแล้วไปพบไป่ฉี ผู้กำกับซ่งพยักหน้าตกลง ผมจึงนัดไป่ฉีมาสอบปากคำคืนวันนี้เวลาสองทุ่มที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งใกล้กับร้านคาราโอเกะเพราะจะสะดวกกว่าหากต้องการเข้าไปตรวจสอบที่ร้านคาราโอเกะด้วย ส่วนทางเสี่ยวหลี่ เขานัดเจ้าของอพาร์ตเมนต์พรุ่งนี้เช้าเนื่องจากเธอกลับบ้านไปแล้วจึงไม่สะดวกออกมาสอบปากคำ

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook