• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านนิยายสยบฟ้า พิชิตปฐพี เล่ม 13 ตอนที่ 1

    ดินแดนทางเหนือของแคว้นเยี่ยนมีอาณาเขตติดต่อกับราชสำนักเผ่าจั่วจั้ง ข้างๆ ยังติดกับแคว้นมหาอำนาจที่น่าเกรงขามอย่างแคว้นต้าถัง ในแง่แสนยานุภาพของแคว้นพูดไม่ได้ว่าเกริกก้องเกรียงไกร ในแง่ความเป็นอยู่ของประชาชนยิ่งพูดไม่ได้ว่าอยู่ดีกินดี โดยเฉพาะตอนนี้เป็นช่วงปลายปี อากาศกำลังหนาวจัด ภายในเมืองเฉิงจิ่งซึ่งเป็นเมืองหลวงจึงสามารถมองเห็นคนเร่ร่อนและขอทานที่ขาดแคลนเสื้อผ้าและอาหารอยู่ทุกหนแห่ง

    ขอทานผอมโซหมดเรี่ยวแรงหนึ่งคนสามารถเรียกร้องสายตาสงสารเห็นอกเห็นใจจากชาวเมืองได้ แต่หากเป็นขอทานผอมแห้งหิวโหยจนแทบลงคลานจำนวนนับร้อยคน แทนที่จะเรียกความเห็นใจ กลับได้มาแต่สายตารังเกียจเดียดฉันท์ กระทั่งว่าหวาดกลัวไปเสียฉิบ บรรดาเถ้าแก่เหลาสุราตามตรอกซอกซอยในเมืองเฉิงจิ่ง แม้จะพบเห็นขอทานเหล่านี้ แต่ก็มิได้มีความสงสารกระตือรือร้นที่จะตั้งโต๊ะทำทานเหมือนเช่นบรรดาเถ้าแก่ในเมืองฉางอัน ขอทานเหล่านี้จะมีอาหารตกใส่ท้องหรือไม่จึงได้แต่ต้องดูความสามารถของตัวเองแล้ว

    ขอทานหน้าตาสกปรกมอมแมมผอมแห้งเหมือนโครงกระดูกเดินได้คนหนึ่งถือชามกระเบื้องแตกบิ่น เดินไปตามตรอกเล็กตรอกน้อยของเมืองเฉิงจิ่งที่มันคุ้นเคยอย่างไร้จุดหมาย ไม่มีผู้ใดสนใจมองมัน และมันก็ไม่ได้สนใจมองผู้ใด สมาธิของมันยามนี้ล้วนถูกกลิ่นหอมที่โชยออกมาจากเหลาสุราและแผงอาหารข้างทางดึงดูดไปหมด แต่น่าเสียดาย มันไม่มีเคล็ดลับในการขอทานเหมือนพวกขอทานมากประสบการณ์เหล่านั้น อีกทั้งเสื้อผ้าที่ส่งกลิ่นเหม็นเปรี้ยวแม้อากาศจะหนาวเย็น กับเส้นผมเหนียวเหนอะพันกันยุ่งเหยิงเสียยิ่งกว่าเชือกตรงหน้าประตูเมือง ทำให้มันหมดปัญญาจะย่างกรายเข้าไปในสถานที่เหล่านั้น

    เหลาสุราสามแห่งแล้วที่ขับไล่มันออกมา โดยเฉพาะที่สุดท้าย เสี่ยวเอ้อร์ถึงกับใช้ไม้กระบองตีต้นขามันแรงๆ จนล้ม จากนั้นเตะมันกลิ้งหลุนๆ ออกมาที่กลางถนน

    มันเก็บชามที่หล่นกระแทกพื้นจนมีรอยบิ่นมากกว่าเดิมขึ้นมา แล้วเท้าสะเอวตะโกนด่าเป็นการใหญ่ คำด่าแต่ละคำสกปรกหยาบคายเหม็นโฉ่เสียยิ่งกว่าคราบไคลบนเนื้อตัว กระทั่งเสี่ยวเอ้อร์ถือกระบองวิ่งตรงรี่เข้ามา มันจึงลนลานวิ่งหนีราวกับมุสิกขี้ขลาดตัวหนึ่ง ไหนเลยจะมีท่าทางขององค์ชายผู้สูงศักดิ์และหัวหน้าหน่วยพิพากษาที่ทรงอำนาจน่ายำเกรงอีก

    อีกฟากหนึ่งของถนน ลู่เฉินจยาจูงม้าขาวยืนมองอย่างเซื่องซึม มือขวากำเชือกบังเหียนแน่น สองตาคลอคลองด้วยหยาดน้ำใส ทว่านางไม่ยอมให้ไหลอาบหน้า เพราะนางยังคงมีความหวัง

    ระหว่างทางกลับจากทุ่งร้าง นางอาบน้ำและผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว แต่เนื่องจากสุขภาพกายใจที่ทรุดโทรม กอปรกับปกติก็เป็นสาวงามรูปร่างบอบบาง จึงทำให้ดูซีดเซียวมากเป็นพิเศษ ชวนให้ผู้พบเห็นบังเกิดความสงสารคิดอยากทะนุถนอม หากมิใช่เพราะม้าขาวข้างกายที่มองแค่ปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นยอดอาชาราคาแพง มิทราบว่าจะมีทหารเฝ้าประตูเมืองกับชาวยุทธ์จำนวนกี่มากน้อยที่บังเกิดความคิดไม่ดีต่อนาง

    ช่วงหลายวันมานี้นางมองหลงชิ่งปกปิดชื่อแซ่กลับเข้าเมืองหลวง ใช้ชีวิตเฉกเช่นคนชั้นต่ำสุด ร่อนเร่อยู่ตามถนน ถูกเสี่ยวเอ้อร์ในเหลาสุราหัวซอยท้ายซอยต้อนรับด้วยไม้กระบอง ต้องดิ้นรนตะเกียกตะกายเอาชีวิตให้รอด มีอยู่หลายครั้งที่นางอยากเข้าไปช่วย แต่ก็ต้องระงับใจไว้ เพราะระหว่างการเดินทางกลับจากทุ่งร้าง พอหลงชิ่งเริ่มเห็นวี่แววของผู้คนก็ไม่ขอเสบียงจากนางอีก ทุกครั้งที่นางเอ่ยปาก มันจะตะคอกใส่อย่างกราดเกรี้ยวเหมือนคนเสียสติ ถึงขั้นหยิบฉวยสิ่งของที่อยู่ใกล้มือขว้างปาใส่นาง ไม่ว่าจะเป็นก้อนหินหรือดินโคลน ยกเว้นชามบิ่นๆ ที่ใช้ขอทานใบนั้น

    ลู่เฉินจยาเศร้าใจยิ่ง นางเศร้าใจกับสภาพตกต่ำของหลงชิ่ง เศร้าใจที่หลงชิ่งขับไล่นาง ยิ่งไปกว่านั้นคือเศร้าใจที่พบว่าหลงชิ่งสามารถทำได้แค่ปาก้อนหินดินโคลนใส่นาง ไม่ต่างอะไรจากอันธพาลหรือขอทานจริงๆ ซึ่งตัวมันเองย่อมต้องรู้ดีในจุดนี้ นางคิดในใจ คนที่เคยทระนงถือดีอย่างมันจะเจ็บปวดรวดร้าวและทรมานใจสักเพียงไรหนอ

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook