• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านนิยายสยบฟ้า พิชิตปฐพี เล่ม 13 ตอนที่ 1

    พลบค่ำแล้ว ในที่สุดหลงชิ่งก็กึ่งขอกึ่งแย่งชิงหมั่นโถวแข็งๆ ครึ่งลูกมาจากตะกร้าของสตรีวัยกลางคนคนหนึ่งได้ มันยัดหมั่นโถวครึ่งลูกนั้นใส่อกเสื้ออย่างภาคภูมิใจ จากนั้นใจก็กระหวัดนึกถึงแกงจืดก้านผักกาดขาวครึ่งกระปุกที่ซ่อนไว้ในที่ซุกหัวนอน จึงเอื้อนเพลงสัปดี้สัปดนที่เคยได้ยินจากสหายในเทียนอวี้ย่วนเมื่อนานมาแล้วก่อนเดินออกจากตัวเมืองไปอย่างเบิกบานใจ

    นอกเมืองมีอารามเต๋าแห่งหนึ่ง มันเดินผ่านไปโดยไม่เหลือบแล หากเป็นเมื่อก่อน คนทั้งเบื้องบนเบื้องล่างในอารามพอรู้ว่ามันอยู่ข้างนอก จะต้องไล่คนทั้งหมดออกจากอาราม จากนั้นสาดน้ำปูพรมคอยต้อนรับมันราวกับเป็นบรรพบุรุษของตัวเอง ทว่าเมื่อหลายวันก่อน พอพรตน้อยในอารามได้ยินมันเอ่ยปากขอเข้าไปค้างแรม แววตาก็สาดประกายรังเกียจเดียดฉันท์ออกมาทันที

    ดังนั้นมันจึงจำต้องไปอาศัยอยู่ในวัดร้างแห่งหนึ่ง

    สภาพของหลงชิ่งในตอนนี้สกปรกโสโครก เส้นผมพันกันจนสางไม่ออก โชคดีว่าอยู่ในฤดูเหมันต์ บาดแผลตรงหน้าอกจึงไม่เน่าเหม็น ไม่มีแมลงวันตอม มิเช่นนั้นบรรดาขอทานในวัดคงไม่ยอมให้มันเข้าไปอยู่ด้วยเป็นแน่

    กลับถึงวัดร้าง หลงชิ่งพบว่าตัวเองยังไม่หิวสักเท่าใด อย่างน้อยก็ไม่มากเท่ากับตอนที่ขอเสบียงจากลู่เฉินจยากินในทุ่งร้าง ดังนั้นมันจึงตัดสินใจเก็บหมั่นโถวครึ่งลูกไว้กินพรุ่งนี้ พอนึกถึงว่าจะได้ลิ้มรสชาติของหมั่นโถวที่แช่น้ำแกงจนนุ่ม มันก็ลูบท้องอย่างพึงพอใจ หลับไปอย่างมีความสุข

    ลู่เฉินจยาจูงม้าขาวยืนอยู่นอกวัดร้าง ตามองแสงจากกองไฟที่ลอดออกมา นางรู้ว่าในนั้นมีขอทานอยู่มากมาย คาดว่าตอนนี้พวกมันคงกำลังคุยโอ่ใส่กันว่าวันนี้ได้ของอะไรมาบ้าง หลังยืนดูอยู่เงียบๆ สักพักก็หันกายเดินจากมา แต่มิได้ไปไหนไกล เพียงแค่ไปนั่งพักอยู่ในป่าซึ่งห่างจากวัดร้างไม่ไกล

    นางเข้าใจว่าอีกฝ่ายไม่รู้ตัวว่านางยังคงติดตามมา เพราะไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นถึงยอดผู้ฝึกฌานด่านสู่พิสดารขั้นปลาย ส่วนหลงชิ่งในตอนนี้เป็นเพียงแค่คนธรรมดาเท่านั้น ทว่านางลืมไปเรื่องหนึ่ง ในฐานะคู่รักที่อยู่เคียงข้างกันมานานหลายปี ต่อให้นางไม่ใช้พลังจิตไปรับรู้ก็ยังพอจะใช้ความรู้สึกคลำทางได้ว่าหลงชิ่งอยู่ที่ใด นี่กลายเป็นความคุ้นเคยหรือจะบอกว่ากลายเป็นสัญชาตญาณของนางไปแล้วก็ได้ แต่มิทราบว่านี่ถือเป็นความโชคดีหรือโชคร้าย เพราะหลงชิ่งก็มีสัญชาตญาณประเภทนี้อยู่เช่นกัน

    รุ่งเช้า ลู่เฉินจยาสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย พอลืมตาก็เห็นใบหน้ามันลอยอยู่ใกล้ๆ

    ใบหน้าที่ตอนนี้กลายเป็นคนแปลกหน้า มิหนำซ้ำยังสกปรกเลอะเทอะไม่น่าเข้าใกล้ อยู่ห่างจากนางแค่นิดเดียว ใกล้จนนางรู้สึกเจ็บปวดใจและหวาดผวา โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นมิได้บริสุทธิ์กระจ่างใสอีกต่อไปแล้ว แต่มีสภาพเหมือนฝุ่นธุลีที่เคลือบด้วยน้ำมัน เต็มไปด้วยความเย็นชาไร้จิตใจจนทำให้นางรู้สึกหวั่นใจอยู่บ้าง

    “ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”

    นางรีบบอกเสียงสั่น

    “เจ้าไม่ต้องไป ข้าจะไปเอง”

    ครั้นแล้วหลงชิ่งก็คุกเข่าลงตรงหน้านาง อ้อนวอนเสียงเบาด้วยความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว

    “ข้าขอร้องเจ้า อย่าได้ตามมาอีกเลย ข้าเป็นคนพิการไปแล้วจริงๆ ไม่มีอนาคตหรือความก้าวหน้า ที่ข้าต้องขอทานก็เพื่อให้มีชีวิตรอดต่อไป มิใช่เป็นการบำเพ็ญฌานแต่อย่างใด อย่าได้หวังลมๆ แล้งๆ ว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะเฮ่าเทียนต้องการประทานโอกาสให้ข้าได้พบกับประสบการณ์แปลกพิสดารเพื่อฝึกฝนเคี่ยวกรำ ข้ายอมรับว่าไม่มีความกล้าที่จะไปพบหน้าคนที่เคยรู้จัก และไม่มีความกล้าที่จะเดินไปสู่ความตาย ข้าเป็นเพียงมุสิกขี้ขลาดที่วันๆ เอาแต่มุดหัวหลุบหางอยู่ในร่องระบายน้ำโสโครก อาจมีบ้างบางเวลาที่ข้าจะนึกถึงความหลังเมื่อครั้งยังเป็นพยัคฆ์ แต่ตอนนี้ข้าแค่ขอให้ได้กินเนื้อบูดๆ เพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ก็พอแล้ว เพราะการมีชีวิตอยู่ย่อมดีกว่าอะไรทั้งหมด”

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook